สู้เพื่อลูก! “ป้าบุญถม” แม้เข่าเสื่อม สู้แบกลูกพิการเดินไม่ได้ หากวันหน้าร่างกายไม่ไหว ถึงขั้นต้องคลาน ก็จะสู้ดูแลลูกให้ถึงที่สุด

สู้เพื่อลูก! “ป้าบุญถม” แม้เข่าเสื่อม สู้แบกลูกพิการเดินไม่ได้ หากวันหน้าร่างกายไม่ไหว ถึงขั้นต้องคลาน ก็จะสู้ดูแลลูกให้ถึงที่สุด

รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปรู้จัก “ป้าบุญถม” ป้าที่ไม่เพียงเลี้ยงลูกพิการ แต่ชีวิตของเธอยังเผชิญมรสุมมาอย่างหนักหน่วงจากการเลือกคู่ชีวิตที่ผิดถึง 2 ครั้ง ไม่ว่าชีวิตจะวิกฤตแค่ไหน เธอพร้อมเคียงข้างลูกและสู้เพื่อลูกอย่างถึงที่สุด

“น้องบีทเขาสำลักน้ำคร่ำ ตั้งแต่เกิดเลย ทีแรกหมอบอกว่า 50-50 นะคุณแม่ ถ้าเขารอด เขาจะพิการ”

ป้าบุญถม แจ้งบ้าน พูดถึงสาเหตุที่ทำให้ “น้องบีท” ลูกชายคนโตที่วันนี้อยู่ในวัย 16 ปีแล้ว ต้องอยู่ในสภาพพิการ พูดไม่ได้ เดินไม่ได้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แม่ต้องดูแลทุกอย่าง“(ถาม-ทุกวันนี้สุขภาพน้องเป็นยังไงบ้าง?) มาปีนี้ชักบ่อย ทีแรกเขาให้กินยากันชักตอนเช้าอย่างเดียว ตอนนี้ทั้งเช้าทั้งเย็น เช้าเม็ด เย็นเม็ด”

สู้เพื่อลูก! “ป้าบุญถม” แม้เข่าเสื่อม สู้แบกลูกพิการเดินไม่ได้ หากวันหน้าร่างกายไม่ไหว ถึงขั้นต้องคลาน ก็จะสู้ดูแลลูกให้ถึงที่สุด

นอกจากลูกคนโตที่พิการแล้ว “น้องบิ๊กซี” ลูกคนเล็กของป้ากับวัย 15 ในวันนี้ก็คลอดก่อนกำหนดอีกด้วย “คลอดก่อนกำหนด ได้ 7 เดือนคลอด (ถาม-เหตุผลที่คลอดก่อนกำหนดเพราะอะไร เราทำงานหนักหรือว่า?) ทำงานหนักด้วย เพราะแบกร่ม กางร่ม ยกเก็บโต๊ะชายหาด เป็นร้อยๆ ตัว ตอนนั้นป้าทำงานเป็นลูกจ้างเตียงผ้าใบชายหาดที่พัทยากลาง คอยขายของ เก็บค่าเตียงให้เขา ส่วนสามีเป็นทหารอยู่ที่ปทุมธานี เขาจะไปหาป้าทุกวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ หลังจากมีลูก ป้าดูแลคนเดียว สามีก็ส่งเงินมาให้”

แม้ต้องทำงานด้วย ดูแลลูกสองคนด้วยในช่วงนั้น แต่ชีวิตป้าบุญถมก็ไม่ได้มีปัญหา สามารถเลี้ยงลูกได้ แม้ลูกพิการ แต่เธอก็รัก ไม่เคยคิดขายลูกให้ใคร แม้เคยมีคนขอซื้อก็ตาม

