'ปิตุฆาต มาตุฆาต'บทสะท้อนวิกฤติครอบครัวไทย

แสดงความคิดเห็น

หนุ่มอายุ 18 ปี  ที่ก่อเหตุทำปิตุฆาต มาตุฆาตและอนุชาฆาต ฆ่าพ่อแม่และน้องชายเสียชีวิตรวม 3 ศพ

โดย : สำราญ สมพงษ์รายงาน(FB-samran sompong)

"ผมโกรธที่ถูกด่าเรื่องผลการเรียน ที่ผ่านมาโดนพ่อและแม่ดุด่าเรื่องนี้มาโดยตลอด ต่อมาเขาสัญญาว่าจะซื้อรถยนต์ให้หากผมสามารถสอบเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยได้ แต่พอผมสอบได้เขาก็ไม่ทำตามสัญญา โดยเปลี่ยนไปซื้อคอนโดมิเนียมใกล้มหาวิทยาลัยให้แทน วันเกิดเหตุแม่ด่าเรื่องผลการเรียนอีกเลยไม่พอใจซึ่งได้เล่าให้แฟนฟัง"

นี้เป็นคำสารภาพต่อตำรวจที่จำนนด้วยหลักฐานของชายหนุ่มอายุ 18 ปี ที่ก่อเหตุทำปิตุฆาต มาตุฆาตและอนุชาฆาต ฆ่าพ่อแม่และน้องชายเสียชีวิตรวม 3 ศพ ภายในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ย่านถนนเสมา-ฟ้าคราม ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี

นับได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนขวัญและเป็นบทสะท้อนถึงสถาบันครอบครัวและ สังคมไทยวิกฤติเช่นไร เพราะส่วนใหญ่แล้วจะได้ทราบเหตุการณ์เช่นนี้ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ และเชื่อว่าเหตุการณ์นี้ผ่านไประยะหนึ่งก็เงียบหายไปเพราะผู้ก่อเหตุถูกจับแล้ว พอมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกก็โพนทนากันอีกอยู่เช่นนี้เรื่อยๆไป

ความจริงแล้วผู้ที่มีหน้าที่และต้องการทำหน้าที่ควรที่จะมาตรวจสอบตัวเองว่าบกพร่องตรงไหนแล้วหาทางป้องกัน หากพูดตามหลักพระพุทธศาสนาแล้วถือได้ว่าเป็นกรรมหนักหรืออนันตริยกรรม 5 อย่าง คือ มาตุฆาต - ฆ่ามารดา ปิตุฆาต - ฆ่าบิดา อรหันตฆาต - ฆ่าพระอรหันต์ โลหิตุปบาท - ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงพระโลหิตห้อ ขึ้นไป เช่น พระเทวทัตได้ทำร้ายพระพุทธองค์ ในสมัยพุทธกาล และสังฆเภท - ยังสงฆ์ให้แตกกัน (ทำสังคมแตกแยก) ทำลายสงฆ์ อนันตริยกรรมทั้ง 5 ประการนี้จัดเป็นกรรมหนักหรือครุกรรม ผู้ใดทำกรรมอนันตริยกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ผู้นั้นจะได้รับโทษทั้งทางโลกและทางธรรม โทษของทางโลกคือจะถูกผู้คนประณามและสาปแช่ง ไม่คบค้าสมาคมใดเลย และยังถูกกฎหมายบ้านเมืองลงโทษอีก

ขณะเดียวกันเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเฟซบุ๊ก"Denla Rama 5" ได้โพสต์ข้อความเตือนสติโดยอ้างอิงจากข้อมูลจากห้องเรียนพ่อแม่ความว่า "พ่อแม่รังแกฉัน (บาป 14 ประการของมารดาบิดา)

1. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการรักเขามากเกินไป ผลก็คือเกิดภาวะรักจนหลง ลูกของตนถูกทุกอย่าง ลูกของตนดีกว่าคนอื่นเสมอ อันส่งผลให้ลูกกลายเป็นคนมีอัตตาสูง เชื่อมั่นตนเองในทางที่ผิด ชอบดูถูกคน เป็นตัวปัญหา แต่ไม่ยอมรับว่าตนเป็นคนสร้างปัญหา

2. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการตามใจเขามากเกินไป ผลก็คือพ่อแม่กลายเป็นข้าช่วงใช้ของลูก ส่วนลูกกลายเป็น “ลูกบังเกิดเกล้า” ที่พ่อแม่ต้องยอมให้เขาทุกอย่าง ที่หนักกว่านั้นก็คือ ถ้าพ่อแม่ไม่ยอมตามที่ลูกต้องการลูกบางคนก็ถึงขั้นทุบตีทำร้ายพ่อแม่

3. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการไม่กล้าห้ามปรามสั่งสอนเมื่อลูกทำผิด ทำเลว ทำบาป ผลก็คือ ลูกสูญเสียสามัญสำนึก แยกแยะถูกผิดดีชั่วไม่เป็น มองไม่เห็นเส้นแบ่งทางจริยธรรมว่า ดีเป็นอย่างไร ชั่วเป็นอย่างไร จึงกลายเป็นนักเลงอันธพาล ระรานคนเขาไปทั่ว

4. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการให้เงินลูกเพียงอย่างเดียว ผลก็คือ ลูกไม่รู้จักคุณค่าของเงิน ไม่เห็นคุณค่าของผู้ที่หา และให้เงิน ยิ่งได้เงินมาก ยิ่งผลาญเงินเก่ง มีเงินเท่าไหร่ก็ไม่พอใช้ และทั้งๆที่ใช้จ่ายเงินสูง แต่กลับมีคุณภาพชีวิตต่ำ

5. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการไม่ยอมให้ลูกเรียนรู้ที่จะพึ่งตนเอง เกรงว่าหากให้ลูกทำอะไรด้วยตนเองแล้วเขาจะลำบาก ผลก็คือเมื่อโตขึ้นลูกกลายเป็นลูกแหง่ที่พึ่งตนเองไม่ได้ ทำอะไรด้วยตนเองไม่เป็น ยิ่งเติบโตยิ่งเป็นตัวปัญหาของสถาบันครอบครัว

6. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการไม่ยอมส่งเสริมให้ลูกได้รับการศึกษาที่ดี มัวแต่สนใจลงทุนในการทำธุรกิจเป็นร้อยเป็นพันล้าน แต่ไม่รู้จักลงทุนในการสร้างลูกให้เป็นปัญญาชน ผลก็คือลูกเติบโตแต่ตัว แต่ทว่ามีสติปัญญาที่ต่ำต้อย ขาดทักษะการคิด การใช้เหตุผล การทำงาน การเข้าสังคม เขาไม่เพียงแต่ไม่สามารถร่วมเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมเท่านั้นแต่ยังสร้าง ปัญหาให้สังคมอีกต่างหาก

7. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการทำแต่งานสังคมสงเคราะห์นอกบ้าน โดยลืมไปว่าคนที่ตนต้องสงเคราะห์ก่อนดูแลก่อนต้องให้ความรักก่อนก็คือลูก ผลก็คือแม้จะกลายเป็นนักสังคมสงเคราะห์ที่ประสบความสำเร็จนอกบ้าน สังคมสรรเสริญ แต่กลับเป็นพ่อแม่ที่ล้มเหลวในบ้าน และลูกกลายเป็นเด็กที่ขาดความรัก ความอบอุ่น ไม่พร้อมจะแบ่งปันความรัก และความอบอุ่นให้ใคร

8. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการไม่รู้จักยกย่องชมเชยลูกเมื่อเขาประสบความสำเร็จในการเรียน ในการทำงาน หรือในการทำกิจกรรมใดๆ ก็ตาม ผลก็คือลูกกลายเป็นคนใจคอคับแคบ ยกย่องชมเชยใครไม่เป็น เมื่อเห็นคนอื่นได้ดีมีความสำเร็จ เขาจึงเป็นนักอิจฉาริษยาตัวฉกาจ ที่จ้องแต่จะหาทางทำลายคุณงามความดีของคนอื่น

9. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการไม่รู้จักสอนเขาให้รู้จักบาปบุญคุณโทษ ผลก็คือ เมื่อโตขึ้น เขาจึงพร้อมผละหนีพ่อแม่ไปอย่างไม่รู้สึกผิด ไม่เห็นความจำเป็นว่า การเป็นลูกที่ดีนั้น จะต้องกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ของตนอย่างไร

10. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการไม่สอนลูกให้รู้จักการบำเพ็ญตนเป็นผู้ให้ ผลก็คือเมื่อโตขึ้นเขาจึงกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ คิดแต่จะกอบโกย คิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนตัวจนมองไม่เห็นหัวคนอื่น แทนที่จะถือหลัก “ยิ่งรวยยิ่งให้ ยิ่งได้ยิ่งแบ่ง”กลับถือหลัก “ยิ่งรวยยิ่งคอร์รัปชั่น ยิ่งแบ่งปันยิ่งสูญเสียเปล่า”

11. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการไม่ยอมให้ลูกรู้จักตัดสินใจด้วยตนเอง ผลก็คือ ลูกกลายเป็นคนขาดความเชื่อมั่นในตนเอง ไม่กล้าคิด ไม่กล้าพูด ไม่กล้าทำอะไร ส่งผลให้ไร้ภาวะผู้นำ ต้องเดินตามคนอื่นโดยดุษฎี

12. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการไม่สอนให้ลูกรู้จักสมบัติของผู้ดี ผลก็คือเขากลายเป็นคนหยาบกระด้างทั้งทางกาย ทางใจ ใจคอโหดหินทมิฬชาติ ขาดความสุภาพอ่อนน้อม ขาดสัมมาคาราวะ ไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่รู้จักประมาณตน ครองตน ครองงานไม่เป็น ไม่เห็นคุณค่าของระเบียบประเพณี กฎหมาย จรรยาจารีตของสังคม ไม่เคารพในศักดิ์ศรีแห่งความเป็นคนดีของเพื่อนมนุษย์

13. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการไม่แนะนำให้ลูกรู้จักคบเพื่อนที่เป็นกัลยาณมิตร (เพื่อนแท้) ผลก็คือรอบกายของเขาจึงมีแต่บาปมิตร (เพื่อนเทียม) คอยประจบสอพลอ คอยหลอกล่อให้ทำความเลวทรามต่ำช้า ติดสุรา ยาเสพติด นำพาชีวิตไปในทางเสียหาย ตกอยู่ใต้วังวนของอบายมุข สนุกสนาน ไม่สนใจหาแก่นสารให้กับชีวิต

14. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการไม่รู้จักสร้างสภาพแวดล้อมให้ลูกเป็นคนรักการอ่าน รักการเขียน รักการเรียนรู้ รักการเดินทาง ปล่อยให้เขาศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเองไปตามยถากรรม ผลก็คือเขากลายเป็นคนหูตาคับแคบ ขาดความรู้พื้นฐาน ขาดความรู้รอบตัว ขาดความกระตือรือร้น ไม่มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ การคิด พูด ทำ ไม่เฉลียวฉลาดปราดเปรื่อง ขาดความแหลมคม ตามไม่ทันโลก ตกข่าว เป็นคนว่างเปล่าทางความรู้ (รอบตัว) ความคิด จิตใจ และไม่มีรสนิยมอย่างอารยชน

จากคำสารภาพจะเห็นได้ว่าเกิดความขัดแย้งระหว่างลูกกับพ่อแม่เพราะผลการเรียน เมื่อทราบว่าเป็นความขัดแย้งแล้วจะมีวิธีการแก้ไขความขัดแย้งนั้นอย่างไร สังคมไทยรู้วิธีการนี้มากน้อยเพียงใด ใครหรือหน่วยงานใดจะมีหน้าที่ค่อยช่วยเหลือหรือให้คำแนะนำ และมีบุคลากรด้านนี้เพียงพอหรือยังหรือจะปล่อยให้เลยตามเลย ดังนั้น วิชาการในการแก้ปัญหาความขัดแย้งจึงมีความสำคัญยิ่งในภาวะสังคมไทยปัจจุบัน หรือว่าสังคมไทยไม่ให้ความสำคัญกับหลักอนันตริยกรรม 5 ประการนี้แล้ว

ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/mobile/detail/20140312/180665.html (ขนาดไฟล์: 167)

คมชัดลึกออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 12 มี.ค.57

ที่มา: คมชัดลึกออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 12 มี.ค.57
วันที่โพสต์: 12/03/2557 เวลา 04:10:11 ดูภาพสไลด์โชว์ 'ปิตุฆาต มาตุฆาต'บทสะท้อนวิกฤติครอบครัวไทย

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

หนุ่มอายุ 18 ปี ที่ก่อเหตุทำปิตุฆาต มาตุฆาตและอนุชาฆาต ฆ่าพ่อแม่และน้องชายเสียชีวิตรวม 3 ศพ โดย : สำราญ สมพงษ์รายงาน(FB-samran sompong) "ผมโกรธที่ถูกด่าเรื่องผลการเรียน ที่ผ่านมาโดนพ่อและแม่ดุด่าเรื่องนี้มาโดยตลอด ต่อมาเขาสัญญาว่าจะซื้อรถยนต์ให้หากผมสามารถสอบเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยได้ แต่พอผมสอบได้เขาก็ไม่ทำตามสัญญา โดยเปลี่ยนไปซื้อคอนโดมิเนียมใกล้มหาวิทยาลัยให้แทน วันเกิดเหตุแม่ด่าเรื่องผลการเรียนอีกเลยไม่พอใจซึ่งได้เล่าให้แฟนฟัง" นี้เป็นคำสารภาพต่อตำรวจที่จำนนด้วยหลักฐานของชายหนุ่มอายุ 18 ปี ที่ก่อเหตุทำปิตุฆาต มาตุฆาตและอนุชาฆาต ฆ่าพ่อแม่และน้องชายเสียชีวิตรวม 3 ศพ ภายในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ย่านถนนเสมา-ฟ้าคราม ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นับได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนขวัญและเป็นบทสะท้อนถึงสถาบันครอบครัวและ สังคมไทยวิกฤติเช่นไร เพราะส่วนใหญ่แล้วจะได้ทราบเหตุการณ์เช่นนี้ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ และเชื่อว่าเหตุการณ์นี้ผ่านไประยะหนึ่งก็เงียบหายไปเพราะผู้ก่อเหตุถูกจับแล้ว พอมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกก็โพนทนากันอีกอยู่เช่นนี้เรื่อยๆไป ความจริงแล้วผู้ที่มีหน้าที่และต้องการทำหน้าที่ควรที่จะมาตรวจสอบตัวเองว่าบกพร่องตรงไหนแล้วหาทางป้องกัน หากพูดตามหลักพระพุทธศาสนาแล้วถือได้ว่าเป็นกรรมหนักหรืออนันตริยกรรม 5 อย่าง คือ มาตุฆาต - ฆ่ามารดา ปิตุฆาต - ฆ่าบิดา อรหันตฆาต - ฆ่าพระอรหันต์ โลหิตุปบาท - ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงพระโลหิตห้อ ขึ้นไป เช่น พระเทวทัตได้ทำร้ายพระพุทธองค์ ในสมัยพุทธกาล และสังฆเภท - ยังสงฆ์ให้แตกกัน (ทำสังคมแตกแยก) ทำลายสงฆ์ อนันตริยกรรมทั้ง 5 ประการนี้จัดเป็นกรรมหนักหรือครุกรรม ผู้ใดทำกรรมอนันตริยกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ผู้นั้นจะได้รับโทษทั้งทางโลกและทางธรรม โทษของทางโลกคือจะถูกผู้คนประณามและสาปแช่ง ไม่คบค้าสมาคมใดเลย และยังถูกกฎหมายบ้านเมืองลงโทษอีก ขณะเดียวกันเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเฟซบุ๊ก"Denla Rama 5" ได้โพสต์ข้อความเตือนสติโดยอ้างอิงจากข้อมูลจากห้องเรียนพ่อแม่ความว่า "พ่อแม่รังแกฉัน (บาป 14 ประการของมารดาบิดา) 1. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการรักเขามากเกินไป ผลก็คือเกิดภาวะรักจนหลง ลูกของตนถูกทุกอย่าง ลูกของตนดีกว่าคนอื่นเสมอ อันส่งผลให้ลูกกลายเป็นคนมีอัตตาสูง เชื่อมั่นตนเองในทางที่ผิด ชอบดูถูกคน เป็นตัวปัญหา แต่ไม่ยอมรับว่าตนเป็นคนสร้างปัญหา 2. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการตามใจเขามากเกินไป ผลก็คือพ่อแม่กลายเป็นข้าช่วงใช้ของลูก ส่วนลูกกลายเป็น “ลูกบังเกิดเกล้า” ที่พ่อแม่ต้องยอมให้เขาทุกอย่าง ที่หนักกว่านั้นก็คือ ถ้าพ่อแม่ไม่ยอมตามที่ลูกต้องการลูกบางคนก็ถึงขั้นทุบตีทำร้ายพ่อแม่ 3. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการไม่กล้าห้ามปรามสั่งสอนเมื่อลูกทำผิด ทำเลว ทำบาป ผลก็คือ ลูกสูญเสียสามัญสำนึก แยกแยะถูกผิดดีชั่วไม่เป็น มองไม่เห็นเส้นแบ่งทางจริยธรรมว่า ดีเป็นอย่างไร ชั่วเป็นอย่างไร จึงกลายเป็นนักเลงอันธพาล ระรานคนเขาไปทั่ว 4. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการให้เงินลูกเพียงอย่างเดียว ผลก็คือ ลูกไม่รู้จักคุณค่าของเงิน ไม่เห็นคุณค่าของผู้ที่หา และให้เงิน ยิ่งได้เงินมาก ยิ่งผลาญเงินเก่ง มีเงินเท่าไหร่ก็ไม่พอใช้ และทั้งๆที่ใช้จ่ายเงินสูง แต่กลับมีคุณภาพชีวิตต่ำ 5. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการไม่ยอมให้ลูกเรียนรู้ที่จะพึ่งตนเอง เกรงว่าหากให้ลูกทำอะไรด้วยตนเองแล้วเขาจะลำบาก ผลก็คือเมื่อโตขึ้นลูกกลายเป็นลูกแหง่ที่พึ่งตนเองไม่ได้ ทำอะไรด้วยตนเองไม่เป็น ยิ่งเติบโตยิ่งเป็นตัวปัญหาของสถาบันครอบครัว 6. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการไม่ยอมส่งเสริมให้ลูกได้รับการศึกษาที่ดี มัวแต่สนใจลงทุนในการทำธุรกิจเป็นร้อยเป็นพันล้าน แต่ไม่รู้จักลงทุนในการสร้างลูกให้เป็นปัญญาชน ผลก็คือลูกเติบโตแต่ตัว แต่ทว่ามีสติปัญญาที่ต่ำต้อย ขาดทักษะการคิด การใช้เหตุผล การทำงาน การเข้าสังคม เขาไม่เพียงแต่ไม่สามารถร่วมเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมเท่านั้นแต่ยังสร้าง ปัญหาให้สังคมอีกต่างหาก 7. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการทำแต่งานสังคมสงเคราะห์นอกบ้าน โดยลืมไปว่าคนที่ตนต้องสงเคราะห์ก่อนดูแลก่อนต้องให้ความรักก่อนก็คือลูก ผลก็คือแม้จะกลายเป็นนักสังคมสงเคราะห์ที่ประสบความสำเร็จนอกบ้าน สังคมสรรเสริญ แต่กลับเป็นพ่อแม่ที่ล้มเหลวในบ้าน และลูกกลายเป็นเด็กที่ขาดความรัก ความอบอุ่น ไม่พร้อมจะแบ่งปันความรัก และความอบอุ่นให้ใคร 8. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการไม่รู้จักยกย่องชมเชยลูกเมื่อเขาประสบความสำเร็จในการเรียน ในการทำงาน หรือในการทำกิจกรรมใดๆ ก็ตาม ผลก็คือลูกกลายเป็นคนใจคอคับแคบ ยกย่องชมเชยใครไม่เป็น เมื่อเห็นคนอื่นได้ดีมีความสำเร็จ เขาจึงเป็นนักอิจฉาริษยาตัวฉกาจ ที่จ้องแต่จะหาทางทำลายคุณงามความดีของคนอื่น 9. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการไม่รู้จักสอนเขาให้รู้จักบาปบุญคุณโทษ ผลก็คือ เมื่อโตขึ้น เขาจึงพร้อมผละหนีพ่อแม่ไปอย่างไม่รู้สึกผิด ไม่เห็นความจำเป็นว่า การเป็นลูกที่ดีนั้น จะต้องกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ของตนอย่างไร 10. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการไม่สอนลูกให้รู้จักการบำเพ็ญตนเป็นผู้ให้ ผลก็คือเมื่อโตขึ้นเขาจึงกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ คิดแต่จะกอบโกย คิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนตัวจนมองไม่เห็นหัวคนอื่น แทนที่จะถือหลัก “ยิ่งรวยยิ่งให้ ยิ่งได้ยิ่งแบ่ง”กลับถือหลัก “ยิ่งรวยยิ่งคอร์รัปชั่น ยิ่งแบ่งปันยิ่งสูญเสียเปล่า” 11. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการไม่ยอมให้ลูกรู้จักตัดสินใจด้วยตนเอง ผลก็คือ ลูกกลายเป็นคนขาดความเชื่อมั่นในตนเอง ไม่กล้าคิด ไม่กล้าพูด ไม่กล้าทำอะไร ส่งผลให้ไร้ภาวะผู้นำ ต้องเดินตามคนอื่นโดยดุษฎี 12. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการไม่สอนให้ลูกรู้จักสมบัติของผู้ดี ผลก็คือเขากลายเป็นคนหยาบกระด้างทั้งทางกาย ทางใจ ใจคอโหดหินทมิฬชาติ ขาดความสุภาพอ่อนน้อม ขาดสัมมาคาราวะ ไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่รู้จักประมาณตน ครองตน ครองงานไม่เป็น ไม่เห็นคุณค่าของระเบียบประเพณี กฎหมาย จรรยาจารีตของสังคม ไม่เคารพในศักดิ์ศรีแห่งความเป็นคนดีของเพื่อนมนุษย์ 13. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการไม่แนะนำให้ลูกรู้จักคบเพื่อนที่เป็นกัลยาณมิตร (เพื่อนแท้) ผลก็คือรอบกายของเขาจึงมีแต่บาปมิตร (เพื่อนเทียม) คอยประจบสอพลอ คอยหลอกล่อให้ทำความเลวทรามต่ำช้า ติดสุรา ยาเสพติด นำพาชีวิตไปในทางเสียหาย ตกอยู่ใต้วังวนของอบายมุข สนุกสนาน ไม่สนใจหาแก่นสารให้กับชีวิต 14. พ่อแม่บางคนทำร้ายลูกด้วยการไม่รู้จักสร้างสภาพแวดล้อมให้ลูกเป็นคนรักการอ่าน รักการเขียน รักการเรียนรู้ รักการเดินทาง ปล่อยให้เขาศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเองไปตามยถากรรม ผลก็คือเขากลายเป็นคนหูตาคับแคบ ขาดความรู้พื้นฐาน ขาดความรู้รอบตัว ขาดความกระตือรือร้น ไม่มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ การคิด พูด ทำ ไม่เฉลียวฉลาดปราดเปรื่อง ขาดความแหลมคม ตามไม่ทันโลก ตกข่าว เป็นคนว่างเปล่าทางความรู้ (รอบตัว) ความคิด จิตใจ และไม่มีรสนิยมอย่างอารยชน จากคำสารภาพจะเห็นได้ว่าเกิดความขัดแย้งระหว่างลูกกับพ่อแม่เพราะผลการเรียน เมื่อทราบว่าเป็นความขัดแย้งแล้วจะมีวิธีการแก้ไขความขัดแย้งนั้นอย่างไร สังคมไทยรู้วิธีการนี้มากน้อยเพียงใด ใครหรือหน่วยงานใดจะมีหน้าที่ค่อยช่วยเหลือหรือให้คำแนะนำ และมีบุคลากรด้านนี้เพียงพอหรือยังหรือจะปล่อยให้เลยตามเลย ดังนั้น วิชาการในการแก้ปัญหาความขัดแย้งจึงมีความสำคัญยิ่งในภาวะสังคมไทยปัจจุบัน หรือว่าสังคมไทยไม่ให้ความสำคัญกับหลักอนันตริยกรรม 5 ประการนี้แล้ว ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/mobile/detail/20140312/180665.html คมชัดลึกออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 12 มี.ค.57

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...