เตือนหวนดื่มหนักหลัง “ออกพรรษา” ทำคนตาย-พิการหลายราย วอนอย่ากลับไปสู่จุดเดิม

แสดงความคิดเห็น

“มูลนิธิเมาไม่ขับ” เตือนอันตรายฉลองดื่มหนักหลังออกพรรษา ยกกรณี “น้องอิงฟ้า” เหยื่อเมาแล้วขับ ขอให้เป็นรายสุดท้าย พร้อมร่วมกันรับบริจาคเงินช่วยเหลือครอบครัว ขณะที่ สสส. ผนึกภาคี จัดกิจกรรมเชิดชูคนหัวใจหินงดเหล้าครบพรรษา

มูลนิธิเมาไม่ขับ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดกิจกรรมให้กำลังใจคนงดเหล้าครบพรรษา โดยนำเหยื่อเมาแล้วขับ ผู้พิการนั่งวีลแชร์ และผู้ได้รับผลกระทบฯ กว่า 50 ชีวิต จัดกิจกรรม “ร้อยดวงใจ สู่คนหัวใจหิน”

วันที่ (4 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ มูลนิธิเมาไม่ขับ ร่วมกับ เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครือข่ายองค์กรงดเหล้า มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล มูลนิธิสื่อเพื่อเยาวชน โรงพยาบาลธัญญารักษ์ และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดกิจกรรมให้กำลังใจคนงดเหล้าครบพรรษา โดยนำเหยื่อเมาแล้วขับ ผู้พิการนั่งวีลแชร์ และผู้ได้รับผลกระทบฯ กว่า 50 ชีวิต จัดกิจกรรม “ร้อยดวงใจ สู่คนหัวใจหิน” ช่วยกันทำของที่ระลึกเพื่อมอบเป็นกำลังใจให้คนที่อยู่ระหว่างรักษาอาการติดเหล้าและคนที่อยู่ระหว่างงดเหล้าให้ครบพรรษา ภายในงานยังมีการยืนไว้อาลัย “น้องอิงฟ้า” อายุ 4 ขวบ ที่เสียชีวิตจากคนเมาแล้วขับ ที่จังหวัดระยอง และรับบริจาคเงินช่วยเหลือครอบครัว โดยมอบเงินผ่านนางสาวภัทราวรรณศิริชนม์แม่ของน้องอิงฟ้าซึ่งมาร่วมกิจกรรมในวันนี้ด้วย

นายสุรสิทธิ์ ศิลปงาม ผู้จัดการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวว่า กิจกรรมที่จัดขึ้นครั้งนี้เพื่อต้องการให้กำลังใจคนที่งดเหล้าช่วงเข้าพรรษา ซึ่งเป็นช่วงโค้งสุดท้าย จึงอยากให้นึกถึงสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ไม่แตะต้องน้ำเมาแล้วจะทำให้เราหนักแน่นขึ้น แต่สิ่งที่น่าหนักใจและเป็นข่าวทุก ๆ ปี คือ การดื่มฉลองหลังงดเหล้าครบพรรษาอย่างหนัก จนทำให้เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต และเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทขึ้น ทำให้สิ่งที่อุตส่าห์พิสูจน์ตัวเองมาตลอดสามเดือนกลับต้องไปอยู่ในจุดที่สุ่มเสี่ยงอีก ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่าช่วงเทศกาลเข้าพรรษาช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้มากถึง 15-20% ดังนั้น การฉลองงดเหล้าครบพรรษาขอให้มีสติไม่ควรใช้วิธีดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แต่ควรใช้โอกาสนี้เริ่มต้นชีวิตใหม่ทำสิ่งดีๆเพื่อสุขภาพของตัวเองและคนที่เรารัก

