กตัญญูรู้คุณ! หนุ่มตรังมอบใบปริญญาให้พ่อผู้พิการแขนขาดขณะตัดไม้ยางในสวน
ตรัง - กตัญญูรู้คุณ! หนุ่มเมืองตรังทำเซอร์ไพรส์ตอบแทนบุญคุณผู้บังเกิดเกล้า สวมชุดครุยนำใบปริญญาบัตรคุกเข่ามอบให้แก่พ่อผู้พิการแขนขาดขณะกำลังทำงานตัดไม้ยางพาราอยู่ภายในสวน
วันที่ (27 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 23/1 ม.2 บ้านนาหลังเขา ต.เขาปูน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง หลังจากมีการโพสต์ และแชร์ภาพในเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับเรื่องราวความกตัญญูที่น่าประทับใจระหว่างพ่อกับลูก เมื่อ นายเฉลิมพล กี่สุ้น หรือน้องตั๊ก อายุ 22 ปี ลูกคนที่ 2 ของครอบครัว ซึ่งเพิ่งเรียนจบปริญญาตรี จากสาขาวิชาการจัดการประมง คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการประมง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง ได้สวมชุดครุยแล้วนำปริญญาบัตรมาคุกเข่ามอบให้แก่ นายจิระ กี่สุ้น อายุ 51 ปี พ่อผู้พิการแขนด้านขวาขาดจนถึงข้อศอกขณะที่พ่อของเขากำลังทำงานตัดไม้ยางพาราอยู่ภายในสวน
นายเฉลิมพล หรือน้องตั๊ก กล่าวว่า เดิมทีพ่อของตนมีสภาพร่างกายเป็นปกติทุกอย่าง กระทั่งเมื่อปี 2537 ขณะที่พ่อมีอายุได้ 30 ปี และตนมีอายุแค่ 1 ขวบ ก็ต้องมาประสบอุบัติเหตุรถชน ทำให้ต้องสูญเสียแขนด้านขวา แต่พ่อของตนก็ไม่ย่อท้อ และยังเดินหน้าต่อสู้ชีวิตด้วยมือซ้ายที่เหลือเพียงข้างเดียว ด้วยการรับจ้างทำงานสารพัด เช่น กรีดยางพารา เลื่อยไม้ ก่อสร้าง หรือซ่อมแซมอุปกรณ์ต่างๆ เพียงเพื่อหารายได้มาส่งเสียลูกชายให้ได้เรียนหนังสือทั้ง 2 คน โดยพี่ชายของตนไปเรียนหนังสืออยู่ที่ จ.ภูเก็ต ส่วนตนเรียนหนังสืออยู่ที่บ้านใน จ.ตรัง จนจบชั้น ม.6 และมีความต้องการที่จะไปเรียนต่อปริญญาตรีที่กรุงเทพฯ หรือในต่างจังหวัด
อย่างไรก็ตาม หลังจากหารือกับทางครอบครัวซึ่งค่อนข้างจะมีฐานะยากจนแล้ว ตนจึงตัดสินใจสอบเข้าเรียนต่อที่ มทร.ศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง เพื่อจะได้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และสามารถเดินทางกลับมาเยี่ยมครอบครัวได้โดยสะดวก ซึ่งตลอดเวลา 4 ปีที่ต้องเรียนปริญญาตรีนั้นต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก แต่พ่อก็พยายามหารายได้มาส่งเสียตน ด้วยการรับจ้างทำงานทุกอย่าง กระทั่งเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2558 ตนก็ทำความภาคภูมิใจให้แก่ครอบครัวได้สำเร็จ ดังนั้น เมื่อเดินทางกลับมาถึงบ้านเกิดจึงรีบวิ่งไปหาพ่อซึ่งกำลังทำงานตัดไม้ยางพาราก่อนมอบปริญญาบัตรให้พร้อมกับก้มกราบหอมและกอดเพื่อทดแทนบุญคุณ
