วิ่งและนวดกับคนตาบอด

แสดงความคิดเห็น

ไกด์รันเนอร์ในรายการ “วิ่งด้วยกัน RUN2GETHER”

ผมชอบวิ่งครับ เลยกำหนดกับตัวเองไว้ว่าทุกเดือนต้องวิ่งอย่างน้อยเดือนละ 1 รายการ แต่ปีนี้ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา ผมยังไม่ได้ลงรายการไหนเลย เพราะซุ่มฟิตร่างกายเพื่อเพิ่มระยะเป็น Half Marathon (21 km.) หลังจากวิ่ง 10 km. มานาน อย่างไรก็ตาม ผมเห็นคลิป vdo ตัวหนึ่งโปรโมทรายการวิ่งที่น่าสนใจ นั่นคือ การวิ่งคู่กับคนพิการประเภทต่างๆ ( https://www.youtube.com/watch?v=1-A7D2d81ck (ขนาดไฟล์: 862443) ) ผมลงทะเบียนสมัครเป็นไกด์รันเนอร์ในรายการ “วิ่งด้วยกัน RUN2GETHER” ที่สนับสนุนโดย สสส. หลังจากสมัครไปแล้ว สักพักก็มีการแอดไลน์คุยกับทางรายการว่าจะมีการจับคู่นักวิ่งผู้พิการให้แล้วจะแจ้งกลับมา คู่วิ่งของผมชื่อ คุณสุรศักดิ์ อายุ 51 ปี พิการทางการมองเห็นในระดับที่พอมองเห็นเล็กน้อย (สายตาเลือนราง) ทางผู้จัดทิ้งเบอร์ให้ผมโทรไปติดต่อเพื่อนัดซ้อมวิ่ง ผมก็โทรหาพี่สุรศักดิ์เพื่อแนะนำตัวและถามไถ่ข้อมูลเบื้องต้น โชคดีว่าบ้านพี่สุรศักดิ์อยู่ไม่ไกลจากบ้านผมนัก ผมจึงอาสาไปรับในวันนัดซ้อม พี่สุรศักดิ์หรือพี่ปื้ดพาลูกสาวไปวิ่งด้วย (น้องเปียโนก็มีสายตาเลือนรางเช่นกัน) ผมเลยชวนลูกชายของผมไปเป็นเพื่อนด้วยอีกคนหนึ่ง การนัดซ้อมมีหลายครั้ง แต่คู่ผมไปได้เพียงครั้งเดียว เพราะพี่สุรศักดิ์ต้องดูแลร้านนวดของตนเองและก่อนวันที่ 1 และ 16 ต้องไปขายล็อตเตอรี่ วันที่คู่ผมไปซ้อมวิ่ง มีครูดิน ครูสอนวิ่งชื่อดังและอาสาสมัครมาสอนการวิ่งพื้นฐานให้กับไกด์รันเนอร์และคนพิการ สำหรับไกด์รันเนอร์ที่คู่กับนักวิ่งตาบอด ทางทีมงานจะมีเชือกให้จับคู่กัน แต่พี่สุรศักดิ์บอกว่า เขาตาบอดระดับสายตาเลือนราง พอเห็นบ้างแต่ไม่ค่อยชัด เขาไม่อยากจับเชือกวิ่งเพราะเขารู้สึกว่าเขาถูกจูง ขอให้ผมวิ่งข้างๆ และคอยบอกทางข้างหน้าก็พอ ถ้ามีหลุม มีเนิน มีเสา หรือต้องขึ้นสะพานช่วยบอกล่วงหน้าด้วย เขาพอจะวิ่งได้ วันนั้นเราวอร์มร่างกายและออกวิ่งรอบสวนลุมฯ ผมดูแลพี่สุรศักดิ์ เจ้าลูกชายวิ่งคู่ไปกับน้องเปียโน เมื่อวิ่งเสร็จแล้ว ก่อนแยกย้ายไปทำธุระ ผมให้ลูกชายนำนิทานไปให้ลูกสาวพี่สุรศักดิ์เพื่อเป็นรางวัล แล้วนัดเจอกันในวันวิ่งจริง“

