ม.สวนดุสิตผนึกกำลังฮับ “ยกระดับ ทองเสน่หา – ขนมอบโบราณ’ ของฝากผู้พิการสายตา สู่การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหารยั่งยืน
อาหารไทย เป็นที่รู้จักและได้รับความชื่นชมจากผู้คนทั่วโลก รวมถึงได้รับการยอมรับในเรื่องของรสชาติความอร่อยที่เป็นเอกลักษณ์ จนทำให้อาหารไทยหลาย ๆ เมนู ติดอันดับอาหารที่อร่อยที่สุดในโลกมากมาย จนทำให้อาหารไทยอีกหลายชนิดเป็นอาหารไทยมรดกโลกอีกด้วย ซึ่งถือเป็น soft power ของประเทศ
นอกจากในเรื่องของอาหารแล้ว “ขนมไทย” หลายชนิดก็เป็นที่ชื่นชอบ ถูกอก ถูกใจนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวและได้ลิ้มลองเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของรูปร่าง หน้าตาของขนมที่สวยงาม และรสชาติหอมหวาน อีกทั้งขนมไทยหลายชนิดก็มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานหลายร้อยปี มหาวิทยาลัยสวนดุสิต โดย รองศาสตราจารย์ ดร.พรรณี สวนเพลง อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหาร“ (HUB of Talent in Gastronomy Tourism) พร้อมด้วยทีมนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญทางด้านวัฒนธรรมอาหาร นำโดย ดร. อานงค์ ใจแน่น, อาจารย์ ฐิติวรฏา ใยสำลี อาจารย์ เสาวลักษณ์ กันจินะ และอาจารย์สุรีย์พร ธัญญะกิจ จากโรงเรียนการเรือน มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สถาบันอาศรมศิลป์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงได้ร่วมกันดำเนินการพัฒนาโครงการวิจัยเรื่อง “การเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์อยุธยาและพื้นที่เชื่อมโยงเพื่อรองรับการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล” โดยได้รับสนับสุนนการวิจัยจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.)
โดยมีวัตถุประสงค์ข้อหนึ่งในเรื่อง การนำขนมไทยโบราณมาพัฒนาเป็นสินค้าของฝากสำหรับนักท่องเที่ยวผู้พิการทางสายตา คณะผู้วิจัยเล็งเห็นถึงความสำคัญของผู้พิการทางสายตา จึงได้ร่วมกับร้านขนมไทย “หอมกลิ่น” ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงได้พิจารณาคัดเลือกยกระดับ “ขนมทองเสน่หา” และ “ขนมอบโบราณ” เนื่องจากขนมทั้ง 2 ชนิดนี้ ถูกจัดอยู่กลุ่มของขนม “แป้งอบโบราณ” อาทิ ขนมทองขจร ขนมผิง ขนมกลีบลำดวน มีความโดดเด่นในเรื่องของ กลิ่นความหอม ที่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับ ผู้พิการสายตา ที่ไม่สามารถมองไม่เห็นได้ รวมถึงมีอายุการเก็บรักษาได้นาน โดยการวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการ และสร้างบรรจุภัณฑ์ขึ้น โดยที่บรรจุภัณฑ์ของขนมทั้ง 2 ชนิด คณะผู้วิจัย ได้ทำการระบุชื่อ Thai aromatic Sweets ลักษณะ “อักษรเบล” ไว้ที่แถบด้านข้างของกล่องบรรจุภัณฑ์ สำหรับผู้พิการทางสายตาตั้งแต่กำเนิด และลักษณะ “อักษรนูน” ไว้ที่ส่วนบนของกล่องบรรจุภัณฑ์ สำหรับผู้ที่ไม่ได้พิการทางสายตาตั้งแต่กำเนิด พร้อมระบุข้อมูลโภชนาการ และคำอธิบายคุณลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ของขนม ที่ได้จากการวิเคราะห์ขนมทั้ง 2 ชนิดนี้ ไว้อีกด้วย