ด้าน นายจิระ ผู้เป็นพ่อ กล่าวว่า ตอนที่แขนขวาขาดใหม่ๆ ตนเองรู้สึกท้อใจเป็นอย่างมาก เพราะเหลือมือซ้ายที่ไม่ถนัด และทำอะไรได้ยาก กระทั่งเมื่อไปเห็นคนพิการแขนขาดคนหนึ่งทำงานต่อสู้ชีวิต ตนจึงได้เปลี่ยนความคิด จากคนที่เคยโมโหร้ายก็กลายมาเป็นคนใจเย็น แล้วฝึกฝนมือซ้ายให้ทำงานจนคล่องแคล่ว ในที่สุดก็สามารถส่งเสียลูกชายทั้ง 2 คนให้ได้เล่าเรียนหนังสือ โดยเฉพาะคนเล็กที่เรียนจบปริญญาตรี แม้บางวันจะมีรายได้เพียงแค่ 200-300 บาทเท่านั้น อีกทั้งที่ผ่านมา ลูกทั้งคู่ต่างก็เป็นคนว่านอนสอนง่าย ไม่เคยยุ่งเกี่ยวในสิ่งที่ไม่ดีและมีความกตัญญูสูงเมื่อพวกเขาประสบความสำเร็จตนเองก็รู้สึกดีใจมากและคงจะได้หายเหนื่อยสักที
นายธวัช แก่นจันทร์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 บ้านนาหลังเขา ต.เขาปูน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง กล่าวว่า นายจิระ ลูกบ้านของตนเป็นคนที่ขยันขันแข็งมาก ขนาดที่คนปกติทั่วไปยังต้องยอมแพ้ เพราะสามารถรับจ้างทำงานได้สารพัด แม้จะมีเพียงแขนเดียวก็ตาม จนช่วยยกฐานะของครอบครัว จากที่เคยอยู่แค่ขนำเล็กๆ มาเป็นบ้านหลังใหญ่ พร้อมทั้งซื้อรถ หรือซื้อข้าวของไว้ใช้ในครอบครัว หรือให้แก่ลูกๆ นับเป็นทั้งพ่อ และผู้พิการตัวอย่างที่สมควรได้รับการยกย่องเชิดชู จึงเป็นที่รักใคร่ของบรรดาญาติพี่น้อง ตลอดจนเพื่อนบ้านด้วยกัน ซึ่งหากมีงานการอะไรที่ นายจิระ สามารถทำได้ก็จะมาว่าจ้างเพื่อให้มีรายได้ จนในที่สุดก็สามารถส่งเสียลูกให้เรียนจบปริญญาตรีได้สำเร็จ
ขอบคุณ... http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000119968 (ขนาดไฟล์: 166)
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
ตรัง - กตัญญูรู้คุณ! หนุ่มเมืองตรังทำเซอร์ไพรส์ตอบแทนบุญคุณผู้บังเกิดเกล้า สวมชุดครุยนำใบปริญญาบัตรคุกเข่ามอบให้แก่พ่อผู้พิการแขนขาดขณะกำลังทำงานตัดไม้ยางพาราอยู่ภายในสวน นายเฉลิมพล กี่สุ้น หรือน้องตั๊ก อายุ 22 ปี นำปริญญาบัตรมาคุกเข่ามอบให้แก่ นายจิระ กี่สุ้น อายุ 51 ปี พ่อผู้พิการแขนด้านขวาขาดจนถึงข้อศอก วันที่ (27 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 23/1 ม.2 บ้านนาหลังเขา ต.เขาปูน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง หลังจากมีการโพสต์ และแชร์ภาพในเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับเรื่องราวความกตัญญูที่น่าประทับใจระหว่างพ่อกับลูก เมื่อ นายเฉลิมพล กี่สุ้น หรือน้องตั๊ก อายุ 22 ปี ลูกคนที่ 2 ของครอบครัว ซึ่งเพิ่งเรียนจบปริญญาตรี จากสาขาวิชาการจัดการประมง คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการประมง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง ได้สวมชุดครุยแล้วนำปริญญาบัตรมาคุกเข่ามอบให้แก่ นายจิระ กี่สุ้น อายุ 51 ปี พ่อผู้พิการแขนด้านขวาขาดจนถึงข้อศอกขณะที่พ่อของเขากำลังทำงานตัดไม้ยางพาราอยู่ภายในสวน นายเฉลิมพล หรือน้องตั๊ก กล่าวว่า เดิมทีพ่อของตนมีสภาพร่างกายเป็นปกติทุกอย่าง กระทั่งเมื่อปี 2537 ขณะที่พ่อมีอายุได้ 30 ปี และตนมีอายุแค่ 1 ขวบ ก็ต้องมาประสบอุบัติเหตุรถชน ทำให้ต้องสูญเสียแขนด้านขวา แต่พ่อของตนก็ไม่ย่อท้อ และยังเดินหน้าต่อสู้ชีวิตด้วยมือซ้ายที่เหลือเพียงข้างเดียว ด้วยการรับจ้างทำงานสารพัด เช่น กรีดยางพารา เลื่อยไม้ ก่อสร้าง หรือซ่อมแซมอุปกรณ์ต่างๆ เพียงเพื่อหารายได้มาส่งเสียลูกชายให้ได้เรียนหนังสือทั้ง 2 คน โดยพี่ชายของตนไปเรียนหนังสืออยู่ที่ จ.