“ความสูญเสียจากน้ำเมา ยังคงเป็นประเด็นที่รุนแรงและเกิดเหตุขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน กรณีล่าสุดเหตุเกิดกับน้องอิงฟ้า อายุ 4 ขวบ ที่เสียชีวิตในขณะที่คุณยายได้รับบาดเจ็บต้องเข้าโรงพยาบาลเป็นข่าวที่สร้างความสะเทือนใจกับผู้คนในสังคมอย่างมาก จะต้องมีครอบครัวและใครอีกกี่รายที่ต้องสูญเสียจากคนเมาแล้วขับ ทุกคนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และวันนี้เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับและภาคีเครือข่ายได้ร่วมกันระดมทุน และรับบริจาคเงินช่วยเหลือครอบครัวน้องด้วย ทั้งนี้ ทางเครือข่ายนักกฎหมายเพื่อเด็กและเยาวชน ได้เตรียมให้การช่วยเหลือในทางกฎหมายอย่างเต็มที่ ประเด็นสำคัญคือ เราจะยอมรับให้ปัญหาเมาแล้วขับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจนชาชินแบบนี้หรือ ถึงเวลาหรือยังที่จะต้องมีมาตรการที่เข้มข้น เพียงพอในการรับมือกับพฤติกรรมแห่งความสูญเสียนี้ ควรมีกฎหมายเมาแล้วขับให้เป็นเรื่องของการเจตนาทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต มิใช่แค่ประมาท หรือการจัดตั้งศาลจราจรก็ควรจะเกิดขึ้นในประเทศนี้เสียทีและควรทำให้สำเร็จในรัฐบาลนี้ด้วย”นายสุรสิทธิ์กล่าว

นายแสงเดือน สุรเดช อายุ 47 ปี เหยื่อเมาแล้วขับ กล่าวว่า ย้อนไปเมื่อ 18 ปีก่อน ตนเหมือนตายทั้งเป็น เพราะถูกคนเมาขับรถเทรลเลอร์มาชนระหว่างที่กำลังขับรถไปทำงาน จนทำให้กระดูกก้านคอหัก แพทย์ช่วยชีวิตและรักษาด้วยการเอากระดูกตรงสะโพกมาดามไว้ อุบัติเหตุครั้งนั้น ทำให้เป็นอัมพาตทั้งตัว ไม่มีความรู้สึกตั้งแต่ช่วงคอลงมา ส่วนคู่กรณีไม่สามารถฟ้องร้องเอาผิดได้ เพราะไม่มีพยานหลักฐาน มีเพียงตำรวจตามจับไว้ได้ว่าเมาแล้วขับ ซึ่งสมัยนั้นยังไม่มีกฎหมายเมาแล้วขับด้วยซ้ำ ส่วนเงินประกันที่ได้ก็ไม่เพียงพอต่อการรักษา ปัจจุบันตนต้องไปพบแพทย์ตามนัดเพื่อเปลี่ยนสายปัสสาวะทุกเดือน บางครั้งก็เป็นแผลติดเชื้อ สภาพตอนนี้กลายเป็นผู้ป่วยนอนติดเตียงมีแผลกดทับ

ผู้เข้าร่วมกิจกรรม “ร้อยดวงใจ สู่คนหัวใจหิน”

“ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุคนเมาขับรถชน ชีวิตก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ภาระทั้งหมดตกอยู่ที่พ่อแม่ อีกทั้งยังต้องเลิกลากับภรรยา ไม่ได้เจอหน้าลูก ตอนนี้ต้องดิ้นรนหาเงินเพื่อมารักษาตัวเอง ทั้งค่ายา ค่าอาหาร โชคยังดีที่ได้ทำงานเป็นดีเจภาคประชาสังคมผู้พิการ ของโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และช่วยเหลืองานมูลนิธิเมาไม่ขับ อย่างไรก็ตาม ขอฝากว่า คนที่ยังเมาแล้วขับต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม มีจิตสำนึกรับผิดชอบชีวิตผู้ร่วมทาง อย่าลืมว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้คนเปลี่ยนนิสัย ขาดสติได้ และขอให้กำลังใจคนที่งดเหล้าครบพรรษา เพราะดีต่อทั้งสุขภาพมีเงินเก็บมีสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น”นายแสงเดือนกล่าว

