คนบ้าอยู่ร่วมสังคมกับเราเสมอ
มองมุมยุทธศาสตร์ โดบเรือรบ เมืองมั่น : เทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศตะวันตกวันนี้คือ คนที่มีแนวคิดคลั่งศาสนารุนแรง ที่เคยอยู่ในมุมมืดของการเป็นบุคคลชั้นสองของสังคมหรือเป็นผู้อพยพต่างถิ่นกล้าที่จะออกมาก่อการร้ายอย่างที่คนคาดไม่ถึง การเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อของกลุ่มก่อการร้ายฝีมือฉกรรจ์อย่างไอเอสนั้น มีส่วนมากอย่างที่ทุกคนรู้กัน เมื่อผสานกับความผิดปกติในจิตใจของปัจเจกชนแล้วยิ่งไปกันใหญ่ การก่อเหตุอาจทำได้เหมือนง่าย เช่น ดุ่ยเข้าไปปาดคอบาทหลวง หรือขับรถบรรทุกพุ่งทับคนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แล้วจะป้องกันได้อย่างไร เรามองไปที่ยุโรปหรืออเมริกา เพราะอยู่ในความสนใจ แต่ในที่อื่นๆ เช่น บังกลาเทศ ที่จู่ๆ ก็มีลูกหลานคนรวยคนดังจับปืนไล่ยิงคน หรือที่มาเลเซียก็มีคนหลากหลายอาชีพพล็อตแผนปฏิบัติการถล่มเมืองกันอยู่ก็น่ากลัวมิด้อยไปกว่ากัน การก่อการร้ายโดยคนร้ายท้องถิ่นมิใช่นำเข้ากำลังมาแรง
แต่ก็ยังมีการก่อการร้ายที่เจตนาเป็นแบบอื่น ไม่ใช่โยงกับก่อการร้ายสากลหรือก่อการร้ายโดยอ้างศาสนาเท่านั้น พวกนี้ก็กล้าก่อเหตุมากขึ้นกว่าในอดีต ซึ่งอาจเป็นเพราะสังคมเปิดกว้าง เดินทางเชื่อมโยงถึงกันได้ง่ายขึ้น แสวงหาอาวุธได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญคือ มีเวลาและข้อมูลบ่มเพาะความหลงใหลเฉพาะเรื่องของตนเองมากขึ้น เราจึงได้เห็นคนที่คิดเอาเองว่าอยากช่วยปลดทุกข์คนพิการเป็นการเฉพาะจนไล่แทงตายให้เยอะที่สุดเหมือนที่ญี่ปุ่น หรือคนที่โกรธเคืองเพื่อนร่วมโรงเรียนแล้วก็ไล่ยิงมันทั้งสถาบันที่อเมริกา นอกจากนี้เรายังเห็นการก่อการร้ายที่มีแรงจูงใจผสม เช่น ที่ออร์ลันโด มีคนเกลียดเกย์แล้วบุกฆ่าพวกรักร่วมเพศแต่ก็อ้างว่าเป็นเพราะอุดมการณ์ก่อการร้ายสากล การก่อเหตุแบบปัจจัยไปทางจัดกลุ่มไปอีกทางนี้ในไทยและอัฟกานิสถานก็เป็นมาก ฆ่ากันเพราะขัดแย้งด้านของเถื่อนก็อาจอ้างก่อการร้ายได้
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ คือคนบ้าที่หลบซ่อนความรุนแรงไว้ใต้หน้ากากปกติ ตั้งแต่ระดับของการเหมือนคนปกติทุกอย่างไปจนถึงการเคยมีประวัติรุนแรงอยู่บ้าง แต่ไม่ถึงขั้นต้องเอาไปขังคุกลืมหรือทำลายพันธุ์ทิ้ง พวกนี้เป็นใครก็ได้ที่อยู่ร่วมสังคมกับเราปกติ แต่เมื่อถึงเวลา “เหมาะสม” ก็ก่อเหตุขึ้นมาโดยสังคมไม่ทันระวัง ก็ใครจะตึงเครียดเฝ้าระวังได้ตลอด ยุคสมัยนี้ที่การก่อการร้ายแบบ "ข้าทำคนเดียว” หรือโลนวูล์ฟ และเติบโตขึ้นอยู่ในสังคมนั้นเอง หรือโฮมโกรน นั้น เฟื่องฟูขึ้น จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสกัดกั้นการก่อเหตุร้อยเปอร์เซ็นต์
แต่เราพอจะลดทอนโอกาสของการเกิดเหตุได้ สังคมต้องใส่ใจ พยายามสอดส่องผู้ที่มีอาการผิดปกติแปลกแยกทางสังคม พาไปรักษาทางจิตเวช หยุดเงื่อนไขการสร้างความรุนแรงด้วยการส่งเสริมสังคมรักกัน ส่วนการปลุกเร้าค่านิยมด้านเพศ ด้านการใช้กำลัง และการใช้วาจาเกลียดชังทั้งในที่สาธารณะและโซเชียลมีเดียต้องถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย ขณะเดียวกันต้องสกัดกั้นการเข้าถึงข้อมูลประเภทจัดหาอาวุธและแนวทางฆาตกรรมของคนที่มีโอกาสก่อเหตุในระดับตั้งแต่ครอบครัว
ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/news/scoop/236080 (ขนาดไฟล์: 167)
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
