ถอดรหัส'เฟซบุ๊ก'อัจฉริยะ'มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก'

แสดงความคิดเห็น

มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก เปิดตัวหนังสือ คิดแบบ อัจฉริยะ มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก

"...จงค้นหาสิ่งที่คุณหลงใหลคลั่งไคล้ หลักการพื้นฐานหลายอย่างของเฟซบุ๊ก คือ ถ้าคนเข้าถึงข้อมูลมากขึ้น เชื่อมโยงกับคนอื่นมากขึ้น จะทำให้โลกดีขึ้นได้..." มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก กล่าวกับผู้ประกอบการรุ่นเยาว์ที่มหาวิทยาลัยแฮมยังรัฐยูทาห์เมื่อปี2554

"ความหลงใหล" รหัสแรกแห่งความสำเร็จของมหาเศรษฐีพันล้าน ถูกถอดรหัสโดยนักนวัตกรรมสังคม บริษัทอินเทล ผู้นำความคิดด้านธุรกิจกับการตลาดที่มีชื่อเสียง "เอคาเทรีนา วอลเตอร์" ผู้เขียนหนังสือ "Think Like Zuck" หรือ "คิดแบบ อัจฉริยะ มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก" เป็นผู้เผยเคล็ดลับ "5P" ที่ทำให้เฟซบุ๊กประสบความสำเร็จอย่างก้าวกระโดด ซึ่งประกอบด้วย "Passion" ความหลงใหล ,"Purpose" วัตถุประสงค์ ,"People" คน ,"Product" ผลิตภัณฑ์ และ "Partnerships" ความเป็นหุ้นส่วน มาบริหารกันอย่างลงตัว ภายใต้แบรนด์ "Facebook" มีคนทั่วโลกกว่า 1,000 ล้านคน ใช้เป็นช่องทางการสื่อสารถึงกัน หากเฟซบุ๊กเป็นประเทศจะใหญ่เป็นอันดับที่3รองจากจีนและอินเดียเท่านั้น

“เช้าวันนี้ผู้คนกว่า 1,000 ล้านคนกำลังใช้เฟซบุ๊กกันอย่างคึกคักในแต่ละเดือน หากคุณกำลังอ่านข้อความนี้ ขอขอบคุณที่ให้เกียรติผมกับทีมงานเล็กๆ ได้รับใช้คุณ การช่วยให้คน 1,000 ล้านคนเชื่อมโยงกันได้นั้นช่างหน้าทึ่ง เรียบง่าย และถ้าจะว่าไปแล้ว เป็นสิ่งที่ผมภูมิใจมากที่สุดในชีวิต และผมขอให้คำมั่นว่า จะทำงานทุกวันเพื่อให้เฟซบุ๊กดีขึ้นสำหรับคุณ หวังว่าสักวันหนึ่ง คุณกับผมจะช่วยกันเชื่อมโยงคนอื่นๆ ที่เหลือได้ด้วย” มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของเฟซบุ๊ก อัพเดตสถานะบนเฟซบุ๊กของเขา เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2555

ย้อนหลังไปเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2547 "เฟซบุ๊ก" ถือกำเนิดขึ้นมาในแวดวงเล็กๆ โดย "มาร์ก เอลเลียต ซักเกอร์เบิร์ก" หรือที่คนรู้จักมักเรียกเขาว่า ซัก (Zuck) วัย 19 ปี ภายในรั้วมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เรียนวิชาเอกสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์กับสังคมวิทยา เขาเริ่มตั้งเครือข่ายเพื่อให้นักศึกษาของฮาร์วาร์ดติดต่อกันได้ และเริ่มแพร่หลายขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ก่อนเขาจะลาออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อมุ่งทำงานเพียงอย่างเดียว ความสำเร็จของเฟซบุ๊กทำให้เขากลายเป็นมหาเศรษฐีพันล้านเมื่ออายุเพียง 23 ปี และธุรกิจของเขากลายเป็น"เครือข่ายสังคมออนไลน์"ยอดนิยมของเหล่านักท่องอินเทอร์เน็ตทั่วโลก