ด้าน นางสาวชนกนาค แก้วสะเทือน อายุ 51 ปี แม่ค้าตลาดหทัยมิตร กล่าวว่า ตนใช้ชีวิตแบบผิด ๆ มากว่า 30 ปี คือ เริ่มดื่มเหล้าตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น ดื่มเรื่อยมาจนติด เหล้าป่าเหล้าสี ลองมาหมดช่วงท้ายติดเบียร์ ในตู้เย็นแทบไม่มีน้ำ มีแต่เบียร์ เคยดื่มเบียร์วันละ 1 ลัง หรือบางวันก็มากกว่านั้น กระทั่งป่วยเป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรง หมอนรองกระดูกเสื่อม ต้องใส่นอตที่คอ และต่อมไทรอยด์เป็นพิษ แม้อาการตอนนั้นจะหนักมากแต่ก็ยังไม่เลิกดื่ม ทรัพย์สินที่ดินกว่า 7 แสน ก็ขายมาซื้อเหล้าเที่ยวเตร่จนหมด ตอนที่ล้มป่วยหนักเพื่อนฝูงก็หายหน้า จนสุดท้ายถึงจุดต้องทบทวนถ้าไม่เลิกดื่มจะทำลายชีวิตไปกว่านี้ จนสามารถเอาชนะใจตัวเอง เริ่มต้นด้วยการงดเหล้าเข้าพรรษาซึ่งตอนนี้ก็ไม่แตะต้องมันอีกเลย

“หมอบอกว่า กระดูกเสื่อม ตอนนี้อยู่ระหว่างการรักษาตัว ต้องกินยาและพบแพทย์ตามนัด ตั้งแต่เลิกเหล้าร่างกายเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นมาก มีแรงทำงานเก็บเงิน ถ้าไม่ใช่เพราะติดเหล้า ป่านนี้คงมีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว ทุกวันนี้ยังเข้าสังคมเจอเพื่อนฝูง แต่เลือกที่จะไม่ดื่ม หันมาดื่มน้ำเปล่า หรือน้ำผลไม้แทน และพยายามชวนเพื่อนในตลาดเลิกเหล้าเพื่อสุขภาพที่ดีกลับคืนมา อยากฝากว่า ชีวิตที่ผ่านมาเอาคืนไม่ได้ แต่ให้จำไว้เป็นบทเรียน ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้กับคนที่งดเหล้าครบพรรษา ขอให้ตั้งใจงดดื่มหรือทำต่อเนื่องหลังจากออกพรรษาไปแล้ว เพื่อสุขภาพที่ดีกลับคืนมา ส่วนตัวเองตั้งใจจะลาขาดจากน้ำเมาเสียที” นางสาวชนกนาค กล่าว

ขอบคุณ... http://www.manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9590000099825 (ขนาดไฟล์: 164)

ที่มา: manager.co.thออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 4 ต.ค.59
วันที่โพสต์: 5/10/2559 เวลา 11:48:07 ดูภาพสไลด์โชว์ เตือนหวนดื่มหนักหลัง “ออกพรรษา” ทำคนตาย-พิการหลายราย วอนอย่ากลับไปสู่จุดเดิม

