ศูนย์เตือนภัยฯ ชวนโหลดแอพภัยพิบัติ ศึกษาภูมิอากาศก่อนออกจากบ้าน

แสดงความคิดเห็น

แอพภัยพิบัติ ศูนย์เตือนภัยฯ แนะประชาชนศึกษาเส้นทางก่อนออกเดินทางในวันหยุดยาว ชี้อุบัติเหตุมักเกิดกับคนนอกพื้นที่ แนะนำดาวน์โหลดแอพเตือนภัยพิบัติ “NDWC และWater4Thai” เพื่อศึกษาสภาพภูมิศาสตร์ก่อนออกจากบ้าน โอดงบปี 57 โดนตัดกว่า 85% ไม่พอเสริมความรู้ประชาชนรับมือภัยธรรมชาติ

น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวหรือช่วงวันหยุดพักผ่อนของใครหลาย ๆ คน ศูนย์เตือนภัยฯ อยากเตือนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปยังจังหวัดต่าง ๆ ควรศึกษาเส้นทางให้รอบคอบก่อนเดินทาง เนื่อง จากขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดผ่าน ถึงแม้จะไม่รุนแรงเหมือนก่อนก็ตาม บางเส้นทางอาจต้องเจอกับดินโคลนที่ไหลมากับน้ำได้ จึงไม่ควรขับรถหรือใช้เส้นทางผ่านทางไหลของน้ำโดยเด็ดขาด

สำหรับเส้นทางที่ควรระมัดระวังเป็นพิเศษขณะนี้คือ พื้นที่ภาคเหนือตอนบน ภาคใต้ตั้งแต่ตอนบนไปถึงตะวันออกเฉียงใต้ฝั่งอันดามัน ในขณะที่ภาคตะวันออก แหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ โดยเฉพาะอุทยานการท่องเที่ยวช่วงนี้ก็ควรระมัดระวังด้วยเช่นกัน และควรเชื่อฟังคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ของอุทยานอย่างเคร่งครัด

แอพภัยพิบัติ น.อ.สมศักดิ์ ระบุว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวไกล อินเทอร์เน็ตไปได้ทุกพื้นที่ ประชาชนมักใช้เวลาว่างหรือหาวันพักผ่อนตามความชื่นชอบของตนเอง ทั้งทะเล น้ำตก ภูเขา ถือเป็นการท่องเที่ยวที่ต้องเดินทางและต้องเสี่ยงต่อภัยที่อาจเกิดขึ้นโดย ไม่รู้ตัว

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ศูนย์เตือนภัยฯ มีแอพเตือนภัยพิบัติ คือ “NDWC” เป็นแอพของศูนย์เตือนภัยฯ และแอพ “Water4Thai” ของสำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทก ภัยแห่งชาติ (สบอช.) โดยประชาชนสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นเพื่อติดตามข่าวสารและศึกษาสภาพภูมิ อากาศ สภาพน้ำในเขื่อนกักน้ำและทางไหลของน้ำทั่วประเทศ เป็นต้น

“ปัญหาหลัก ๆ ที่ผ่านมาของการสูญเสียจะมาจากการไม่ชำนาญทางหรือพื้นที่ของนักท่องเที่ยว หรือผู้เดินทาง จะเห็นได้ว่าคนในพื้นที่จะไม่ค่อยพบกับปัญหาอุบัติเหตุจากการเดินทางหรือ ท่องเที่ยงในจังหวัดของตน เพราะมีความชำนาญในเส้นทางที่คุ้นเคยอยู่แล้ว และช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฝนไม่อยากให้คิดแค่เพียงว่าแค่ฝนตกไม่มีประเด็นอะไร แต่จริง ๆ แล้วอุบัติเหตุมักเกิดขึ้นตอนฝนตก ดังนั้น หากหยุดการเดินทางได้ก็ควรหยุดเมื่อฝนหยุดแล้วค่อยเดินทางต่อ”

ทั้งนี้ ปัญหาภัยพิบัติมักเกิดขึ้นจากน้ำมือของมนุษย์ทั้งสิ้น อาทิ การบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อการเกษตร สร้างอาคารบ้านเรือนในพื้นที่เสี่ยงภัย และยังรวมไปถึงการพัฒนาเมือง เป็นต้น ดังนั้น หน้าที่หลักของศูนย์เตือนภัยฯ คือ สร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนในทุกพื้นที่ที่เสี่ยงกับการเกิดภัยพิบัติ โดยเฉพาะหมู่บ้านที่อยู่ในเขต 25 ลุ่มแม่น้ำเสี่ยงภัย