สำนักพิมพ์เนชั่นบุ๊คส์ในเครือ บมจ.เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์ (NINE) เปิดตัวหนังสือ "คิดแบบอัจฉริยะ มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก" (Think Like Zuck) ตีแผ่เบื้องหลังความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของ มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก มหาเศรษฐีวัย 29 ปี ผู้ก่อตั้งและซีอีโอเฟซบุ๊ก แปลเป็นภาษาไทยโดย ดร.พิมพ์ใจ สุรินทรเสรี ซึ่งหนังสือเล่มนี้ ไม่เพียงจะเล่าเรื่องความสำเร็จของเฟซบุ๊ก แต่ยังมีความสำเร็จของบริษัทอื่นๆ ด้วย เช่น เธรดเลส (Threadless) คอลเลจ ฮิวเมอร์ (CollegeHumer) ทอมส์(TOMS) ไดสัน (Dyson) และแซปโปส์ (Zappos) เป็นต้น

"ต่อบุญ พ่วงมหา" กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดทูเทนเมนท์ บอกถึงการนำหนังสือเล่มนี้มาสู่สายตาของผู้อ่านชาวไทยว่า อยากนำวิธีคิดของ "มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก" มาถ่ายทอดให้คนไทยได้รู้ ด้วยวัยเพียง 29 ปี เขาสามารถมีบริษัทที่มีมูลค่ากว่า 4 ล้านล้านบาท ซึ่งอาจเป็นแรงบันดาลใจให้ใครอีกหลายคนได้

"บางครั้งเราจะเห็นหนังสือหลายๆ เล่มออกมาเล่าถึงประวัติของผู้ประสบความสำเร็จ แต่หนังสือเล่มนี้มีจุดที่ต่าง คือแนวคิดของมาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก ว่ารูปแบบแนวคิดที่เขาทำจนประสบความสำเร็จได้นั้นเขามีแนวคิดอย่างไร เพื่อเป็นแรงกระตุ้นทำให้คนที่มีไม่มีความใฝ่ฝันเริ่มคิดค้นเริ่มค้นหาได้ คนไทยก็สามารถนำวิธีคิดของเขามาปรับใช้กับคนไทยได้หลักแนวคิดนั้นง่ายนอกจากใช้กับธุรกิจแล้วยังใช้กับชีวิตประจำวันได้ด้วย"

โดยใช้หลัก "5P" ของมาร์ก ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก ตัวแรกคือ "Passion" เขาทำธุรกิจครั้งแรกเมื่อปี 2547 เริ่มจากสิ่งที่เขาความหลงใหล อยากทำธุรกิจเกี่ยวกับซอฟต์แวร์และนำเรื่องของสังคมมามีส่วนร่วมโดยที่ไม่ คิดว่าจะร่ำรวย ทุกอย่างที่เขาทำจำเป็นต้องมี "Purpose" เขาคิดอยู่อย่างเดียวคือ อยากทำให้ชีวิตคนดีขึ้น ทำให้คนสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ สิ่งต่อไป "Product" สินค้าที่เขาทำนั้นต้องดีที่สุด และปรับตามความต้องการของลูกค้า สินค้าจะดีได้ต้องมี "People" ทีมงานที่แข็งแกร่ง และช่วยกันผลักดันสินค้า เขาเชื่อว่าคนที่เก่งและมีความเชื่อ ความหลงใหลในสิ่งเดียวกัน สามารถทำอะไรก็ได้ที่เปลี่ยนโลกได้ และตัวสุดท้าย "Partnership" เขาบอกว่าถ้าไม่มีตัวนี้ จะไม่มี "มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก" ในวันนี้ แม้ว่าเขาจะเก่งในเรื่องซอฟต์แวร์ แต่เขามีหุ้นส่วนที่เป็นรุ่นพี่ชื่อ "เชอริล แซนด์เบิร์ก" ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการของเฟซบุ๊ก ที่มาช่วยเติมเต็มในการจัดการทุกอย่างในเรื่องของธุรกิจและนี่คือทั้งหมดที่เขามีแและต้องทำพร้อมกันจะขาดตัวใดตัวหนึ่งไม่ได้