รวมภาพกิจกรรมไกด์รันเนอร์ในรายการ “วิ่งด้วยกัน RUN2GETHER” พาเพื่อนพิการวิ่งไปด้วยกัน

ก่อนถึงวันวิ่งจริง ผมไปรับเสื้อให้พี่สุรศักดิ์เพราะพี่เดินทางไม่ค่อยสะดวก คู่เราได้เบอร์ 88 เบอร์เดียวกัน ผมนำเสื้อวิ่งไปให้ที่ร้านของพี่สุรศักดิ์แถวสวนสยาม ร้านนี้ชื่อว่า “บัวหลวงนวดแผนไทย” ปรากฏว่าเป็นร้านนวดโดยหมอนวดตาบอด ไปถึงก็เจอพี่สุรศักดิ์และครอบครัว ผมไม่เคยนวดกับหมอนวดตาบอดมาก่อนเลย เลยขออนุญาตใช้บริการ เจ้าลูกชายก็นึกสนุกจึงขอนวดด้วยคน เมื่อนวดเสร็จแล้วเจ้าลูกชายบอกสบายจัง…อยากมาอีก

เมื่อถึงวันที่ 20 มีนาคม 2559 ผมไปรับพี่สุรศักดิ์แล้วไปที่สวนลุมพินีด้วยกัน ระยะวิ่ง 5 km. ถูกปล่อยตัวเป็นอันดับที่ 2 เราไม่ได้วิ่งแค่ในสวนลุมฯ เหมือนเวลาซ้อม แต่วิ่งออกไปข้างนอก ออกประตูถนนพระราม 4 วิ่งไปถนนเพลินจิต ผ่านถนนสุขุมวิท และกลับมาเข้าประตูถนนราชดำริ เหตุผลที่ผู้จัดต้องการให้นักวิ่งออกไปด้านนอกสวนลุมฯ เพราะต้องการให้คนทั่วไปเห็นและตระหนักว่า คนพิการก็ทำสิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปทำได้เช่นกัน จึงควรเปิดโอกาสให้กับพวกเขาด้วย ผมว่าวิ่งข้างนอกแบบนี้สนุกกว่าวิ่งในสวนเยอะครับ เส้นทางไม่ซ้ำจำเจ และเนื่องจากคู่ของผมเป็นคนตาบอด แม้จะสายตาเลือนราง แต่ด้วยเวลาเช้ามืด เขามองเห็นอะไรน้อยมาก ผมก็ต้องสื่อสารเพื่อให้สัญญาณตลอดเวลา ถ้าเป็นแต่ก่อน ผมวิ่งคนเดียวเงียบๆ ไม่อยากหันไปพูดคุยกับใคร (แค่วิ่งก็เหนื่อยจะแย่แล้ว) แต่นี่ไม่พูดไม่ได้ครับ คู่เราอาจจะเกิดอันตรายได้ ผมก็จะบอกพี่สุรศักดิ์ว่าให้วิ่งทางตรง เตรียมตัวเลี้ยวซ้าย ข้างหน้ามีหลุม ให้พี่วิ่งชิดซ้ายส่วนผมอยู่ทางขวาให้เพราะมอเตอร์ไซค์เยอะมาก ถ้ามีคู่นักวิ่งจะแซงก็ต้องบอกให้พี่เขาหลบให้หน่อย โดยเฉพาะนักวิ่งติดล้อ นั่งมาบนรถเข็นจะมาเร็วมากครับ ปล่อยให้แซงไปได้เลย (แต่พี่สุรศักดิ์จะได้ยินก่อนแล้วว่ามีรถเข็นตามมาข้างหลัง) มีอยู่ครั้งหนึ่ง คู่ผมวิ่งแซงคู่ของ รศ.ดร.ชัชชาติ สุทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งคู่วิ่งของท่านอาจารย์ชัชชาติก็เป็นนักวิ่งตาบอดเหมือนกัน พอแซงได้ ผมก็บอกพี่สุรศักดิ์ว่า “พี่รู้มั้ย เราได้วิ่งแซงบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพีมาแล้ว” อ.ชัชชาติได้ยินก็หัวเราะเสียงดัง แล้วบอกว่าเดี๋ยวจะตามให้ทัน ส่วนพี่สุรศักดิ์อยากรู้ประวัติคนที่เราแซงมาได้ ผมก็วิ่งไปเล่าไปให้ฟังด้วย ผ่านกิโลเมตรที่ 4 ไปได้ พี่สุรศักดิ์เริ่มเหนื่อย ผมบอกไม่ต้องรีบ เหนื่อยก็เดิน ขอให้ถึงเส้นชัยก็พอ สักพักพี่สุรศักดิ์บอกให้ผมวิ่งต่อเถอะ เขาได้ยินเสียง อ.ชัชชาติ ด้านหลัง (พี่หูดีจริงๆ ครับ) เมื่อพี่มีแรงฮึดอีกครั้ง เราก็วิ่งกันต่อ ผมบอกให้พี่สุรศักดิ์ว่า “พี่ครับ มีตากล้องทางซ้าย หันไปยิ้มหวานให้กล้องด้วยครับ