“เราทำงานไปด้วยเลี้ยงลูกไปด้วย ผูกเปลเลี้ยงที่ร่มชายหาดนั่นแหละ ฝรั่งเขามา เขาก็เบบี้ ทิปยู โน่นนั่นนี่เขาก็ให้ เขาจะซื้อลูกชายด้วยนะ ซื้อลูกชายคนพิการ เขาบอกว่า ไอกิ๊ฟยู ไอแคนบายวันมิลเลียนบาทฟอร์เบเบี้ ไอแคนเทคแคร์ (ถาม-เอาไปเลี้ยงเองเลย แล้วป้าให้?) โน เราก็บอกว่า ฉันไม่ขายลูกฉัน เขาบอกว่า ฉันจะเอาไปดูแลให้ ไปรักษาด้วย แม่ไม่ให้ไป เขาบอก คนน้องที่ออกมา นั่นก็ หมอเขาบอกว่า คลอดก่อนกำหนดนะ แม่ก็ เขาก็จะช้านะ ไฮเปอร์นะ ถ้าโตขึ้น อีกคนก็จะเอาคนนี้ๆ แม่ไม่ให้ทั้งสองคน แม่จะเลี้ยงเอง”

สู้เพื่อลูก! “ป้าบุญถม” แม้เข่าเสื่อม สู้แบกลูกพิการเดินไม่ได้ หากวันหน้าร่างกายไม่ไหว ถึงขั้นต้องคลาน ก็จะสู้ดูแลลูกให้ถึงที่สุด

หลังเจ้าของเลิกกิจการเตียงผ้าใบชายหาด ป้าบุญถมตัดสินใจหอบลูกทั้งสองกลับบ้านที่ จ.ชัยภูมิ ก่อนที่โชคชะตาจะพาให้ได้ไปทำงานที่ จ.สงขลา“ไปอยู่อีสานได้ปีหนึ่ง ไม่ได้ทำงานอะไรเลย ก็ดูลูก ป๊าเขาก็เอาตังค์ไปให้อยู่ แล้วทีนี้น้องสาวอีกคน ชวนไปอยู่ที่ใต้ เขาบอกว่าไปเป็นแม่ครัวอยู่ร้านคาราโอเกะไหม ก็เลยเอาลูกคนเล็กไว้กับแม่ เอาคนพิการไปด้วย”

แม้ชีวิตเหมือนจะไปได้ดี เพราะเริ่มมีงานทำอีกครั้ง แต่แล้วก็เหมือนสายฟ้าฟาดอย่างไม่ทันตั้งตัว เมื่อสามีโทรแจ้งข่าวร้ายให้ป้าทราบ “ตอนที่แม่ทำงานอยู่สงขลา ป๊าเขาโทรมาบอกว่า เขามีเมียอีกคนนะ แต่ป๊าไม่เลิกกับเราหรอก ไม่หย่า ลูกก็ยังได้ใช้สิทธิ์ คุณก็ยังได้ใช้สิทธิ์กับเราอยู่ แต่ขอมี (ถาม-วันที่สามีโทรมาแจ้งว่า ขอมีภรรยาใหม่ ความรู้สึกป้า?) มันก็ล่องลอยคุณ โมโห โกรธด้วย ป๊าไม่ต้องมาโน่นนั่นนี่เลย ไม่ต้องมายุ่ง แกก็ยังโทรตามตลอด แกก็บอกว่า ป๊าไม่หย่า เคยไปขอหย่าแก แกก็ไม่หย่า (ถาม-เรารู้สึกว่าเหมือนถูกทอดทิ้ง มันไม่เป็นธรรมกับเรา?) เราก็เสียใจอย่างแรงเลย คิดว่า อุ้มลูกลงทะเลดีไหม เอาลูกนอนในเปล ตัวเองลงไป แล้วไปจับทุ่น แล้วก็กลั้นหายใจ เดี๋ยวลูกทรมาน กว่าจะผ่านมาได้ (ถาม-แล้วหยุดการกระทำตรงนั้นเพราะคิดถึงลูก?) ใช่”

