งูเห่ากัดชาวนารอดปาฎิหาริย์-แต่ตาบอดสู้ชีวิต

แสดงความคิดเห็น

นายหมุน บุญปากดี อายุ 61

เมื่อวันที่ 27 ก.ค. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รับแจ้งจากนายเขียน สีลาพันธ์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านห้วยเปลือย หมู่ที่ 5 ต.ดงหม้อทอง อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร ว่ามีชายพิการตาบอดทั้งสองข้างสู้ชีวิต ไม่ยอมแพ้กับโชคชะตา ไม่งอมืองอเท้าขอใครกิน ตาบอดแต่ออกหาปลา หากบ มากินเหลือแจกจ่ายเพื่อนบ้าน ซ้ำรับงานที่คนตาดีทำยาก เช่นรับจ้างปะแห หาปลา ทำได้ไม่แพ้คนตาดี จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วย นายชยันต์ ธานะราช ส.อบจ.สกลนคร เขตอำเภอบ้านม่วง พบนายหมุน บุญปากดี อายุ 61 อยู่บ้ายเลขที่ 36 หมู่ 11 บ้านห้วยเปลือย ต.ดงหม้อทอง อ.บ้านม่วง อยู่บ้านเพียงลำพังและกำลังเตรียมแห เพื่อให้เพื่อนบ้านมารับ ออกไปหาปลา

นายหมุน เล่าว่า ชีวิตเมื่อก่อนไม่ได้ตาบอดมาแต่กำเนิด ได้แต่งงานมีลูก 2 คน และแยกย้ายไปมีครอบครัวที่อื่นหมดแล้ว ต่อมาเมื่อประมาณ 5 ปี ที่ผ่านมาภรรยาเสียชีวิตในขณะที่ตนตาบอดแล้วจึงอยู่เพียงลำพัง นานๆลูกๆจะมาเยี่ยมบ้าง ซึ่งก่อนนั้นก็มีอาชีพทำนา ทำสวนทั่วไป แต่นิสับชอบหากินไปจับกบจับเขียดและหาปลา โดยใช้แห อยู่มาวันหนึ่งเมื่อ 10 ปีมาแล้ว ตนได้ออกจากบ้านเพื่อไปหาขุดกบตามรูที่ทุ่งนา ตามปกติ หลังจากจุดลงไปลึกประมาณ 20 ซม. จึงล้วงมือลงไปเพื่อจับกบออก มาปรากฏว่าทำเอาตกใจเพราะดันไปคว้าคองูเห่าตัวใหญ่ดึงออกมา และกัดตัวเองเข้าที่ข้อมือ ตกใจมากจึงวิ่งเข้ามาในหมู่บ้านและมีอาการเริ่มปวดตามร่างกายเพราะพิษงูเห่า จากนั้นเพื่อนบ้านก็หาสมุนไพร มาใส่ให้ ทำให้คลายความเจ็บปวด เพราะปกติงูเห่ากัดจะตายทันที ตนได้ให้ญาติพาไปที่อนามัย หมอก็ทำได้เพียงรักษาแผล เพราะไม่มีเซรุ่ม และไม่ทราบว่าเป็นงูชนิดใด จึงได้กลับมาอยู่ที่บ้านคิดว่าตายแน่นอน แต่เหมือนปาฎิหาริย์เพราะสมุนไพร ที่ชาวบ้านนำมารักษาทำให้หายได้ลดความเจ็บปวดลง จนหายเป็นปกติ และก็เคยเดินทางไปหาหมอในเมืองซึ่งหลายคนทึ่งว่าตนถูกงูเห่ามีพิษกัด แต่ไม่ตายน่าจะมีอะไรดี แต่ตนบอกว่ามีว่านมารักษาทันจึงหาย แต่หมอยารายนั้นเคยบอกไว้ว่าสิ่งต้องห้ามเมื่อเอายาเอามารักษาคือของแสลงที่ห้ามกินคือพืชผักที่เป็นเครือ หรือเถาวัลย์ เช่น แตงโม ฟักทอง หรือแตงกวา ผักที่เป็นเถาห้ามกินเด็ดขาดจนกว่าจะหายเป็นปี ซึ่งหมอยารายดังกล่าวปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว ต่อมาตนลืมนึกว่าหมอยาห้ามไว้ก็ไปกินแกงกบใส่ผักมะระ ยอดมะระ หลังจากกินไปแล้วเริ่มมีอาการปวดที่ตา เมื่อไปหาหมอบอกว่า ตามีน้ำไหลออกมา ในที่สุดตาก็เริ่มบอดทั้งสองข้างจนมองไม่เห็น ตั้งแต่นั้นมา ความเป็นอยู่ยากจนอยู่แล้วก็ลำบากมากยิ่งขึ้นและต่อมาภรรยาก็มาเสียชีวิตลง โดยอาศัยเพื่อนบ้านมาคอยจัดการให้พร้อมลูก และพากันแยกย้ายไปอยู่ทำมาหากินที่อื่นๆนานๆจะกลับมาครั้งหนึ่ง มีเพียงหลานอีกคนที่บางวันก็มาอยู่ด้วย พาไปหาหมอเมื่อเจ็บป่วย