ร้านบัวหลวงนวดแผนไทยของพี่สุรศักดิ์ พิการทางสายตา

ระหว่างเส้นทางการวิ่งจนถึงเส้นชัย ผมสังเกตสีหน้าของไกด์รันเนอร์ที่อาสามาวิ่งเป็นเพื่อนของผู้พิการและสีหน้าของนักวิ่งผู้พิการ ทุกคนมีแต่รอยยิ้ม ยิ่งกลับมาดูภาพที่วิ่งเข้าเส้นชัย ทุกคนดูมีความสุขมากที่ทั้งคู่ทำสำเร็จด้วยกัน มันยอดเยี่ยมจนบรรยายไม่ถูกเลยครับ คู่ผมเข้าเส้นชัยต่อจากคู่ อ.ชัชชาติ เพราะเราถูกแซงตอน 20 เมตรสุดท้าย เนื่องจากผมมัวแต่ถ่ายรูปพี่สุรศักดิ์กับป้าย 5 km. ว่าวิ่งได้ครบ 5 กิโลแล้ว ส่วนเหรียญรางวัลรายการนี้ก็เก๋ไก๋ไม่ธรรมดา เพราะได้เหรียญแค่ซีกเดียว ต้องเอามาประกับกับคู่วิ่งถึงจะได้เหรียญเต็มวงครับ

จบรายการวิ่งไปแล้วหนึ่งอาทิตย์ ผมพาลูกชายไปนวดกับร้านพี่สุรศักดิ์อีกครั้ง คราวนี้ไปทั้งครอบครัวพ่อ แม่ ลูก เจ้าลูกชายเพิ่งแข่งกอล์ฟเสร็จ กำลังเมื่อยตัวพอดี พี่สุรศักดิ์ขอเป็นหมอนวดให้กับลูกชายผมด้วยตัวเอง นวดไปก็คุยอะไรกันไป หัวเราะกันเอิ๊กอ๊าก ผมสัมภาษณ์หมอนวดของผมที่ชื่อ “แป๊บซี่” เขาเป็นหมอนวดมาประมาณ 4-5 ปี แล้ว เขาไปเรียนการนวดมาจากศูนย์ฝึกวิชาชีพคนตาบอดศรีสังวาลย์ คนตาบอดที่ต้องการมีอาชีพเป็นหมอนวด ต้องเรียน 2 ปี เก็บประสบการณ์ให้ครบ 1,500 ชั่วโมงถึงจะมาประกอบอาชีพได้ ส่วนถ้าเป็นลูกค้าผู้หญิงมานวดอย่างภรรยาผม ทางร้านก็จะมีหมอนวดผู้หญิงให้ด้วย ภรรยาผมนวดกับพี่นุช ที่เป็นหมอนวดมานาน ภรรยาบอกนวดดีมากครับ นวดไม่หนักเกินไป กำลังสบายเลย (ท่าจะจริงครับ ผมเห็นภรรยาผมหลับไปเลย)