ภูเก็ต ส่วนตนเรียนหนังสืออยู่ที่บ้านใน จ.ตรัง จนจบชั้น ม.6 และมีความต้องการที่จะไปเรียนต่อปริญญาตรีที่กรุงเทพฯ หรือในต่างจังหวัด อย่างไรก็ตาม หลังจากหารือกับทางครอบครัวซึ่งค่อนข้างจะมีฐานะยากจนแล้ว ตนจึงตัดสินใจสอบเข้าเรียนต่อที่ มทร.ศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง เพื่อจะได้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และสามารถเดินทางกลับมาเยี่ยมครอบครัวได้โดยสะดวก ซึ่งตลอดเวลา 4 ปีที่ต้องเรียนปริญญาตรีนั้นต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก แต่พ่อก็พยายามหารายได้มาส่งเสียตน ด้วยการรับจ้างทำงานทุกอย่าง กระทั่งเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2558 ตนก็ทำความภาคภูมิใจให้แก่ครอบครัวได้สำเร็จ ดังนั้น เมื่อเดินทางกลับมาถึงบ้านเกิดจึงรีบวิ่งไปหาพ่อซึ่งกำลังทำงานตัดไม้ยางพาราก่อนมอบปริญญาบัตรให้พร้อมกับก้มกราบหอมและกอดเพื่อทดแทนบุญคุณ ครอบครัวนายเฉลิมพล กี่สุ้น หรือน้องตั๊ก ร่วมแสดงความดีใจ ด้าน นายจิระ ผู้เป็นพ่อ กล่าวว่า ตอนที่แขนขวาขาดใหม่ๆ ตนเองรู้สึกท้อใจเป็นอย่างมาก เพราะเหลือมือซ้ายที่ไม่ถนัด และทำอะไรได้ยาก กระทั่งเมื่อไปเห็นคนพิการแขนขาดคนหนึ่งทำงานต่อสู้ชีวิต ตนจึงได้เปลี่ยนความคิด จากคนที่เคยโมโหร้ายก็กลายมาเป็นคนใจเย็น แล้วฝึกฝนมือซ้ายให้ทำงานจนคล่องแคล่ว ในที่สุดก็สามารถส่งเสียลูกชายทั้ง 2 คนให้ได้เล่าเรียนหนังสือ โดยเฉพาะคนเล็กที่เรียนจบปริญญาตรี แม้บางวันจะมีรายได้เพียงแค่ 200-300 บาทเท่านั้น อีกทั้งที่ผ่านมา ลูกทั้งคู่ต่างก็เป็นคนว่านอนสอนง่าย ไม่เคยยุ่งเกี่ยวในสิ่งที่ไม่ดีและมีความกตัญญูสูงเมื่อพวกเขาประสบความสำเร็จตนเองก็รู้สึกดีใจมากและคงจะได้หายเหนื่อยสักที นายธวัช แก่นจันทร์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 บ้านนาหลังเขา ต.เขาปูน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง กล่าวว่า นายจิระ ลูกบ้านของตนเป็นคนที่ขยันขันแข็งมาก ขนาดที่คนปกติทั่วไปยังต้องยอมแพ้ เพราะสามารถรับจ้างทำงานได้สารพัด แม้จะมีเพียงแขนเดียวก็ตาม จนช่วยยกฐานะของครอบครัว จากที่เคยอยู่แค่ขนำเล็กๆ มาเป็นบ้านหลังใหญ่ พร้อมทั้งซื้อรถ หรือซื้อข้าวของไว้ใช้ในครอบครัว หรือให้แก่ลูกๆ นับเป็นทั้งพ่อ และผู้พิการตัวอย่างที่สมควรได้รับการยกย่องเชิดชู จึงเป็นที่รักใคร่ของบรรดาญาติพี่น้อง ตลอดจนเพื่อนบ้านด้วยกัน ซึ่งหากมีงานการอะไรที่ นายจิระ สามารถทำได้ก็จะมาว่าจ้างเพื่อให้มีรายได้ จนในที่สุดก็สามารถส่งเสียลูกให้เรียนจบปริญญาตรีได้สำเร็จ ขอบคุณ... http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000119968
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)