นาย ซาโตชิ อุเอะมัตสึหนุ่มวัย 26 ปี มือมีด 19 ศพ มองมุมยุทธศาสตร์ โดบเรือรบ เมืองมั่น : เทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศตะวันตกวันนี้คือ คนที่มีแนวคิดคลั่งศาสนารุนแรง ที่เคยอยู่ในมุมมืดของการเป็นบุคคลชั้นสองของสังคมหรือเป็นผู้อพยพต่างถิ่นกล้าที่จะออกมาก่อการร้ายอย่างที่คนคาดไม่ถึง การเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อของกลุ่มก่อการร้ายฝีมือฉกรรจ์อย่างไอเอสนั้น มีส่วนมากอย่างที่ทุกคนรู้กัน เมื่อผสานกับความผิดปกติในจิตใจของปัจเจกชนแล้วยิ่งไปกันใหญ่ การก่อเหตุอาจทำได้เหมือนง่าย เช่น ดุ่ยเข้าไปปาดคอบาทหลวง หรือขับรถบรรทุกพุ่งทับคนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แล้วจะป้องกันได้อย่างไร เรามองไปที่ยุโรปหรืออเมริกา เพราะอยู่ในความสนใจ แต่ในที่อื่นๆ เช่น บังกลาเทศ ที่จู่ๆ ก็มีลูกหลานคนรวยคนดังจับปืนไล่ยิงคน หรือที่มาเลเซียก็มีคนหลากหลายอาชีพพล็อตแผนปฏิบัติการถล่มเมืองกันอยู่ก็น่ากลัวมิด้อยไปกว่ากัน การก่อการร้ายโดยคนร้ายท้องถิ่นมิใช่นำเข้ากำลังมาแรง แต่ก็ยังมีการก่อการร้ายที่เจตนาเป็นแบบอื่น ไม่ใช่โยงกับก่อการร้ายสากลหรือก่อการร้ายโดยอ้างศาสนาเท่านั้น พวกนี้ก็กล้าก่อเหตุมากขึ้นกว่าในอดีต ซึ่งอาจเป็นเพราะสังคมเปิดกว้าง เดินทางเชื่อมโยงถึงกันได้ง่ายขึ้น แสวงหาอาวุธได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญคือ มีเวลาและข้อมูลบ่มเพาะความหลงใหลเฉพาะเรื่องของตนเองมากขึ้น เราจึงได้เห็นคนที่คิดเอาเองว่าอยากช่วยปลดทุกข์คนพิการเป็นการเฉพาะจนไล่แทงตายให้เยอะที่สุดเหมือนที่ญี่ปุ่น หรือคนที่โกรธเคืองเพื่อนร่วมโรงเรียนแล้วก็ไล่ยิงมันทั้งสถาบันที่อเมริกา นอกจากนี้เรายังเห็นการก่อการร้ายที่มีแรงจูงใจผสม เช่น ที่ออร์ลันโด มีคนเกลียดเกย์แล้วบุกฆ่าพวกรักร่วมเพศแต่ก็อ้างว่าเป็นเพราะอุดมการณ์ก่อการร้ายสากล การก่อเหตุแบบปัจจัยไปทางจัดกลุ่มไปอีกทางนี้ในไทยและอัฟกานิสถานก็เป็นมาก ฆ่ากันเพราะขัดแย้งด้านของเถื่อนก็อาจอ้างก่อการร้ายได้ ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ คือคนบ้าที่หลบซ่อนความรุนแรงไว้ใต้หน้ากากปกติ ตั้งแต่ระดับของการเหมือนคนปกติทุกอย่างไปจนถึงการเคยมีประวัติรุนแรงอยู่บ้าง แต่ไม่ถึงขั้นต้องเอาไปขังคุกลืมหรือทำลายพันธุ์ทิ้ง พวกนี้เป็นใครก็ได้ที่อยู่ร่วมสังคมกับเราปกติ แต่เมื่อถึงเวลา “เหมาะสม” ก็ก่อเหตุขึ้นมาโดยสังคมไม่ทันระวัง ก็ใครจะตึงเครียดเฝ้าระวังได้ตลอด ยุคสมัยนี้ที่การก่อการร้ายแบบ "ข้าทำคนเดียว” หรือโลนวูล์ฟ และเติบโตขึ้นอยู่ในสังคมนั้นเอง หรือโฮมโกรน นั้น เฟื่องฟูขึ้น จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสกัดกั้นการก่อเหตุร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เราพอจะลดทอนโอกาสของการเกิดเหตุได้ สังคมต้องใส่ใจ พยายามสอดส่องผู้ที่มีอาการผิดปกติแปลกแยกทางสังคม พาไปรักษาทางจิตเวช หยุดเงื่อนไขการสร้างความรุนแรงด้วยการส่งเสริมสังคมรักกัน ส่วนการปลุกเร้าค่านิยมด้านเพศ ด้านการใช้กำลัง และการใช้วาจาเกลียดชังทั้งในที่สาธารณะและโซเชียลมีเดียต้องถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย ขณะเดียวกันต้องสกัดกั้นการเข้าถึงข้อมูลประเภทจัดหาอาวุธและแนวทางฆาตกรรมของคนที่มีโอกาสก่อเหตุในระดับตั้งแต่ครอบครัว ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/news/scoop/236080
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)