ใครสนใจอยากลองนวดกับหมอนวดตาบอด ผมขอแนะนำร้านบัวหลวงนวดแผนไทยของพี่สุรศักดิ์นะครับ อยู่ปากซอยสวนสยามซอย 8 ที่ร้านจะมี 2 ชั้น มีเตียงนวดทั้งหมด 8 เตียง มีหมอนวดผู้ชาย 4 คน ผู้หญิง 4 คน โทรไปนัดก่อนได้ที่เบอร์ 086-786-1761 เปิดตั้งแต่ 8 โมงครึ่งจนถึงหนึ่งทุ่ม (รับลูกค้าคนสุดท้าย) ส่วนใครสนใจจะวิ่งรายการแบบนี้อีก ผมว่าน่าจะมีการจัดขึ้นอีกในปีหน้าเพราะฟีดแบคของคนที่ร่วมวิ่งรู้สึกดีมาก คนที่ไม่ทราบว่ามีรายการดีๆ อย่างนี้ รู้สึกเสียดายอยากจะไปวิ่งบ้าง ก็ต้องรบกวนผู้จัดละครับ กรุณาจัดขึ้นทุกๆ ปีเลยนะครับ เพราะการวิ่งกับคนพิการ ไม่ได้จบแค่เพียงเส้นชัยครับ เรายังช่วยเหลือด้านต่างๆ กับเขาได้อีกหลายช่องทางเลยครับ

ขอบคุณภาพถ่ายจาก : IndyRUN

ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/article/389018 (ขนาดไฟล์: 167)

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 1 เม.ย.59
วันที่โพสต์: 5/04/2559 เวลา 10:34:14 ดูภาพสไลด์โชว์ วิ่งและนวดกับคนตาบอด