หลังจบความสัมพันธ์กับสามีคนแรก โชคชะตาก็พาให้ป้าได้พบกับสามีคนที่สอง ซึ่งเธอคิดว่าน่าจะเป็นคนดี เพราะเขาดูรักลูกของเธอมาก ซึ่งเธอก็บอกเรื่องนี้ให้สามีคนแรกทราบเช่นกัน แต่เมื่อใช้ชีวิตกันไป อุปสรรคต่างๆ ในการทำมาหากิน ที่บางช่วงไม่มีงานทำ บางช่วงรายได้ไม่พอต่อรายจ่าย ก็ทำให้พฤติกรรมของสามีคนที่สองเริ่มเปลี่ยนไป

สู้เพื่อลูก! “ป้าบุญถม” แม้เข่าเสื่อม สู้แบกลูกพิการเดินไม่ได้ หากวันหน้าร่างกายไม่ไหว ถึงขั้นต้องคลาน ก็จะสู้ดูแลลูกให้ถึงที่สุด

“พฤติกรรมไม่เหมือนเดิมคือ เขาเริ่มกินเหล้า เริ่มมีเพื่อน ถ้ากินเหล้ากลับเข้าบ้านเมื่อไหร่ หาเรื่องเมื่อนั้น หาเรื่องด่า หาเรื่องทุบข้าวของโน่นนั่นนี่ จนเริ่มมีปากเสียงกัน สุดท้ายตบตีมีเรื่องกัน เขาจะตีป้า แต่ลูกชายคนเล็กมาช่วย (ถาม-เลยทำร้ายน้องแทน?) น้องก็เส้นตาแตก ก็ขึ้นโรงขึ้นศาล ขึ้นโรงพัก เขาก็โดนจับตัวไปแล้ว เขาทำลูกเราขนาดนี้ เราก็คิดว่ามันหมดแล้วนะ เขาก็ไปติดคุก”

เมื่อสามีคนที่สองติดคุก ป้าคิดว่า ปัญหาทุกอย่างคงจบ แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะหลังออกจากคุก เขาก็กลับมาอยู่ด้วยอีก แม้ป้าจะขอให้ผู้ใหญ่บ้านและเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยจัดการ เพราะเธอไม่ต้องการให้มาอยู่ร่วมชายคาเดียวกันแล้ว แม้จะต่างคนต่างอยู่ก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครช่วยเธอได้

“แม้กระทั่งเอาตำรวจมาคุย เขาก็บอกว่า ผมไม่ยุ่งไม่เกี่ยว ผมจะไม่ก้าวก่าย (ถาม-คนอื่นมาเจรจาแล้ว ก็ไม่ไป?) เอาจริงๆ คือ ดีลกับผู้ใหญ่ เขาสนิทกัน ตอนนี้เขาก็ไปทำงานอยู่กับผู้ใหญ่บ้านนี่แหละ ผู้ใหญ่บอก ผัวเมียมาตั้งหลายปี เจ๊จะไปอะไรเยอะแยะ อยู่ไปสิ เราบอกว่า เรารับไม่ได้แล้วกับตรงนี้ ผู้ใหญ่ เออ ถ้ามีปัญหาอะไร หาผม เดี๋ยวผมเคลียร์เอง”

สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่เพียงทำให้ป้าลำบากใจและเครียด แต่ยังทำให้ลูกคนเล็กขอแม่ไปพักอยู่บ้านเพื่อนชั่วคราว ซึ่งแม่ของเพื่อนก็ยินดี ส่วนป้าก็ยินยอม เพื่อความสบายใจของลูก โดยป้ายังดูแลเรื่องอาหารการกินและค่าใช้จ่ายให้ลูกอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ทุกวันหลังเลิกเรียน น้องบิ๊กซีจะแวะมาหาแม่เพื่อคุยกับแม่เสมอ พร้อมบอกแม่ ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะอยู่บ้านเพื่อน น้องก็ช่วยเขาทำงานบ้านและดูน้องให้เขาด้วย ขณะที่หัวอกแม่คิดว่า จะยอมทนอยู่ในสถานการณ์นี้อีก 1 ปี เพื่อให้ลูกเรียนจบ ม.3 ก่อน หลังจากนั้นอาจจะพาลูกๆ กลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิด จ.ชัยภูมิ

