เป็นอัมพฤกษ์เลี้ยงลูกพิการขออดทนฝืนเพื่อครอบครัว

แสดงความคิดเห็น

นายสายัณห์ ริยาพันธ์ อายุ 64 ปี กำลังดูแลบุตรชายพิการโปลิโอแต่กำเนิด

หากเปรียบชีวิตเป็นบทละครเรื่องหนึ่ง การมีครอบครัวที่สมบูรณ์ เป็นเรื่องที่ใครๆ ต่างปรารถนา แม้จะยากดีมีจนเช่นไร แต่ความสุขของชีวิตที่แท้จริง คือการเห็นคนในครอบครัวอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข แต่ในโลกของความเป็นจริงแล้ว “อุปสรรค” ต่อ “ความสุข” ที่สำคัญอย่างหนึ่งในชีวิตนอกจาก “ความจน” คงหนีไม่พ้น “โรคภัยไข้เจ็บ” ที่รายล้อมพร้อมปะดังเข้ามาสร้างความลำบากให้ชีวิต จนในที่สุดก็บั่นทอนความสุขที่หาได้น้อยนิดจากครอบครัวอันไร้ที่พึ่ง เช่นเดียวกับครอบครัวของ “ลุงสายัณห์” นายสายัณห์ ริยาพันธ์ และ นางแดง ริยาพันธ์ สองสามีภรรยาวัย 64 ปี ชาวบ้าน ต.ยางค้อม อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช ทั้งคู่ดำเนินชีวิตครอบครัวมาอย่างเรียบง่ายตามประสาคนชนบท จนกระทั่ง 34 ปีก่อน... วันที่ทั้งคู่รู้ว่าจะมี “เจ้าตัวเล็ก” เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต หลังช่วงเวลาของความสุขผ่านไปไม่นาน สิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อลูกที่คลอดออกมาเป็นลูกชาย แต่โชคร้ายพิการโปลิโอแต่กำเนิด..

เป็นเวลากว่า 30 ปีที่ทั้งคู่ดูแลลูกชายไม่ห่าง “สานิตย์ ริยาพันธ์” วัย34 ปี ลูกชายพิการไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ตั้งแต่เด็ก เนื่องจากแขนขาเล็กลีบ งอเกร็ง ไม่มีเรี่ยวแรง ลืมตากว้าง อ้าปากหวอบิดเบี้ยวตลอดเวลา ทำให้ภรรยาของลุงสายัณห์ต้องอยู่บ้านคอยเช็ดเนื้อเช็ดตัวทำความสะอาดร่างกายและดูแลลูก โดยลุงสายัณห์ทำหน้าที่ “หัวหน้าครอบครัว” เป็นผู้หาเงินมาดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ทุกๆ วันลุงสายัณห์จะออกไปรับจ้างกรีดยางพารา ได้เงินวันละ 100-150 บาท บวกกับเงินช่วยเหลือคนพิการและเงินผู้สูงอายุพอปะทังชีวิตไปวันๆ อย่างไม่ขัดสน แต่ด้วยอายุที่มากขึ้นในวัย 60 กว่า นอกจากโรคคนชราจะถามหาแล้ว ลุงสายัณห์ยังป่วยด้วยโรคอัมพฤกษ์ ร่างกายที่เคยแข็งแรง ปัจจุบันไม่สามารถเดินเหินได้คล่องแคล่วเหมือนตอนหนุ่มๆ เมื่อรายได้ที่ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย ลุงสายัณห์จำต้องอดทนฝืนร่างกายออกไปรับจ้างกรีดยางพาราตามสวนต่างๆ แม้อาการอัมพฤกษ์จะกำเริบ แต่ลุงสายัณห์ก็สู้ไม่ถอย พยายามทำงานไปพร้อมๆ กับการบำบัดรักษา เพราะลุงสายัณห์กลัวว่า “วันหนึ่งหากอัมพฤกษ์ลุกลามกลายเป็นอัมพาต” จะทำให้ครอบครัวลำบากมากกว่าที่เป็นอยู่ ในขณะที่บรรดาเพื่อนบ้านใกล้เคียงพากันชื่นชมลุงสายัณห์ที่ยอมสู้ทน และทุ่มเททุกอย่างเพื่อลูกเมียตลอดระยะเวลา 34 ปี พร้อมให้ความช่วยเหลือเท่าที่พอจะช่วยได้ ด้วยการแบ่งปันอาหาร และข้าวของเครื่องใช้ให้บ่อยครั้ง

แม้ร่างกายจะไม่ไหวแต่ใจยังสู้ ลุงสายัณห์จะคิดเตือนตัวเองเสมอว่า เขาเป็นความหวังเดียวของครอบครัว เขาต้องอดทนจะมายอมแพ้ง่ายๆ ไม่ได้ ส่วนลูกชายที่แม้จะพิการเป็นโปลิโอแต่กำเนิด แต่ก็เป็นลูกในสายเลือดที่รักเท่าชีวิต สิ่งที่ลุงสายัณห์กลัวมากที่สุดในชีวิตตอนนี้ คือ “โรคร้าย” ที่จะเข้ามาทำให้ร่างกายไม่สามารถทำงานได้เหมือนปกติ เพราะหากเขาเป็นอะไรไปเสียก่อน ลูกและภรรยาที่เขารักจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร ตัวเขาเองก็ยังนึกหาหนทางไม่ออกลุงสายัณห์รู้เพียงแต่ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...เขาจะไม่ทิ้งลูกและภรรยาของเขาเด็ดขาด

นิยายชีวิต อาทิตย์สไตล์

โดย “จอมสุดานาคะวิจิตร”

ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/article/369261 (ขนาดไฟล์: 167)