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

ไกด์รันเนอร์ในรายการ “วิ่งด้วยกัน RUN2GETHER” ผมชอบวิ่งครับ เลยกำหนดกับตัวเองไว้ว่าทุกเดือนต้องวิ่งอย่างน้อยเดือนละ 1 รายการ แต่ปีนี้ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา ผมยังไม่ได้ลงรายการไหนเลย เพราะซุ่มฟิตร่างกายเพื่อเพิ่มระยะเป็น Half Marathon (21 km.) หลังจากวิ่ง 10 km. มานาน อย่างไรก็ตาม ผมเห็นคลิป vdo ตัวหนึ่งโปรโมทรายการวิ่งที่น่าสนใจ นั่นคือ การวิ่งคู่กับคนพิการประเภทต่างๆ ( https://www.youtube.com/watch?v=1-A7D2d81ck) ผมลงทะเบียนสมัครเป็นไกด์รันเนอร์ในรายการ “วิ่งด้วยกัน RUN2GETHER” ที่สนับสนุนโดย สสส. หลังจากสมัครไปแล้ว สักพักก็มีการแอดไลน์คุยกับทางรายการว่าจะมีการจับคู่นักวิ่งผู้พิการให้แล้วจะแจ้งกลับมา คู่วิ่งของผมชื่อ คุณสุรศักดิ์ อายุ 51 ปี พิการทางการมองเห็นในระดับที่พอมองเห็นเล็กน้อย (สายตาเลือนราง) ทางผู้จัดทิ้งเบอร์ให้ผมโทรไปติดต่อเพื่อนัดซ้อมวิ่ง ผมก็โทรหาพี่สุรศักดิ์เพื่อแนะนำตัวและถามไถ่ข้อมูลเบื้องต้น โชคดีว่าบ้านพี่สุรศักดิ์อยู่ไม่ไกลจากบ้านผมนัก ผมจึงอาสาไปรับในวันนัดซ้อม พี่สุรศักดิ์หรือพี่ปื้ดพาลูกสาวไปวิ่งด้วย (น้องเปียโนก็มีสายตาเลือนรางเช่นกัน) ผมเลยชวนลูกชายของผมไปเป็นเพื่อนด้วยอีกคนหนึ่ง การนัดซ้อมมีหลายครั้ง แต่คู่ผมไปได้เพียงครั้งเดียว เพราะพี่สุรศักดิ์ต้องดูแลร้านนวดของตนเองและก่อนวันที่ 1 และ 16 ต้องไปขายล็อตเตอรี่ วันที่คู่ผมไปซ้อมวิ่ง มีครูดิน ครูสอนวิ่งชื่อดังและอาสาสมัครมาสอนการวิ่งพื้นฐานให้กับไกด์รันเนอร์และคนพิการ สำหรับไกด์รันเนอร์ที่คู่กับนักวิ่งตาบอด ทางทีมงานจะมีเชือกให้จับคู่กัน แต่พี่สุรศักดิ์บอกว่า เขาตาบอดระดับสายตาเลือนราง พอเห็นบ้างแต่ไม่ค่อยชัด เขาไม่อยากจับเชือกวิ่งเพราะเขารู้สึกว่าเขาถูกจูง ขอให้ผมวิ่งข้างๆ และคอยบอกทางข้างหน้าก็พอ ถ้ามีหลุม มีเนิน มีเสา หรือต้องขึ้นสะพานช่วยบอกล่วงหน้าด้วย เขาพอจะวิ่งได้ วันนั้นเราวอร์มร่างกายและออกวิ่งรอบสวนลุมฯ ผมดูแลพี่สุรศักดิ์ เจ้าลูกชายวิ่งคู่ไปกับน้องเปียโน เมื่อวิ่งเสร็จแล้ว ก่อนแยกย้ายไปทำธุระ ผมให้ลูกชายนำนิทานไปให้ลูกสาวพี่สุรศักดิ์เพื่อเป็นรางวัล แล้วนัดเจอกันในวันวิ่งจริง“ รวมภาพกิจกรรมไกด์รันเนอร์ในรายการ “วิ่งด้วยกัน RUN2GETHER” พาเพื่อนพิการวิ่งไปด้วยกัน ก่อนถึงวันวิ่งจริง ผมไปรับเสื้อให้พี่สุรศักดิ์เพราะพี่เดินทางไม่ค่อยสะดวก คู่เราได้เบอร์ 88 เบอร์เดียวกัน