นายเขียน กล่าวว่า นายหมุน เป็นนักสู้ชีวิต แม้ตาบอดสองข้างก็ไม่ยอมท้อแท้ต่อโชคชะตา สิ่งที่เขาทำเป็นประจำก็คือ จะออกไปหาจับกบจับเขียดตามปกติ โดยอาศัยเพื่อนบ้านคนตาดีไปส่งที่ทุ่งนา โดยหลายครั้งตนก็เคยพาไป หลังจากส่งแล้วก็ปล่อยเขาไว้ พร้อมนัดเวลาจะมารับ หลังจากกลับบ้านแล้วเขาก็จะแบ่งกบเขียดให้เพื่อไปทำอาหาร แต่ทุกคนไม่รับเพราะไม่อยากถูกมองว่าอาศัยกินกับคนตาบอด หากวันใดเขาไม่ไปหากบเขาก็จะชวนไปขว้างแหหาปลาที่ห้วยท้ายหมู่บ้าน เพียงแต่เราไปส่งและบอกว่าตรงไหนมีตอไม้ หรือตรงไหนไม่มีสิ่งกัดขวาง ดูเหมือนจะเป็นโชคของเขาเพราะไปหาปลาหากบ เขาจะโชคดีได้มาทุกครั้งแต่พอกินเท่านั้น

ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า นายหมุนเป็นผู้เฒ่าอารมณ์ดี จะยิ้มแย้มตลอดเวลา และสิ่งที่เขาชอบที่สุดสิ่งหนึ่งคือการเป่าแคน เป็นดนตรีที่ชอบ แต่ไม่มีเงินชื้อ นายหมุนจะมีความสามารถพิเศษอีกอย่างก็คือ การซ่อม ปะแห ปะสวิง เครื่องมือการหาปลา ชาวบ้านมักจะนำมาจ้างให้เขาซ่อมให้บ่อยครั้ง ซึ่งเรื่องนี้คนตาดีบางคนทำไม่ได้ และไม่เคยสร้างความเดือดร้อนใคร ไม่เคยขอ มีอย่างเดียวหากรบกวนคือพาไปส่งหากบ หาปลาเท่านั้น อยากขอความช่วยเหลือที่คนพิการตาบอดต้องช่วยตัวเอง คือ ห้องน้ำ และบ้าน ที่ทุกวันนี้กำลังผุพังลงมาเพราะขาดการดูแล ไม่สามารถที่จะซ่อมได้ สำหรับความช่วยเหลือเขาได้รับสวัสดิการเงินเบี้ยยังชีพผู้พิการรายเดือน จาก อบต.เดือนละ 500 บาทเท่านั้น กรณีของนายหมุน เป็นผู้พิการที่สู้ชีวิต ชึ่งเพื่อนบ้านก็ช่วยได้เพียงการสอบถามและให้ได้ตามสภาพของคนบ้านนอกที่เป็นเพื่อนบ้านเท่านั้น

ต่อมานายชยันต์ธานะราช สจ.สกลนคร .อ.บ้านม่วง ทราบข่าวได้เดินทางมาตรวจสอบพร้อมนำเครื่องอุปโภคบริโภคและยารักษาโรคบางส่วนมามอบให้ในเบื้องต้น พร้อมบอกว่า จะพิจารณาประสานหน่วยงานให้ความช่วยเหลือด้านอาชีพให้ เพราะนายหมุน ไม่มีญาติดูแล และเป็นคนดีเป็นตัวอย่างของคนไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาชีวิต ไม่งอมืองอเท้า ขอคนอื่น อย่างไรก็ตามหากท่านผู้มีจิตเมตตา อย่างให้ความช่วยเหลือสามารถติดต่อไปยังนายชยันต์ ธานะราช ส.อบจ.สกลนคร เขตอำเภอบ้านม่วง โทร. 088-3224848 หรือ 088-3224949 เพื่อนำไปช่วยเหลือต่อไป

ขอบคุณ http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM05EZzVNREk0Tnc9PQ==&subcatid= (ขนาดไฟล์: 167)