"ต่อบุญ" บอกอีกว่า หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่หนังสือของคนที่เก่งไอที ทุกเพศทุกวัยสามารถหยิบมาอ่านได้ ใครมีความฝันอะไรอยากให้ลุกและขอให้ลองทำดู ถ้ามีลูกมีหลานควรฝึกเขาตั้งแต่วันนี้ ไม่ใช่รอจนเรียนจบแล้วค่อยมาทำ นี่เป็นเรื่องที่เราต้องสร้างให้คนลุกขึ้นมากล้าคิดกล้าทำ จากเด็กวัยรุ่นอายุ 19 ปี พ่อแม่ไม่ได้ร่ำรวย นั่งเรียนอยู่แล้วค้นพบสิ่งที่ตัวเองรัก ลาออกจากมหาวิทยาลัย เพราะเห็นหนทางในการทำธุรกิจ ไม่ได้คิดว่าจะร่ำรวยอะไร ภายในเวลาไม่ถึง 10 ปี เขาสร้างบริษัทที่ทรงอิทธิพลในโลก อยากให้เด็กไทยที่มีแนวคิดแบบนี้ และหวังว่าจะมี"มาร์กซักเกอร์เบิร์กในเมืองไทย"ด้วย

ด้าน "ธีรศาสน์ สหัสสพาศน์" เจ้าของแบรนด์ "ก๋วยเตี๋ยวเจ๊กเม้ง" สู่ "JM Cuisine" ซึ่งใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กทำการตลาด ยอมรับว่า อ่านหนังสือเรื่องนี้จบแล้ว อยากบอกว่าสิ่งที่มาร์กทำนั้นเป็นสิ่งที่เจ้าของธุรกิจทุกคนควรจะรู้และต้อง ทำ ควรหลงใหลในสิ่งที่ทำ ไม่ว่าจะทำเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ในหนังสือเขาบอกว่า อยากทำอะไรเขาจะไม่รอถึงวันพรุ่งนี้ เขาจะทำวันนี้เลย เราคิดได้แล้วก็อยากทำเลย น่าจะเป็นแนวคิดที่ดีให้แก่วัยรุ่นหลายๆ คนที่อยากจะมีชื่อเสียง มีเงินทอง แต่ไม่ได้ลงมือทำ มัวแต่ผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ เมื่อคิดว่าจะทำแล้วต้องมีวัตถุประสงค์ที่จะทำให้ได้ว่าทำไปเพื่ออะไร

"หนังสือเล่มนี้ มีสิ่งที่ชอบอย่างหนึ่งคือ ผู้เขียนไม่ได้เขียนถึงแค่ธุรกิจของเฟซบุ๊กเพียงอย่างเดียว แต่เขารวมแนวคิดกับคนอีกหลายคนที่มีความคิดเชื่อมโยงกัน ประโยคในหนังสือแค่คิดแล้วลงมือทำ ย่อมมีทางที่ประสบความสำเร็จ มาร์กบอกว่าเขาทำไม่ใช่เพื่ออยากได้เงินให้ร่ำรวย แต่เขาทำตรงนี้ขึ้นมาเพื่อเอาเงินมาพัฒนาสิ่งที่เขาทำให้ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งคำบางคำในหนังสือสามารถนำมาสะท้อนและปรับใช้ในวิธีการทำงานของเราได้มาก"เจ้าของแบรนด์ "ก๋วยเตี๋ยวเจ๊กเม้ง"กล่าว

เมื่อผู้คนเห็นโลกแห่งโอกาสรอบตัวผ่านปริซึ่มของประสบการณ์และความหลงใหลของตน ประสบการณ์และความหลงใหลนั้น จะกำหนดวัตถุประสงค์ของชีวิต ทุกคนล้วนต้องการฝากผลงานที่แตกต่างไว้บนโลกใบนี้ "คิดแบบอัจฉริยะ มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก" หนังสือแฝงข้อคิดสร้างแรงบันดาลใจเล่มนี้ อาจช่วยให้คุณสร้างผลงานสำคัญๆ และดำเนินธุรกิจที่อาจเปลี่ยนโลกใบนี้

ลองค้นหา "ความหลงใหล" ของคุณ.. .กับ " คิดแบบ อัจฉริยะ มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก" ที่บูธเนชั่นบุ๊คส์ M 17 โซน C1 ในงานมหกรรมหนังสือระดับนานาชาติ ครั้งที่ 18 วันนี้-27 ตุลาคม 2556 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ ในราคาเล่มละ 265 บาท จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์เนชั่นบุ๊คส์ สำหรับฉบับ eBook เพียงไปที่ App Store หรือ Google Play และดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Nation Books

ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/detail/20131022/171035.html (ขนาดไฟล์: 167)

คมชัดลึกออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 22 ต.ค.56

ที่มา: คมชัดลึกออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 22 ต.ค.56
วันที่โพสต์: 23/10/2556 เวลา 03:30:29 ดูภาพสไลด์โชว์ ถอดรหัส'เฟซบุ๊ก'อัจฉริยะ'มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก'

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก เปิดตัวหนังสือ คิดแบบ อัจฉริยะ มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก "...จงค้นหาสิ่งที่คุณหลงใหลคลั่งไคล้ หลักการพื้นฐานหลายอย่างของเฟซบุ๊ก คือ ถ้าคนเข้าถึงข้อมูลมากขึ้น เชื่อมโยงกับคนอื่นมากขึ้น จะทำให้โลกดีขึ้นได้..." มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก กล่าวกับผู้ประกอบการรุ่นเยาว์ที่มหาวิทยาลัยแฮมยังรัฐยูทาห์เมื่อปี2554 "ความหลงใหล" รหัสแรกแห่งความสำเร็จของมหาเศรษฐีพันล้าน ถูกถอดรหัสโดยนักนวัตกรรมสังคม บริษัทอินเทล ผู้นำความคิดด้านธุรกิจกับการตลาดที่มีชื่อเสียง "เอคาเทรีนา วอลเตอร์" ผู้เขียนหนังสือ "Think Like Zuck" หรือ "คิดแบบ อัจฉริยะ มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก" เป็นผู้เผยเคล็ดลับ "5P" ที่ทำให้เฟซบุ๊กประสบความสำเร็จอย่างก้าวกระโดด ซึ่งประกอบด้วย "Passion" ความหลงใหล ,"Purpose" วัตถุประสงค์ ,"People" คน ,"Product" ผลิตภัณฑ์ และ "Partnerships" ความเป็นหุ้นส่วน มาบริหารกันอย่างลงตัว ภายใต้แบรนด์ "Facebook" มีคนทั่วโลกกว่า 1,000 ล้านคน ใช้เป็นช่องทางการสื่อสารถึงกัน หากเฟซบุ๊กเป็นประเทศจะใหญ่เป็นอันดับที่3รองจากจีนและอินเดียเท่านั้น “เช้าวันนี้ผู้คนกว่า 1,000 ล้านคนกำลังใช้เฟซบุ๊กกันอย่างคึกคักในแต่ละเดือน หากคุณกำลังอ่านข้อความนี้ ขอขอบคุณที่ให้เกียรติผมกับทีมงานเล็กๆ ได้รับใช้คุณ การช่วยให้คน 1,000 ล้านคนเชื่อมโยงกันได้นั้นช่างหน้าทึ่ง เรียบง่าย และถ้าจะว่าไปแล้ว เป็นสิ่งที่ผมภูมิใจมากที่สุดในชีวิต และผมขอให้คำมั่นว่า จะทำงานทุกวันเพื่อให้เฟซบุ๊กดีขึ้นสำหรับคุณ หวังว่าสักวันหนึ่ง คุณกับผมจะช่วยกันเชื่อมโยงคนอื่นๆ ที่เหลือได้ด้วย” มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของเฟซบุ๊ก อัพเดตสถานะบนเฟซบุ๊กของเขา เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2555 ย้อนหลังไปเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2547 "เฟซบุ๊ก" ถือกำเนิดขึ้นมาในแวดวงเล็กๆ โดย "มาร์ก เอลเลียต ซักเกอร์เบิร์ก" หรือที่คนรู้จักมักเรียกเขาว่า ซัก (Zuck) วัย 19 ปี ภายในรั้วมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เรียนวิชาเอกสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์กับสังคมวิทยา เขาเริ่มตั้งเครือข่ายเพื่อให้นักศึกษาของฮาร์วาร์ดติดต่อกันได้ และเริ่มแพร่หลายขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ก่อนเขาจะลาออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อมุ่งทำงานเพียงอย่างเดียว ความสำเร็จของเฟซบุ๊กทำให้เขากลายเป็นมหาเศรษฐีพันล้านเมื่ออายุเพียง 23 ปี และธุรกิจของเขากลายเป็น"เครือข่ายสังคมออนไลน์"ยอดนิยมของเหล่านักท่องอินเทอร์เน็ตทั่วโลก สำนักพิมพ์เนชั่นบุ๊คส์ในเครือ บมจ.เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์ (NINE) เปิดตัวหนังสือ "คิดแบบอัจฉริยะ มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก" (Think Like Zuck) ตีแผ่เบื้องหลังความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของ มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก มหาเศรษฐีวัย 29 ปี ผู้ก่อตั้งและซีอีโอเฟซบุ๊ก แปลเป็นภาษาไทยโดย ดร.พิมพ์ใจ สุรินทรเสรี ซึ่งหนังสือเล่มนี้ ไม่เพียงจะเล่าเรื่องความสำเร็จของเฟซบุ๊ก แต่ยังมีความสำเร็จของบริษัทอื่นๆ ด้วย เช่น เธรดเลส (Threadless) คอลเลจ ฮิวเมอร์ (CollegeHumer) ทอมส์(TOMS) ไดสัน (Dyson) และแซปโปส์ (Zappos) เป็นต้น "ต่อบุญ พ่วงมหา" กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดทูเทนเมนท์ บอกถึงการนำหนังสือเล่มนี้มาสู่สายตาของผู้อ่านชาวไทยว่า อยากนำวิธีคิดของ "มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก" มาถ่ายทอดให้คนไทยได้รู้ ด้วยวัยเพียง 29 ปี เขาสามารถมีบริษัทที่มีมูลค่ากว่า 4 ล้านล้านบาท ซึ่งอาจเป็นแรงบันดาลใจให้ใครอีกหลายคนได้ "บางครั้งเราจะเห็นหนังสือหลายๆ เล่มออกมาเล่าถึงประวัติของผู้ประสบความสำเร็จ แต่หนังสือเล่มนี้มีจุดที่ต่าง คือแนวคิดของมาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก ว่ารูปแบบแนวคิดที่เขาทำจนประสบความสำเร็จได้นั้นเขามีแนวคิดอย่างไร เพื่อเป็นแรงกระตุ้นทำให้คนที่มีไม่มีความใฝ่ฝันเริ่มคิดค้นเริ่มค้นหาได้ คนไทยก็สามารถนำวิธีคิดของเขามาปรับใช้กับคนไทยได้หลักแนวคิดนั้นง่ายนอกจากใช้กับธุรกิจแล้วยังใช้กับชีวิตประจำวันได้ด้วย" โดยใช้หลัก "5P" ของมาร์ก ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก ตัวแรกคือ "Passion" เขาทำธุรกิจครั้งแรกเมื่อปี 2547 เริ่มจากสิ่งที่เขาความหลงใหล อยากทำธุรกิจเกี่ยวกับซอฟต์แวร์และนำเรื่องของสังคมมามีส่วนร่วมโดยที่ไม่ คิดว่าจะร่ำรวย ทุกอย่างที่เขาทำจำเป็นต้องมี "Purpose" เขาคิดอยู่อย่างเดียวคือ อยากทำให้ชีวิตคนดีขึ้น ทำให้คนสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ สิ่งต่อไป "Product" สินค้าที่เขาทำนั้นต้องดีที่สุด และปรับตามความต้องการของลูกค้า สินค้าจะดีได้ต้องมี "People" ทีมงานที่แข็งแกร่ง และช่วยกันผลักดันสินค้า เขาเชื่อว่าคนที่เก่งและมีความเชื่อ ความหลงใหลในสิ่งเดียวกัน สามารถทำอะไรก็ได้ที่เปลี่ยนโลกได้ และตัวสุดท้าย "Partnership" เขาบอกว่าถ้าไม่มีตัวนี้ จะไม่มี "มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก" ในวันนี้ แม้ว่าเขาจะเก่งในเรื่องซอฟต์แวร์ แต่เขามีหุ้นส่วนที่เป็นรุ่นพี่ชื่อ "เชอริล แซนด์เบิร์ก" ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการของเฟซบุ๊ก ที่มาช่วยเติมเต็มในการจัดการทุกอย่างในเรื่องของธุรกิจและนี่คือทั้งหมดที่เขามีแและต้องทำพร้อมกันจะขาดตัวใดตัวหนึ่งไม่ได้ "ต่อบุญ" บอกอีกว่า หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่หนังสือของคนที่เก่งไอที ทุกเพศทุกวัยสามารถหยิบมาอ่านได้ ใครมีความฝันอะไรอยากให้ลุกและขอให้ลองทำดู ถ้ามีลูกมีหลานควรฝึกเขาตั้งแต่วันนี้ ไม่ใช่รอจนเรียนจบแล้วค่อยมาทำ นี่เป็นเรื่องที่เราต้องสร้างให้คนลุกขึ้นมากล้าคิดกล้าทำ จากเด็กวัยรุ่นอายุ 19 ปี พ่อแม่ไม่ได้ร่ำรวย นั่งเรียนอยู่แล้วค้นพบสิ่งที่ตัวเองรัก ลาออกจากมหาวิทยาลัย เพราะเห็นหนทางในการทำธุรกิจ ไม่ได้คิดว่าจะร่ำรวยอะไร ภายในเวลาไม่ถึง 10 ปี เขาสร้างบริษัทที่ทรงอิทธิพลในโลก อยากให้เด็กไทยที่มีแนวคิดแบบนี้ และหวังว่าจะมี"มาร์กซักเกอร์เบิร์กในเมืองไทย"ด้วย ด้าน "ธีรศาสน์ สหัสสพาศน์" เจ้าของแบรนด์ "ก๋วยเตี๋ยวเจ๊กเม้ง" สู่ "JM Cuisine" ซึ่งใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กทำการตลาด ยอมรับว่า อ่านหนังสือเรื่องนี้จบแล้ว อยากบอกว่าสิ่งที่มาร์กทำนั้นเป็นสิ่งที่เจ้าของธุรกิจทุกคนควรจะรู้และต้อง ทำ ควรหลงใหลในสิ่งที่ทำ ไม่ว่าจะทำเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ในหนังสือเขาบอกว่า อยากทำอะไรเขาจะไม่รอถึงวันพรุ่งนี้ เขาจะทำวันนี้เลย เราคิดได้แล้วก็อยากทำเลย น่าจะเป็นแนวคิดที่ดีให้แก่วัยรุ่นหลายๆ คนที่อยากจะมีชื่อเสียง มีเงินทอง แต่ไม่ได้ลงมือทำ มัวแต่ผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ เมื่อคิดว่าจะทำแล้วต้องมีวัตถุประสงค์ที่จะทำให้ได้ว่าทำไปเพื่ออะไร "หนังสือเล่มนี้ มีสิ่งที่ชอบอย่างหนึ่งคือ ผู้เขียนไม่ได้เขียนถึงแค่ธุรกิจของเฟซบุ๊กเพียงอย่างเดียว แต่เขารวมแนวคิดกับคนอีกหลายคนที่มีความคิดเชื่อมโยงกัน ประโยคในหนังสือแค่คิดแล้วลงมือทำ ย่อมมีทางที่ประสบความสำเร็จ มาร์กบอกว่าเขาทำไม่ใช่เพื่ออยากได้เงินให้ร่ำรวย แต่เขาทำตรงนี้ขึ้นมาเพื่อเอาเงินมาพัฒนาสิ่งที่เขาทำให้ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งคำบางคำในหนังสือสามารถนำมาสะท้อนและปรับใช้ในวิธีการทำงานของเราได้มาก"เจ้าของแบรนด์ "ก๋วยเตี๋ยวเจ๊กเม้ง"กล่าว เมื่อผู้คนเห็นโลกแห่งโอกาสรอบตัวผ่านปริซึ่มของประสบการณ์และความหลงใหลของตน ประสบการณ์และความหลงใหลนั้น จะกำหนดวัตถุประสงค์ของชีวิต ทุกคนล้วนต้องการฝากผลงานที่แตกต่างไว้บนโลกใบนี้ "คิดแบบอัจฉริยะ มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก" หนังสือแฝงข้อคิดสร้างแรงบันดาลใจเล่มนี้ อาจช่วยให้คุณสร้างผลงานสำคัญๆ และดำเนินธุรกิจที่อาจเปลี่ยนโลกใบนี้ ลองค้นหา "ความหลงใหล" ของคุณ.. .กับ " คิดแบบ อัจฉริยะ มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก" ที่บูธเนชั่นบุ๊คส์ M 17 โซน C1 ในงานมหกรรมหนังสือระดับนานาชาติ ครั้งที่ 18 วันนี้-27 ตุลาคม 2556 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ ในราคาเล่มละ 265 บาท จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์เนชั่นบุ๊คส์ สำหรับฉบับ eBook เพียงไปที่ App Store หรือ Google Play และดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Nation Books ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/detail/20131022/171035.html คมชัดลึกออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 22 ต.ค.56

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...