ผมนำเสื้อวิ่งไปให้ที่ร้านของพี่สุรศักดิ์แถวสวนสยาม ร้านนี้ชื่อว่า “บัวหลวงนวดแผนไทย” ปรากฏว่าเป็นร้านนวดโดยหมอนวดตาบอด ไปถึงก็เจอพี่สุรศักดิ์และครอบครัว ผมไม่เคยนวดกับหมอนวดตาบอดมาก่อนเลย เลยขออนุญาตใช้บริการ เจ้าลูกชายก็นึกสนุกจึงขอนวดด้วยคน เมื่อนวดเสร็จแล้วเจ้าลูกชายบอกสบายจัง…อยากมาอีก เมื่อถึงวันที่ 20 มีนาคม 2559 ผมไปรับพี่สุรศักดิ์แล้วไปที่สวนลุมพินีด้วยกัน ระยะวิ่ง 5 km. ถูกปล่อยตัวเป็นอันดับที่ 2 เราไม่ได้วิ่งแค่ในสวนลุมฯ เหมือนเวลาซ้อม แต่วิ่งออกไปข้างนอก ออกประตูถนนพระราม 4 วิ่งไปถนนเพลินจิต ผ่านถนนสุขุมวิท และกลับมาเข้าประตูถนนราชดำริ เหตุผลที่ผู้จัดต้องการให้นักวิ่งออกไปด้านนอกสวนลุมฯ เพราะต้องการให้คนทั่วไปเห็นและตระหนักว่า คนพิการก็ทำสิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปทำได้เช่นกัน จึงควรเปิดโอกาสให้กับพวกเขาด้วย ผมว่าวิ่งข้างนอกแบบนี้สนุกกว่าวิ่งในสวนเยอะครับ เส้นทางไม่ซ้ำจำเจ และเนื่องจากคู่ของผมเป็นคนตาบอด แม้จะสายตาเลือนราง แต่ด้วยเวลาเช้ามืด เขามองเห็นอะไรน้อยมาก ผมก็ต้องสื่อสารเพื่อให้สัญญาณตลอดเวลา ถ้าเป็นแต่ก่อน ผมวิ่งคนเดียวเงียบๆ ไม่อยากหันไปพูดคุยกับใคร (แค่วิ่งก็เหนื่อยจะแย่แล้ว) แต่นี่ไม่พูดไม่ได้ครับ คู่เราอาจจะเกิดอันตรายได้ ผมก็จะบอกพี่สุรศักดิ์ว่าให้วิ่งทางตรง เตรียมตัวเลี้ยวซ้าย ข้างหน้ามีหลุม ให้พี่วิ่งชิดซ้ายส่วนผมอยู่ทางขวาให้เพราะมอเตอร์ไซค์เยอะมาก ถ้ามีคู่นักวิ่งจะแซงก็ต้องบอกให้พี่เขาหลบให้หน่อย โดยเฉพาะนักวิ่งติดล้อ นั่งมาบนรถเข็นจะมาเร็วมากครับ ปล่อยให้แซงไปได้เลย (แต่พี่สุรศักดิ์จะได้ยินก่อนแล้วว่ามีรถเข็นตามมาข้างหลัง) มีอยู่ครั้งหนึ่ง คู่ผมวิ่งแซงคู่ของ รศ.ดร.ชัชชาติ สุทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งคู่วิ่งของท่านอาจารย์ชัชชาติก็เป็นนักวิ่งตาบอดเหมือนกัน พอแซงได้ ผมก็บอกพี่สุรศักดิ์ว่า “พี่รู้มั้ย เราได้วิ่งแซงบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพีมาแล้ว” อ.ชัชชาติได้ยินก็หัวเราะเสียงดัง แล้วบอกว่าเดี๋ยวจะตามให้ทัน ส่วนพี่สุรศักดิ์อยากรู้ประวัติคนที่เราแซงมาได้ ผมก็วิ่งไปเล่าไปให้ฟังด้วย ผ่านกิโลเมตรที่ 4 ไปได้ พี่สุรศักดิ์เริ่มเหนื่อย ผมบอกไม่ต้องรีบ เหนื่อยก็เดิน ขอให้ถึงเส้นชัยก็พอ สักพักพี่สุรศักดิ์บอกให้ผมวิ่งต่อเถอะ เขาได้ยินเสียง อ.