สู้เพื่อลูก! “ป้าบุญถม” แม้เข่าเสื่อม สู้แบกลูกพิการเดินไม่ได้ หากวันหน้าร่างกายไม่ไหว ถึงขั้นต้องคลาน ก็จะสู้ดูแลลูกให้ถึงที่สุด

ทุกวันนี้ ป้าทำงานหารายได้เลี้ยงลูกทั้ง 2 คนที่ จ.ฉะเชิงเทรา ด้วยการขายอาหารตามสั่งและรับนวดแผนโบราณ “ทีแรกขายข้าวกล่อง และไปรับขนมมาขายเสริม ขายก็พอได้ แต่ตอนหลังเศรษฐกิจไม่ดี เริ่มขายไม่ค่อยดีเหมือนเมื่อก่อน ก็รับนวดด้วย ขายของหน้าโรงเรียนด้วย แต่ก่อนเขาเก็บ 10 บาท เช้า 10 บาท เย็น 10 บาท ก็วันละ 20 ตอนนี้เขาให้เช่าแผงเลย ป้าเลยมาขายอยู่หน้าบ้านตัวเอง จะได้ไม่ต้องหอบลูกไปตรงโน้นด้วย เลยขายอยู่หน้าบ้าน มันก็ไม่ค่อยดีเหมือนแต่ก่อน (ถาม-ถัวเฉลี่ยขายของได้วันละเท่าไหร่?) ลงไป 500 ได้มาบางที 600 บ้าง 550 บ้าง (ถาม-นี่หมิ่นเหม่กับการขาดทุนเลยนะ?) จ้ะ”

“ตอนนี้มีความดันสูง เพราะมันมีเรื่องเครียดไง บางทีก็วูบไป (ถาม-เห็นป้าใช้ผ้าพันเข่านี่เป็นอะไร เดินก็ไม่ค่อยแข็งแรง?) อันนี้เข่าเสื่อม หมอก็บอกอยู่ว่า ป้าอย่ายก อย่าแบก ป้าห้ามแบกของหนักนะ ลูกไม่ใช่ของหนัก ลูกเราไง เราแบกลูกเรา ก็เลยต้องพันเข่า บางทีก็นวดให้ตัวเอง นี่ถ้าไม่พันเข่า เหมือนแบกน้องไม่ไป เหมือนจะเดินไปไม่ได้ มันเหมือนจะทรุด ก็ต้องใส่ล็อกไว้ก่อน ข้างนี้หนักเลย”

“สำหรับคนเล็ก คาดหวังให้เขาเอาตัวรอดได้ ให้เขาเรียนให้จบ จบ ม.3 อย่างน้อยไปสมัครงานอะไร ก็พอได้อยู่ ส่วนคนโต อยากให้เขาหายหรือดีกว่านี้ ลุกขึ้นเดินได้ (ถาม-เคยคิดจะเอาลูกไปให้สงเคราะห์เลี้ยงหรือส่งกลับไปให้สามีดูแลไหม?) ไม่ ไม่อยู่ในหัวเลย แม่จะไม่ให้ใครทั้งนั้น (ถาม-แต่เราไม่ไหว แทบจะล้ม อุ้มก็เซแล้วนะ?) ก็อยู่กันอย่างนี้แหละ ต่อให้ต้องคลาน ก็จะดูแลกันไป”

หากท่านใดต้องการช่วยเหลือป้าบุญถมในการดูแลลูก โอนไปได้ที่ธนาคารออมสิน ชื่อบัญชี นายสิรภัทร แจ้งบ้าน เลขที่บัญชี 020-335-100-630

ขอบคุณ... https://mgronline.com/news1/detail/9680000067342

ที่มา: mgronline.com/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 18 ก.ค. 68
วันที่โพสต์: 18/07/2568 เวลา 13:42:34 ดูภาพสไลด์โชว์ สู้เพื่อลูก! “ป้าบุญถม” แม้เข่าเสื่อม สู้แบกลูกพิการเดินไม่ได้ หากวันหน้าร่างกายไม่ไหว ถึงขั้นต้องคลาน ก็จะสู้ดูแลลูกให้ถึงที่สุด