ขนมทองเสน่หา ขนมทองขจร หรือเรียอีกชื่อหนึ่งได้ว่า ขนมแป้งอบโบราณ เป็นขนมไทยโบราณที่หาทานยาก และยังเป็นขนมไทยประยุกต์ ระหว่างขนมผิงกับขนมกลีบลำดวน ผสมผสานกันอย่างลงตัว มีกลิ่นหอมของควันเทียนอ่อน ๆ เมื่อรับประทานแล้วจะละลายในปาก มัน กรุบกรอบ ด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ และผลไม้อบแห้ง อมเปรี้ยว อมหวานจากผลไม้อบแห้ง เนื้อร่วนละมุนลิ้น ละลายในปาก ไม่ต้องจำเป็นต้องใช้เตาอบ รับประทานคู่กับชา หรือกาแฟ หอมละมุนและอร่อย นิยมให้เป็นของขวัญหรืองานเฉลิมฉลองและงานพิธีต่าง ๆ เนื่องจากมีลักษณะที่หรูหราและรสชาติที่พิเศษ มีส่วนประกอบ แป้งมันคั่ว 39.00% นมผง 25.78 % น้ำตาล 11.72 % เกลือ 0.6 % น้ำมัน 23.44 % ผงกุหลาบ
วิธีปรุงประกอบ นำแป้งมันไปคั่วให้สุก ผสมกับนมผง น้ำตาล เกลือ แล้วเติมน้ำมันในแป้งที่มีส่วนผสมทั้งหมด เติมผงกุหลาบ คลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วพักไว้ แล้วนำใส่แบบพิมพ์ รูปทรงที่ต้องการให้แน่นพอสมควร เมื่อถอดออกจากพิมพ์แล้วนำไปเรียงในถาด เพื่อรอบรรจุ จากนั้นนำขนมที่ได้ไปอบควันเทียน มีคุณค่าทางโภชนาการที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ได้แก่ ไขมัน 13.04% มีเส้นใย 0.74 มีโปรตีน 1.90% และมีคาร์โบไฮเดรต 77.10%
ส่วน ขนมอบโบราณ คือ การอบแป้งด้วยควันเทียนหอมจากนั้นอัดเป็นแท่งพอดีคำ หากได้ชิมจะสัมผัสได้กับเม็ดมะม่วงหิมพานต์และลูกเกดสับ เนื้อสัมผัสจะคล้ายขนมกลีบลำดวนหวานเล็กน้อย เค็มปลายลิ้นเล็กน้อย หากรับประทานคู่กับชาหรือกาแฟจะเข้ากันอย่างมาก มีส่วนประกอบ ได้แก่ แป้งมันคั่วอบ 39.00% นมผง 25.78 % น้ำตาล 11.72 % เกลือ 0.6 % น้ำมัน 23.44 % เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และ ลูกเกดสับ
วิธีปรุงประกอบ นำแป้งมันไปคั่วให้สุก ผสมกับนมผง น้ำตาล เกลือ แล้วเติมน้ำมันในแป้งที่มีส่วนผสมทั้งหมด เติมเม็ดมะม่วงหิมพานต์สับ และลูกเกตุสับ คลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วพักไว้ แล้วนำใส่แบบพิมพ์ รูปทรงที่ต้องการให้แน่นพอสมควร เมื่อถอดออกจากพิมพ์แล้วนำไปเรียงในถาด จากนั้นนำขนมที่ได้ไปอบควันเทียนต่อเพื่อให้ขนมมีความหอมตามแบบเอกลักษณ์ของขนมไทย มีคุณค่าทางโภชนาการที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ได้แก่ ไขมัน 11.85% มีเส้นใย 0.68 มีโปรตีน 5.76% และมีคาร์โบไฮเดรต 71.80%
ซึ่งขนมไทยทั้ง 2 ชนิดนี้ นักท่องเที่ยวที่สนใจ สามารถหาซื้อขนมทองเสน่หา และขนมอบโบราณ ได้ที่ร้านขนมไทย “หอมกลิ่น” ตั้งอยู่บริเวณถนนชีกุน อ.เมือง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ทั้งหมดนี้ เป็นการแสดงถึงการพร้อมในการขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวของประเทศที่รองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวลของทีมนักวิจัย ที่ต้องการให้ผลิตภัณฑ์ของฝากที่จะนำไปสู่การยกระดับให้ที่เป็นจุดหมายปลายทางต้นแบบการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์อยุธยาที่รองรับเพื่อคนทั้งมวล (Universal design for creative destination)
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโดยตรงได้ที่ ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหาร“ (HUB of Talent in Gastronomy Tourism) คุณปณิชา ตันสูติชล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต 0863733029