ชัชชาติ ด้านหลัง (พี่หูดีจริงๆ ครับ) เมื่อพี่มีแรงฮึดอีกครั้ง เราก็วิ่งกันต่อ ผมบอกให้พี่สุรศักดิ์ว่า “พี่ครับ มีตากล้องทางซ้าย หันไปยิ้มหวานให้กล้องด้วยครับ ร้านบัวหลวงนวดแผนไทยของพี่สุรศักดิ์ พิการทางสายตา ระหว่างเส้นทางการวิ่งจนถึงเส้นชัย ผมสังเกตสีหน้าของไกด์รันเนอร์ที่อาสามาวิ่งเป็นเพื่อนของผู้พิการและสีหน้าของนักวิ่งผู้พิการ ทุกคนมีแต่รอยยิ้ม ยิ่งกลับมาดูภาพที่วิ่งเข้าเส้นชัย ทุกคนดูมีความสุขมากที่ทั้งคู่ทำสำเร็จด้วยกัน มันยอดเยี่ยมจนบรรยายไม่ถูกเลยครับ คู่ผมเข้าเส้นชัยต่อจากคู่ อ.ชัชชาติ เพราะเราถูกแซงตอน 20 เมตรสุดท้าย เนื่องจากผมมัวแต่ถ่ายรูปพี่สุรศักดิ์กับป้าย 5 km. ว่าวิ่งได้ครบ 5 กิโลแล้ว ส่วนเหรียญรางวัลรายการนี้ก็เก๋ไก๋ไม่ธรรมดา เพราะได้เหรียญแค่ซีกเดียว ต้องเอามาประกับกับคู่วิ่งถึงจะได้เหรียญเต็มวงครับ จบรายการวิ่งไปแล้วหนึ่งอาทิตย์ ผมพาลูกชายไปนวดกับร้านพี่สุรศักดิ์อีกครั้ง คราวนี้ไปทั้งครอบครัวพ่อ แม่ ลูก เจ้าลูกชายเพิ่งแข่งกอล์ฟเสร็จ กำลังเมื่อยตัวพอดี พี่สุรศักดิ์ขอเป็นหมอนวดให้กับลูกชายผมด้วยตัวเอง นวดไปก็คุยอะไรกันไป หัวเราะกันเอิ๊กอ๊าก ผมสัมภาษณ์หมอนวดของผมที่ชื่อ “แป๊บซี่” เขาเป็นหมอนวดมาประมาณ 4-5 ปี แล้ว เขาไปเรียนการนวดมาจากศูนย์ฝึกวิชาชีพคนตาบอดศรีสังวาลย์ คนตาบอดที่ต้องการมีอาชีพเป็นหมอนวด ต้องเรียน 2 ปี เก็บประสบการณ์ให้ครบ 1,500 ชั่วโมงถึงจะมาประกอบอาชีพได้ ส่วนถ้าเป็นลูกค้าผู้หญิงมานวดอย่างภรรยาผม ทางร้านก็จะมีหมอนวดผู้หญิงให้ด้วย ภรรยาผมนวดกับพี่นุช ที่เป็นหมอนวดมานาน ภรรยาบอกนวดดีมากครับ นวดไม่หนักเกินไป กำลังสบายเลย (ท่าจะจริงครับ ผมเห็นภรรยาผมหลับไปเลย) ใครสนใจอยากลองนวดกับหมอนวดตาบอด ผมขอแนะนำร้านบัวหลวงนวดแผนไทยของพี่สุรศักดิ์นะครับ อยู่ปากซอยสวนสยามซอย 8 ที่ร้านจะมี 2 ชั้น มีเตียงนวดทั้งหมด 8 เตียง มีหมอนวดผู้ชาย 4 คน ผู้หญิง 4 คน โทรไปนัดก่อนได้ที่เบอร์ 086-786-1761 เปิดตั้งแต่ 8 โมงครึ่งจนถึงหนึ่งทุ่ม (รับลูกค้าคนสุดท้าย) ส่วนใครสนใจจะวิ่งรายการแบบนี้อีก ผมว่าน่าจะมีการจัดขึ้นอีกในปีหน้าเพราะฟีดแบคของคนที่ร่วมวิ่งรู้สึกดีมาก คนที่ไม่ทราบว่ามีรายการดีๆ อย่างนี้ รู้สึกเสียดายอยากจะไปวิ่งบ้าง ก็ต้องรบกวนผู้จัดละครับ กรุณาจัดขึ้นทุกๆ ปีเลยนะครับ เพราะการวิ่งกับคนพิการ ไม่ได้จบแค่เพียงเส้นชัยครับ เรายังช่วยเหลือด้านต่างๆ กับเขาได้อีกหลายช่องทางเลยครับ ขอบคุณภาพถ่ายจาก : IndyRUN ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/article/389018

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...