สำหรับการดำเนินงานครึ่งปีหลังนี้ศูนย์เตือนภัยฯ จะยังคงลงพื้นที่เพื่อสร้างองค์ความรู้ทั่วภูมิภาคให้กับชาวบ้านในเขต พื้นที่เสี่ยงภัยต่าง ๆ ทั่วประเทศ ถือเป็นโครงการต่อเนื่องที่ทำทุกปีและต้องใช้งบประมาณที่สูง แต่ปีงบ ประมาณ 2557 ศูนย์เตือนภัยฯ โดนตัดงบกว่า 85% เหลือราว 170 กว่าล้านบาท หายไปประมาณ 400-500 ล้านบาท ซึ่งความจริงแล้วงบประมาณควรเพิ่มขึ้นทุกปีด้วยซ้ำ

นอกจากศูนย์เตือนภัยฯ ต้องใช้งบประมาณในการสร้างองค์ความรู้ทั่วภูมิภาคแล้วยังต้องใช้งบประมาณใน การบำรุงรักษา (ค่าเสื่อมอุปกรณ์) อาทิ หอเตือนภัยกว่า 400 จุด แต่ขณะนี้มีมากกว่า 1,000 จุด เนื่องจากท้องถิ่นโอนมาให้ศูนย์เตือนภัยฯ เป็นผู้ดูแล ที่ปกติใช้งบประมาณราว 50 ล้านบาท แต่ปีนี้เหลือเพียง 13 ล้านบาทเท่านั้น

งบประมาณที่ตัดไปเป็นงบประมาณที่ศูนย์เตือนภัยฯ ต้องใช้สร้างองค์ความรู้ให้แก่ประชาชน ถือเป็นหน้าที่หลักที่สำคัญ เมื่อประชาชนไม่รับทราบข้อมูลขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับภัยพิบัติก็จะ อยู่ด้วยความลำบาก…โดย กัญณัฏฐ์ บุตรดี

ขอบคุณ … http://www.dailynews.co.th/technology/220743 (ขนาดไฟล์: 167)

เดลินิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 23 ก.ค.56

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 23 ก.ค.56
วันที่โพสต์: 23/07/2556 เวลา 03:17:27 ดูภาพสไลด์โชว์ ศูนย์เตือนภัยฯ ชวนโหลดแอพภัยพิบัติ ศึกษาภูมิอากาศก่อนออกจากบ้าน