ข่าวสดออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 27 ก.ค.56

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 27 ก.ค.56
วันที่โพสต์: 28/07/2556 เวลา 02:43:29 ดูภาพสไลด์โชว์ งูเห่ากัดชาวนารอดปาฎิหาริย์-แต่ตาบอดสู้ชีวิต

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

นายหมุน บุญปากดี อายุ 61 เมื่อวันที่ 27 ก.ค. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รับแจ้งจากนายเขียน สีลาพันธ์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านห้วยเปลือย หมู่ที่ 5 ต.ดงหม้อทอง อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร ว่ามีชายพิการตาบอดทั้งสองข้างสู้ชีวิต ไม่ยอมแพ้กับโชคชะตา ไม่งอมืองอเท้าขอใครกิน ตาบอดแต่ออกหาปลา หากบ มากินเหลือแจกจ่ายเพื่อนบ้าน ซ้ำรับงานที่คนตาดีทำยาก เช่นรับจ้างปะแห หาปลา ทำได้ไม่แพ้คนตาดี จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วย นายชยันต์ ธานะราช ส.อบจ.สกลนคร เขตอำเภอบ้านม่วง พบนายหมุน บุญปากดี อายุ 61 อยู่บ้ายเลขที่ 36 หมู่ 11 บ้านห้วยเปลือย ต.ดงหม้อทอง อ.บ้านม่วง อยู่บ้านเพียงลำพังและกำลังเตรียมแห เพื่อให้เพื่อนบ้านมารับ ออกไปหาปลา นายหมุน เล่าว่า ชีวิตเมื่อก่อนไม่ได้ตาบอดมาแต่กำเนิด ได้แต่งงานมีลูก 2 คน และแยกย้ายไปมีครอบครัวที่อื่นหมดแล้ว ต่อมาเมื่อประมาณ 5 ปี ที่ผ่านมาภรรยาเสียชีวิตในขณะที่ตนตาบอดแล้วจึงอยู่เพียงลำพัง นานๆลูกๆจะมาเยี่ยมบ้าง ซึ่งก่อนนั้นก็มีอาชีพทำนา ทำสวนทั่วไป แต่นิสับชอบหากินไปจับกบจับเขียดและหาปลา โดยใช้แห อยู่มาวันหนึ่งเมื่อ 10 ปีมาแล้ว ตนได้ออกจากบ้านเพื่อไปหาขุดกบตามรูที่ทุ่งนา ตามปกติ หลังจากจุดลงไปลึกประมาณ 20 ซม. จึงล้วงมือลงไปเพื่อจับกบออก มาปรากฏว่าทำเอาตกใจเพราะดันไปคว้าคองูเห่าตัวใหญ่ดึงออกมา และกัดตัวเองเข้าที่ข้อมือ ตกใจมากจึงวิ่งเข้ามาในหมู่บ้านและมีอาการเริ่มปวดตามร่างกายเพราะพิษงูเห่า จากนั้นเพื่อนบ้านก็หาสมุนไพร มาใส่ให้ ทำให้คลายความเจ็บปวด เพราะปกติงูเห่ากัดจะตายทันที ตนได้ให้ญาติพาไปที่อนามัย หมอก็ทำได้เพียงรักษาแผล เพราะไม่มีเซรุ่ม และไม่ทราบว่าเป็นงูชนิดใด จึงได้กลับมาอยู่ที่บ้านคิดว่าตายแน่นอน แต่เหมือนปาฎิหาริย์เพราะสมุนไพร ที่ชาวบ้านนำมารักษาทำให้หายได้ลดความเจ็บปวดลง จนหายเป็นปกติ และก็เคยเดินทางไปหาหมอในเมืองซึ่งหลายคนทึ่งว่าตนถูกงูเห่ามีพิษกัด แต่ไม่ตายน่าจะมีอะไรดี แต่ตนบอกว่ามีว่านมารักษาทันจึงหาย แต่หมอยารายนั้นเคยบอกไว้ว่าสิ่งต้องห้ามเมื่อเอายาเอามารักษาคือของแสลงที่ห้ามกินคือพืชผักที่เป็นเครือ หรือเถาวัลย์ เช่น แตงโม ฟักทอง หรือแตงกวา ผักที่เป็นเถาห้ามกินเด็ดขาดจนกว่าจะหายเป็นปี ซึ่งหมอยารายดังกล่าวปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว ต่อมาตนลืมนึกว่าหมอยาห้ามไว้ก็ไปกินแกงกบใส่ผักมะระ ยอดมะระ หลังจากกินไปแล้วเริ่มมีอาการปวดที่ตา