CDC ชี้ ผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในสหรัฐฯ พุ่งสูงทุบสถิติตลอดกาล
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ เผย จำนวนผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทั่วประเทศในปี2015เพิ่มขึ้นทุบสถิติชี้ส่วนใหญ่เป็นหนุ่มสาวอายุไม่ถึง25ปี...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันพุธที่ 19 ต.ค. ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) เผยรายงานชิ้นใหม่ซึ่งระบุว่า สหรัฐฯ กำลังก้าวถอยหลังในการต่อสู้กับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STDs) หลังจากพบว่าจำนวนผู้ติดโรคในปี2015เพิ่มสูงขึ้นจนทำลายสถิติตลอดกาล
รายงานของซีดีซี ระบุว่า อัตราผู้ป่วยโรค หนองในเทียม (chlamydia), หนองในแท้ (gonorrhea) และ ซิฟิลิส (syphilis) ทั่วประเทศในปี 2015 เพิ่มขึ้นสู่ค่าที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยมีผู้ป่วยโรคหนองในเทียม 1.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านั้น 6% มีผู้ป่วยโรคหนองในแท้ที่ 395,000 ราย เพิ่มขึ้น 13% และมีผู้ป่วยซิฟิลิสเพิ่มขึ้น 19% จากปี2014ไปอยู่ที่24,000ราย
นี่ถือเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันที่จำนวนผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทั้ง 3 โรคในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นการไม่ลงทุนในด้านสาธารณสุขทั่วสหรัฐฯ โดยเฉพาะในด้านการป้องกันโรค STDs ขณะที่จากสถิติพบว่า 2 ใน 3 ของจำนวนผู้ป่วยโรคหนองในเทียม และ ครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยโรคหนองในแท้ เป็นคนหนุ่มสาวอายุระหว่าง15-24ปีส่วนผู้ป่วยโรคซิฟิลิสส่วนใหญ่คือชายที่มีรสนิยมรักรเพศเดียวกัน
นอกจากนี้ ข้อมูลของซ CDC ยังพบด้วยว่า จำนวนผู้ป่วยโรคซิฟิลิสแต่กำเนิด (congenital syphilis) ซึ่งอาจส่งผลให้หญิงมีครรภ์แท้งลูก หรือเกิดภาวะกระดูกผิดรูป, ตาบอด และหูหนวก ในทารก เพิ่มสูงขึ้น 6% ทั้งนี้ อาการต่างๆ ข้างต้นสามารถป้องกันได้ด้วยการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยโดยใช้เครื่องป้องกัน หรือมีสัมพันธ์กับคู่นอนเพียงคนเดียว แต่ถึงแม้ว่าโรคเหล่านี้จะสามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ ปัจจุบันการดื้อยาของเชื้อเพิ่มสูงขึ้น ทำให้แพทย์ทั่วโลกต้องลำบากในการหายารักษาที่ได้ผล ขณะที่การปล่อยอาการป่วยทิ้งไว้โดยไม่รักษา ก็อาจร้ายแรงถึงขั้นเป็นหมัน, เจ็บปวดเรื้อรังและเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อHIV
ขอบคุณ... http://www.thairath.co.th/content/760167 (ขนาดไฟล์: 167)
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
CDC ชี้ ผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในสหรัฐฯพุ่งสูงทุบสถิติตลอดกาล ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ เผย จำนวนผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทั่วประเทศในปี2015เพิ่มขึ้นทุบสถิติชี้ส่วนใหญ่เป็นหนุ่มสาวอายุไม่ถึง25ปี... สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันพุธที่ 19 ต.ค. ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) เผยรายงานชิ้นใหม่ซึ่งระบุว่า สหรัฐฯ กำลังก้าวถอยหลังในการต่อสู้กับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STDs) หลังจากพบว่าจำนวนผู้ติดโรคในปี2015เพิ่มสูงขึ้นจนทำลายสถิติตลอดกาล รายงานของซีดีซี ระบุว่า อัตราผู้ป่วยโรค หนองในเทียม (chlamydia), หนองในแท้ (gonorrhea) และ ซิฟิลิส (syphilis) ทั่วประเทศในปี 2015 เพิ่มขึ้นสู่ค่าที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยมีผู้ป่วยโรคหนองในเทียม 1.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านั้น 6% มีผู้ป่วยโรคหนองในแท้ที่ 395,000 ราย เพิ่มขึ้น 13% และมีผู้ป่วยซิฟิลิสเพิ่มขึ้น 19% จากปี2014ไปอยู่ที่24,000ราย นี่ถือเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันที่จำนวนผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทั้ง 3 โรคในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นการไม่ลงทุนในด้านสาธารณสุขทั่วสหรัฐฯ โดยเฉพาะในด้านการป้องกันโรค STDs ขณะที่จากสถิติพบว่า 2 ใน 3 ของจำนวนผู้ป่วยโรคหนองในเทียม และ ครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยโรคหนองในแท้ เป็นคนหนุ่มสาวอายุระหว่าง15-24ปีส่วนผู้ป่วยโรคซิฟิลิสส่วนใหญ่คือชายที่มีรสนิยมรักรเพศเดียวกัน นอกจากนี้ ข้อมูลของซ CDC ยังพบด้วยว่า จำนวนผู้ป่วยโรคซิฟิลิสแต่กำเนิด (congenital syphilis) ซึ่งอาจส่งผลให้หญิงมีครรภ์แท้งลูก หรือเกิดภาวะกระดูกผิดรูป, ตาบอด และหูหนวก ในทารก เพิ่มสูงขึ้น 6% ทั้งนี้ อาการต่างๆ ข้างต้นสามารถป้องกันได้ด้วยการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยโดยใช้เครื่องป้องกัน หรือมีสัมพันธ์กับคู่นอนเพียงคนเดียว แต่ถึงแม้ว่าโรคเหล่านี้จะสามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ ปัจจุบันการดื้อยาของเชื้อเพิ่มสูงขึ้น ทำให้แพทย์ทั่วโลกต้องลำบากในการหายารักษาที่ได้ผล ขณะที่การปล่อยอาการป่วยทิ้งไว้โดยไม่รักษา ก็อาจร้ายแรงถึงขั้นเป็นหมัน, เจ็บปวดเรื้อรังและเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อHIV ขอบคุณ... http://www.thairath.co.th/content/760167
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)