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

แอพภัยพิบัติศูนย์เตือนภัยฯ แนะประชาชนศึกษาเส้นทางก่อนออกเดินทางในวันหยุดยาว ชี้อุบัติเหตุมักเกิดกับคนนอกพื้นที่ แนะนำดาวน์โหลดแอพเตือนภัยพิบัติ “NDWC และWater4Thai” เพื่อศึกษาสภาพภูมิศาสตร์ก่อนออกจากบ้าน โอดงบปี 57 โดนตัดกว่า 85% ไม่พอเสริมความรู้ประชาชนรับมือภัยธรรมชาติ น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวหรือช่วงวันหยุดพักผ่อนของใครหลาย ๆ คน ศูนย์เตือนภัยฯ อยากเตือนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปยังจังหวัดต่าง ๆ ควรศึกษาเส้นทางให้รอบคอบก่อนเดินทาง เนื่อง จากขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดผ่าน ถึงแม้จะไม่รุนแรงเหมือนก่อนก็ตาม บางเส้นทางอาจต้องเจอกับดินโคลนที่ไหลมากับน้ำได้ จึงไม่ควรขับรถหรือใช้เส้นทางผ่านทางไหลของน้ำโดยเด็ดขาด สำหรับเส้นทางที่ควรระมัดระวังเป็นพิเศษขณะนี้คือ พื้นที่ภาคเหนือตอนบน ภาคใต้ตั้งแต่ตอนบนไปถึงตะวันออกเฉียงใต้ฝั่งอันดามัน ในขณะที่ภาคตะวันออก แหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ โดยเฉพาะอุทยานการท่องเที่ยวช่วงนี้ก็ควรระมัดระวังด้วยเช่นกัน และควรเชื่อฟังคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ของอุทยานอย่างเคร่งครัด แอพภัยพิบัติน.อ.สมศักดิ์ ระบุว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวไกล อินเทอร์เน็ตไปได้ทุกพื้นที่ ประชาชนมักใช้เวลาว่างหรือหาวันพักผ่อนตามความชื่นชอบของตนเอง ทั้งทะเล น้ำตก ภูเขา ถือเป็นการท่องเที่ยวที่ต้องเดินทางและต้องเสี่ยงต่อภัยที่อาจเกิดขึ้นโดย ไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ศูนย์เตือนภัยฯ มีแอพเตือนภัยพิบัติ คือ “NDWC” เป็นแอพของศูนย์เตือนภัยฯ และแอพ “Water4Thai” ของสำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทก ภัยแห่งชาติ (สบอช.) โดยประชาชนสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นเพื่อติดตามข่าวสารและศึกษาสภาพภูมิ อากาศ สภาพน้ำในเขื่อนกักน้ำและทางไหลของน้ำทั่วประเทศ เป็นต้น “ปัญหาหลัก ๆ ที่ผ่านมาของการสูญเสียจะมาจากการไม่ชำนาญทางหรือพื้นที่ของนักท่องเที่ยว หรือผู้เดินทาง จะเห็นได้ว่าคนในพื้นที่จะไม่ค่อยพบกับปัญหาอุบัติเหตุจากการเดินทางหรือ ท่องเที่ยงในจังหวัดของตน เพราะมีความชำนาญในเส้นทางที่คุ้นเคยอยู่แล้ว และช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฝนไม่อยากให้คิดแค่เพียงว่าแค่ฝนตกไม่มีประเด็นอะไร แต่จริง ๆ แล้วอุบัติเหตุมักเกิดขึ้นตอนฝนตก ดังนั้น หากหยุดการเดินทางได้ก็ควรหยุดเมื่อฝนหยุดแล้วค่อยเดินทางต่อ” ทั้งนี้ ปัญหาภัยพิบัติมักเกิดขึ้นจากน้ำมือของมนุษย์ทั้งสิ้น อาทิ การบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อการเกษตร สร้างอาคารบ้านเรือนในพื้นที่เสี่ยงภัย และยังรวมไปถึงการพัฒนาเมือง เป็นต้น ดังนั้น หน้าที่หลักของศูนย์เตือนภัยฯ คือ สร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนในทุกพื้นที่ที่เสี่ยงกับการเกิดภัยพิบัติ โดยเฉพาะหมู่บ้านที่อยู่ในเขต 25 ลุ่มแม่น้ำเสี่ยงภัย สำหรับการดำเนินงานครึ่งปีหลังนี้ศูนย์เตือนภัยฯ จะยังคงลงพื้นที่เพื่อสร้างองค์ความรู้ทั่วภูมิภาคให้กับชาวบ้านในเขต พื้นที่เสี่ยงภัยต่าง ๆ ทั่วประเทศ ถือเป็นโครงการต่อเนื่องที่ทำทุกปีและต้องใช้งบประมาณที่สูง แต่ปีงบ ประมาณ 2557 ศูนย์เตือนภัยฯ โดนตัดงบกว่า 85% เหลือราว 170 กว่าล้านบาท หายไปประมาณ 400-500 ล้านบาท ซึ่งความจริงแล้วงบประมาณควรเพิ่มขึ้นทุกปีด้วยซ้ำ นอกจากศูนย์เตือนภัยฯ ต้องใช้งบประมาณในการสร้างองค์ความรู้ทั่วภูมิภาคแล้วยังต้องใช้งบประมาณใน การบำรุงรักษา (ค่าเสื่อมอุปกรณ์) อาทิ หอเตือนภัยกว่า 400 จุด แต่ขณะนี้มีมากกว่า 1,000 จุด เนื่องจากท้องถิ่นโอนมาให้ศูนย์เตือนภัยฯ เป็นผู้ดูแล ที่ปกติใช้งบประมาณราว 50 ล้านบาท แต่ปีนี้เหลือเพียง 13 ล้านบาทเท่านั้น งบประมาณที่ตัดไปเป็นงบประมาณที่ศูนย์เตือนภัยฯ ต้องใช้สร้างองค์ความรู้ให้แก่ประชาชน ถือเป็นหน้าที่หลักที่สำคัญ เมื่อประชาชนไม่รับทราบข้อมูลขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับภัยพิบัติก็จะ อยู่ด้วยความลำบาก…โดย กัญณัฏฐ์ บุตรดี ขอบคุณ … http://www.dailynews.co.th/technology/220743 เดลินิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 23 ก.ค.56

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...