เมื่อไปหาหมอบอกว่า ตามีน้ำไหลออกมา ในที่สุดตาก็เริ่มบอดทั้งสองข้างจนมองไม่เห็น ตั้งแต่นั้นมา ความเป็นอยู่ยากจนอยู่แล้วก็ลำบากมากยิ่งขึ้นและต่อมาภรรยาก็มาเสียชีวิตลง โดยอาศัยเพื่อนบ้านมาคอยจัดการให้พร้อมลูก และพากันแยกย้ายไปอยู่ทำมาหากินที่อื่นๆนานๆจะกลับมาครั้งหนึ่ง มีเพียงหลานอีกคนที่บางวันก็มาอยู่ด้วย พาไปหาหมอเมื่อเจ็บป่วย นายเขียน กล่าวว่า นายหมุน เป็นนักสู้ชีวิต แม้ตาบอดสองข้างก็ไม่ยอมท้อแท้ต่อโชคชะตา สิ่งที่เขาทำเป็นประจำก็คือ จะออกไปหาจับกบจับเขียดตามปกติ โดยอาศัยเพื่อนบ้านคนตาดีไปส่งที่ทุ่งนา โดยหลายครั้งตนก็เคยพาไป หลังจากส่งแล้วก็ปล่อยเขาไว้ พร้อมนัดเวลาจะมารับ หลังจากกลับบ้านแล้วเขาก็จะแบ่งกบเขียดให้เพื่อไปทำอาหาร แต่ทุกคนไม่รับเพราะไม่อยากถูกมองว่าอาศัยกินกับคนตาบอด หากวันใดเขาไม่ไปหากบเขาก็จะชวนไปขว้างแหหาปลาที่ห้วยท้ายหมู่บ้าน เพียงแต่เราไปส่งและบอกว่าตรงไหนมีตอไม้ หรือตรงไหนไม่มีสิ่งกัดขวาง ดูเหมือนจะเป็นโชคของเขาเพราะไปหาปลาหากบ เขาจะโชคดีได้มาทุกครั้งแต่พอกินเท่านั้น ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า นายหมุนเป็นผู้เฒ่าอารมณ์ดี จะยิ้มแย้มตลอดเวลา และสิ่งที่เขาชอบที่สุดสิ่งหนึ่งคือการเป่าแคน เป็นดนตรีที่ชอบ แต่ไม่มีเงินชื้อ นายหมุนจะมีความสามารถพิเศษอีกอย่างก็คือ การซ่อม ปะแห ปะสวิง เครื่องมือการหาปลา ชาวบ้านมักจะนำมาจ้างให้เขาซ่อมให้บ่อยครั้ง ซึ่งเรื่องนี้คนตาดีบางคนทำไม่ได้ และไม่เคยสร้างความเดือดร้อนใคร ไม่เคยขอ มีอย่างเดียวหากรบกวนคือพาไปส่งหากบ หาปลาเท่านั้น อยากขอความช่วยเหลือที่คนพิการตาบอดต้องช่วยตัวเอง คือ ห้องน้ำ และบ้าน ที่ทุกวันนี้กำลังผุพังลงมาเพราะขาดการดูแล ไม่สามารถที่จะซ่อมได้ สำหรับความช่วยเหลือเขาได้รับสวัสดิการเงินเบี้ยยังชีพผู้พิการรายเดือน จาก อบต.เดือนละ 500 บาทเท่านั้น กรณีของนายหมุน เป็นผู้พิการที่สู้ชีวิต ชึ่งเพื่อนบ้านก็ช่วยได้เพียงการสอบถามและให้ได้ตามสภาพของคนบ้านนอกที่เป็นเพื่อนบ้านเท่านั้น ต่อมานายชยันต์ธานะราช สจ.สกลนคร .อ.บ้านม่วง ทราบข่าวได้เดินทางมาตรวจสอบพร้อมนำเครื่องอุปโภคบริโภคและยารักษาโรคบางส่วนมามอบให้ในเบื้องต้น พร้อมบอกว่า จะพิจารณาประสานหน่วยงานให้ความช่วยเหลือด้านอาชีพให้ เพราะนายหมุน ไม่มีญาติดูแล และเป็นคนดีเป็นตัวอย่างของคนไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาชีวิต ไม่งอมืองอเท้า ขอคนอื่น อย่างไรก็ตามหากท่านผู้มีจิตเมตตา อย่างให้ความช่วยเหลือสามารถติดต่อไปยังนายชยันต์ ธานะราช ส.อบจ.สกลนคร เขตอำเภอบ้านม่วง โทร. 088-3224848 หรือ 088-3224949 เพื่อนำไปช่วยเหลือต่อไป ขอบคุณ … http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM05EZzVNREk0Tnc9PQ==&subcatid= ข่าวสดออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 27 ก.ค.56

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...