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

“มูลนิธิเมาไม่ขับ” เตือนอันตรายฉลองดื่มหนักหลังออกพรรษา ยกกรณี “น้องอิงฟ้า” เหยื่อเมาแล้วขับ ขอให้เป็นรายสุดท้าย พร้อมร่วมกันรับบริจาคเงินช่วยเหลือครอบครัว ขณะที่ สสส. ผนึกภาคี จัดกิจกรรมเชิดชูคนหัวใจหินงดเหล้าครบพรรษา มูลนิธิเมาไม่ขับ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดกิจกรรมให้กำลังใจคนงดเหล้าครบพรรษา โดยนำเหยื่อเมาแล้วขับ ผู้พิการนั่งวีลแชร์ และผู้ได้รับผลกระทบฯ กว่า 50 ชีวิต จัดกิจกรรม “ร้อยดวงใจ สู่คนหัวใจหิน” วันที่ (4 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ มูลนิธิเมาไม่ขับ ร่วมกับ เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครือข่ายองค์กรงดเหล้า มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล มูลนิธิสื่อเพื่อเยาวชน โรงพยาบาลธัญญารักษ์ และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดกิจกรรมให้กำลังใจคนงดเหล้าครบพรรษา โดยนำเหยื่อเมาแล้วขับ ผู้พิการนั่งวีลแชร์ และผู้ได้รับผลกระทบฯ กว่า 50 ชีวิต จัดกิจกรรม “ร้อยดวงใจ สู่คนหัวใจหิน” ช่วยกันทำของที่ระลึกเพื่อมอบเป็นกำลังใจให้คนที่อยู่ระหว่างรักษาอาการติดเหล้าและคนที่อยู่ระหว่างงดเหล้าให้ครบพรรษา ภายในงานยังมีการยืนไว้อาลัย “น้องอิงฟ้า” อายุ 4 ขวบ ที่เสียชีวิตจากคนเมาแล้วขับ ที่จังหวัดระยอง และรับบริจาคเงินช่วยเหลือครอบครัว โดยมอบเงินผ่านนางสาวภัทราวรรณศิริชนม์แม่ของน้องอิงฟ้าซึ่งมาร่วมกิจกรรมในวันนี้ด้วย นายสุรสิทธิ์ ศิลปงาม ผู้จัดการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวว่า กิจกรรมที่จัดขึ้นครั้งนี้เพื่อต้องการให้กำลังใจคนที่งดเหล้าช่วงเข้าพรรษา ซึ่งเป็นช่วงโค้งสุดท้าย จึงอยากให้นึกถึงสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ไม่แตะต้องน้ำเมาแล้วจะทำให้เราหนักแน่นขึ้น แต่สิ่งที่น่าหนักใจและเป็นข่าวทุก ๆ ปี คือ การดื่มฉลองหลังงดเหล้าครบพรรษาอย่างหนัก จนทำให้เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต และเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทขึ้น ทำให้สิ่งที่อุตส่าห์พิสูจน์ตัวเองมาตลอดสามเดือนกลับต้องไปอยู่ในจุดที่สุ่มเสี่ยงอีก ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่าช่วงเทศกาลเข้าพรรษาช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้มากถึง 15-20% ดังนั้น การฉลองงดเหล้าครบพรรษาขอให้มีสติไม่ควรใช้วิธีดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แต่ควรใช้โอกาสนี้เริ่มต้นชีวิตใหม่ทำสิ่งดีๆเพื่อสุขภาพของตัวเองและคนที่เรารัก “ความสูญเสียจากน้ำเมา ยังคงเป็นประเด็นที่รุนแรงและเกิดเหตุขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน กรณีล่าสุดเหตุเกิดกับน้องอิงฟ้า อายุ 4 ขวบ ที่เสียชีวิตในขณะที่คุณยายได้รับบาดเจ็บต้องเข้าโรงพยาบาลเป็นข่าวที่สร้างความสะเทือนใจกับผู้คนในสังคมอย่างมาก จะต้องมีครอบครัวและใครอีกกี่รายที่ต้องสูญเสียจากคนเมาแล้วขับ ทุกคนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และวันนี้เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับและภาคีเครือข่ายได้ร่วมกันระดมทุน และรับบริจาคเงินช่วยเหลือครอบครัวน้องด้วย ทั้งนี้ ทางเครือข่ายนักกฎหมายเพื่อเด็กและเยาวชน ได้เตรียมให้การช่วยเหลือในทางกฎหมายอย่างเต็มที่ ประเด็นสำคัญคือ เราจะยอมรับให้ปัญหาเมาแล้วขับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจนชาชินแบบนี้หรือ ถึงเวลาหรือยังที่จะต้องมีมาตรการที่เข้มข้น เพียงพอในการรับมือกับพฤติกรรมแห่งความสูญเสียนี้ ควรมีกฎหมายเมาแล้วขับให้เป็นเรื่องของการเจตนาทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต มิใช่แค่ประมาท หรือการจัดตั้งศาลจราจรก็ควรจะเกิดขึ้นในประเทศนี้เสียทีและควรทำให้สำเร็จในรัฐบาลนี้ด้วย”นายสุรสิทธิ์กล่าว นายแสงเดือน สุรเดช อายุ 47 ปี เหยื่อเมาแล้วขับ กล่าวว่า ย้อนไปเมื่อ 18 ปีก่อน ตนเหมือนตายทั้งเป็น เพราะถูกคนเมาขับรถเทรลเลอร์มาชนระหว่างที่กำลังขับรถไปทำงาน จนทำให้กระดูกก้านคอหัก แพทย์ช่วยชีวิตและรักษาด้วยการเอากระดูกตรงสะโพกมาดามไว้ อุบัติเหตุครั้งนั้น ทำให้เป็นอัมพาตทั้งตัว ไม่มีความรู้สึกตั้งแต่ช่วงคอลงมา ส่วนคู่กรณีไม่สามารถฟ้องร้องเอาผิดได้ เพราะไม่มีพยานหลักฐาน มีเพียงตำรวจตามจับไว้ได้ว่าเมาแล้วขับ ซึ่งสมัยนั้นยังไม่มีกฎหมายเมาแล้วขับด้วยซ้ำ ส่วนเงินประกันที่ได้ก็ไม่เพียงพอต่อการรักษา ปัจจุบันตนต้องไปพบแพทย์ตามนัดเพื่อเปลี่ยนสายปัสสาวะทุกเดือน บางครั้งก็เป็นแผลติดเชื้อ สภาพตอนนี้กลายเป็นผู้ป่วยนอนติดเตียงมีแผลกดทับ ผู้เข้าร่วมกิจกรรม “ร้อยดวงใจ สู่คนหัวใจหิน” “ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุคนเมาขับรถชน ชีวิตก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ภาระทั้งหมดตกอยู่ที่พ่อแม่ อีกทั้งยังต้องเลิกลากับภรรยา ไม่ได้เจอหน้าลูก ตอนนี้ต้องดิ้นรนหาเงินเพื่อมารักษาตัวเอง ทั้งค่ายา ค่าอาหาร โชคยังดีที่ได้ทำงานเป็นดีเจภาคประชาสังคมผู้พิการ ของโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และช่วยเหลืองานมูลนิธิเมาไม่ขับ อย่างไรก็ตาม ขอฝากว่า คนที่ยังเมาแล้วขับต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม มีจิตสำนึกรับผิดชอบชีวิตผู้ร่วมทาง อย่าลืมว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้คนเปลี่ยนนิสัย ขาดสติได้ และขอให้กำลังใจคนที่งดเหล้าครบพรรษา เพราะดีต่อทั้งสุขภาพมีเงินเก็บมีสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น”นายแสงเดือนกล่าว ด้าน นางสาวชนกนาค แก้วสะเทือน อายุ 51 ปี แม่ค้าตลาดหทัยมิตร กล่าวว่า ตนใช้ชีวิตแบบผิด ๆ มากว่า 30 ปี คือ เริ่มดื่มเหล้าตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น ดื่มเรื่อยมาจนติด เหล้าป่าเหล้าสี ลองมาหมดช่วงท้ายติดเบียร์ ในตู้เย็นแทบไม่มีน้ำ มีแต่เบียร์ เคยดื่มเบียร์วันละ 1 ลัง หรือบางวันก็มากกว่านั้น กระทั่งป่วยเป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรง หมอนรองกระดูกเสื่อม ต้องใส่นอตที่คอ และต่อมไทรอยด์เป็นพิษ แม้อาการตอนนั้นจะหนักมากแต่ก็ยังไม่เลิกดื่ม ทรัพย์สินที่ดินกว่า 7 แสน ก็ขายมาซื้อเหล้าเที่ยวเตร่จนหมด ตอนที่ล้มป่วยหนักเพื่อนฝูงก็หายหน้า จนสุดท้ายถึงจุดต้องทบทวนถ้าไม่เลิกดื่มจะทำลายชีวิตไปกว่านี้ จนสามารถเอาชนะใจตัวเอง เริ่มต้นด้วยการงดเหล้าเข้าพรรษาซึ่งตอนนี้ก็ไม่แตะต้องมันอีกเลย “หมอบอกว่า กระดูกเสื่อม ตอนนี้อยู่ระหว่างการรักษาตัว ต้องกินยาและพบแพทย์ตามนัด ตั้งแต่เลิกเหล้าร่างกายเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นมาก มีแรงทำงานเก็บเงิน ถ้าไม่ใช่เพราะติดเหล้า ป่านนี้คงมีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว ทุกวันนี้ยังเข้าสังคมเจอเพื่อนฝูง แต่เลือกที่จะไม่ดื่ม หันมาดื่มน้ำเปล่า หรือน้ำผลไม้แทน และพยายามชวนเพื่อนในตลาดเลิกเหล้าเพื่อสุขภาพที่ดีกลับคืนมา อยากฝากว่า ชีวิตที่ผ่านมาเอาคืนไม่ได้ แต่ให้จำไว้เป็นบทเรียน ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้กับคนที่งดเหล้าครบพรรษา ขอให้ตั้งใจงดดื่มหรือทำต่อเนื่องหลังจากออกพรรษาไปแล้ว เพื่อสุขภาพที่ดีกลับคืนมา ส่วนตัวเองตั้งใจจะลาขาดจากน้ำเมาเสียที” นางสาวชนกนาค กล่าว ขอบคุณ... http://www.manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9590000099825

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...