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 27 ธ.ค.58
วันที่โพสต์: 28/12/2558 เวลา 10:45:20 ดูภาพสไลด์โชว์ เป็นอัมพฤกษ์เลี้ยงลูกพิการขออดทนฝืนเพื่อครอบครัว

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

นายสายัณห์ ริยาพันธ์ อายุ 64 ปี กำลังดูแลบุตรชายพิการโปลิโอแต่กำเนิด หากเปรียบชีวิตเป็นบทละครเรื่องหนึ่ง การมีครอบครัวที่สมบูรณ์ เป็นเรื่องที่ใครๆ ต่างปรารถนา แม้จะยากดีมีจนเช่นไร แต่ความสุขของชีวิตที่แท้จริง คือการเห็นคนในครอบครัวอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข แต่ในโลกของความเป็นจริงแล้ว “อุปสรรค” ต่อ “ความสุข” ที่สำคัญอย่างหนึ่งในชีวิตนอกจาก “ความจน” คงหนีไม่พ้น “โรคภัยไข้เจ็บ” ที่รายล้อมพร้อมปะดังเข้ามาสร้างความลำบากให้ชีวิต จนในที่สุดก็บั่นทอนความสุขที่หาได้น้อยนิดจากครอบครัวอันไร้ที่พึ่ง เช่นเดียวกับครอบครัวของ “ลุงสายัณห์” นายสายัณห์ ริยาพันธ์ และ นางแดง ริยาพันธ์ สองสามีภรรยาวัย 64 ปี ชาวบ้าน ต.ยางค้อม อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช ทั้งคู่ดำเนินชีวิตครอบครัวมาอย่างเรียบง่ายตามประสาคนชนบท จนกระทั่ง 34 ปีก่อน... วันที่ทั้งคู่รู้ว่าจะมี “เจ้าตัวเล็ก” เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต หลังช่วงเวลาของความสุขผ่านไปไม่นาน สิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อลูกที่คลอดออกมาเป็นลูกชาย แต่โชคร้ายพิการโปลิโอแต่กำเนิด.. เป็นเวลากว่า 30 ปีที่ทั้งคู่ดูแลลูกชายไม่ห่าง “สานิตย์ ริยาพันธ์” วัย34 ปี ลูกชายพิการไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ตั้งแต่เด็ก เนื่องจากแขนขาเล็กลีบ งอเกร็ง ไม่มีเรี่ยวแรง ลืมตากว้าง อ้าปากหวอบิดเบี้ยวตลอดเวลา ทำให้ภรรยาของลุงสายัณห์ต้องอยู่บ้านคอยเช็ดเนื้อเช็ดตัวทำความสะอาดร่างกายและดูแลลูก โดยลุงสายัณห์ทำหน้าที่ “หัวหน้าครอบครัว” เป็นผู้หาเงินมาดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ทุกๆ วันลุงสายัณห์จะออกไปรับจ้างกรีดยางพารา ได้เงินวันละ 100-150 บาท บวกกับเงินช่วยเหลือคนพิการและเงินผู้สูงอายุพอปะทังชีวิตไปวันๆ อย่างไม่ขัดสน แต่ด้วยอายุที่มากขึ้นในวัย 60 กว่า นอกจากโรคคนชราจะถามหาแล้ว ลุงสายัณห์ยังป่วยด้วยโรคอัมพฤกษ์ ร่างกายที่เคยแข็งแรง ปัจจุบันไม่สามารถเดินเหินได้คล่องแคล่วเหมือนตอนหนุ่มๆ เมื่อรายได้ที่ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย ลุงสายัณห์จำต้องอดทนฝืนร่างกายออกไปรับจ้างกรีดยางพาราตามสวนต่างๆ แม้อาการอัมพฤกษ์จะกำเริบ แต่ลุงสายัณห์ก็สู้ไม่ถอย พยายามทำงานไปพร้อมๆ กับการบำบัดรักษา เพราะลุงสายัณห์กลัวว่า “วันหนึ่งหากอัมพฤกษ์ลุกลามกลายเป็นอัมพาต” จะทำให้ครอบครัวลำบากมากกว่าที่เป็นอยู่ ในขณะที่บรรดาเพื่อนบ้านใกล้เคียงพากันชื่นชมลุงสายัณห์ที่ยอมสู้ทน และทุ่มเททุกอย่างเพื่อลูกเมียตลอดระยะเวลา 34 ปี พร้อมให้ความช่วยเหลือเท่าที่พอจะช่วยได้ ด้วยการแบ่งปันอาหาร และข้าวของเครื่องใช้ให้บ่อยครั้ง แม้ร่างกายจะไม่ไหวแต่ใจยังสู้ ลุงสายัณห์จะคิดเตือนตัวเองเสมอว่า เขาเป็นความหวังเดียวของครอบครัว เขาต้องอดทนจะมายอมแพ้ง่ายๆ ไม่ได้ ส่วนลูกชายที่แม้จะพิการเป็นโปลิโอแต่กำเนิด แต่ก็เป็นลูกในสายเลือดที่รักเท่าชีวิต สิ่งที่ลุงสายัณห์กลัวมากที่สุดในชีวิตตอนนี้ คือ “โรคร้าย” ที่จะเข้ามาทำให้ร่างกายไม่สามารถทำงานได้เหมือนปกติ เพราะหากเขาเป็นอะไรไปเสียก่อน ลูกและภรรยาที่เขารักจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร ตัวเขาเองก็ยังนึกหาหนทางไม่ออกลุงสายัณห์รู้เพียงแต่ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...เขาจะไม่ทิ้งลูกและภรรยาของเขาเด็ดขาด นิยายชีวิต อาทิตย์สไตล์ โดย “จอมสุดานาคะวิจิตร” ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/article/369261

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...