''ปกรณ์ ศุภวราพงษ์'' เรียนรู้ธุรกิจสู่เป้าหมายเงินทุนหมื่นล้าน
ไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถของหนุ่มไฟแรง กรณ์-ปกรณ์ ศุภวราพงษ์ ชายหนุ่มวัยเพียง 24 ปี ที่ไม่เคยร่ำเรียนด้านบริหารธุรกิจมาก่อน แต่หลังเรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ เอกประชาสัมพันธ์ ม.อัสสัมชัญ ไม่ลังเลขอเริ่มลุยงานในธุรกิจของครอบครัวเป็นงานแรก พร้อมเก็บเกี่ยวและสั่งสมความรู้แบบครูพักลักจำ ประกอบมีผู้ใหญ่และพี่ ๆ ซึ่งมีอายุห่างกันมาคอยให้คำแนะนำ จนสามารถเริ่มรู้แนวทางการดำเนินงานทางธุรกิจ จนทุกวันนี้สามารถพิสูจน์การทำงานว่าทำธุรกิจได้ในตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป บริษัทแปซิฟิก คอสเมติก จำกัด ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์เวชสำอางจากเกาหลี ดร.จาร์ท
หลังตัดสินใจแนวแน่เข้ามาบริหารงานธุรกิจของครอบครัวอย่างจริงจัง กรณ์เริ่มทำงานในตำแหน่งเล็ก ๆ ด้วยการเป็นเซลส์ ดูคีย์แอคเคาท์ ตามเคาน์เตอร์ร้านที่วางสินค้า พร้อมทั้งลงพื้นที่สำรวจว่าสินค้าขายดีหรือไม่ ทำความรู้จักและดูความรู้ความเข้าใจในสินค้าของเภสัชกรและพนักงานในร้าน สำรวจตลาด กระแสการตอบรับและการจัดวางสินค้าบนชั้นวาง พร้อมดูแลสต๊อกสินค้า กรณ์บอกว่า นับเป็นความโชคดีที่ได้เริ่มทำงานในตำแหน่งเล็ก ๆ ทำให้ช่วยรู้จักทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นสินค้าของเราได้ดี ทำได้ประมาณปีกว่ามีการตั้งทีมเซลส์และปรับแบรนด์ใหม่ จึงขยับขยายไปดูงานด้านการตลาด โดยดูเรื่องการสื่อสารแบรนด์ การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ในตลาดสื่อแบรนด์ ดร.จาร์ทให้คนไทยรับรู้อย่างไรให้น่าเชื่อถือ
“ความรู้ในวิธีการดำเนินงานไม่มีเพราะไม่ได้ทำงานที่อื่นมาก่อน แต่โชคดีมีพี่ที่เข้ามาเป็นมาร์เก็ตติ้งเปรียบเสมือนอาจารย์ให้คำแนะนำ เมื่อการตลาดเริ่มลงตัวพี่ชายคนโต (ประยุทธ) แยกไปทำธุรกิจอีกอย่าง จึงได้รับความไว้วางใจมาดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป ควบตำแหน่งดูแลฝ่ายต่างประเทศ” กรณ์บอกวิธีการเรียนรู้งาน ส่วนหน้าที่หลักที่ดูแลกรณ์บอกว่า ตอนนี้ดูทั้งองค์กร ฝ่ายเซลส์ การตลาด ผลิตภัณฑ์ การสื่อสารต่างประเทศ ไฟแนนซ์และบัญชี เพื่อให้ดำเนินงานไปได้ราบรื่นที่สุด ดูรายละเอียดการทำงานของทุกแผนกว่าระหว่างแผนการทำงานและการดำเนินงานสามารถ ทำได้สอดคล้องกันหรือไม่ ดูภาพรวมและแก้ปัญหาเฉพาะหน้านอกเหนือการตัดสินใจของพนักงาน
ในการทำงานย่อมมีทั้งอุปสรรคและปัญหา กรณ์บอกว่า ตลอดช่วงเวลาของการนำ ดร.จาร์ท เข้ามาเมืองไทยร่วม 4 ปี มีปัญหาเยอะแยะ ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนตำแหน่งยอมรับว่ายากทุกครั้ง ต้องมีการเริ่มเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ แต่ก็มีผู้ใหญ่ใจดีที่ให้คำแนะนำ ให้ความรู้และพี่ ๆ ที่คอยสนับสนุน ชี้แนวทางให้และปล่อยให้ได้ลองผิดลองถูก เพื่อให้ได้รู้วิธีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างเร่งด่วน โดยปัญหาที่เกิดขึ้นนำมาเป็นเหตุการณ์ที่คอยสอนให้เรามีความรอบคอบมากยิ่ง ขึ้น ส่วนหลักการทำงานยึดคำสอนของคุณพ่อ (อำนวย ศุภวราพงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทแปซิฟิก คอส เมติก จำกัด) มาใช้กับหลัก 3 รวย คือ คนที่ขายของให้เราเขาต้องรวย คนที่มาซื้อของต่อจากเราเขาต้องรวย และเมื่อเราขายของเราก็ต้องรวย รวมถึงไม่เอาเปรียบคนอื่น หากอยู่ด้วยกันแบบนี้ไม่ว่าต้นน้ำหรือปลายน้ำของธุรกิจ ทุกคนก็มีความสุข
สำหรับเป้าหมายในอนาคต กรณ์บอกด้วยแววตาที่มุ่งมั่นว่า อยากทำให้ ดร.จาร์ท ยืนอยู่ได้ด้วยตัวเอง พร้อมกับมีเงินทุนให้ตัวเองเป็นหลักหมื่นล้านภายในอายุ 30 ปี เพราะคิดมาตลอดว่าอยากรวย เมื่อก่อนครอบครัวไม่ได้มีฐานะอย่างทุกวันนี้ แต่คุณพ่อสามารถทำธุรกิจโดยเริ่มจากศูนย์สู่การมีเงินเป็นร้อยล้านได้ภายใน 10 ปี เมื่อตอนนี้เรามีหลักร้อยแล้วการจะเพิ่มมูลค่าอีก 100 เท่า ก็น่าจะทำได้หากตั้งใจจริง
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
\'\'ปกรณ์ ศุภวราพงษ์\'\' ไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถของหนุ่มไฟแรง กรณ์-ปกรณ์ ศุภวราพงษ์ ชายหนุ่มวัยเพียง 24 ปี ที่ไม่เคยร่ำเรียนด้านบริหารธุรกิจมาก่อน แต่หลังเรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ เอกประชาสัมพันธ์ ม.อัสสัมชัญ ไม่ลังเลขอเริ่มลุยงานในธุรกิจของครอบครัวเป็นงานแรก พร้อมเก็บเกี่ยวและสั่งสมความรู้แบบครูพักลักจำ ประกอบมีผู้ใหญ่และพี่ ๆ ซึ่งมีอายุห่างกันมาคอยให้คำแนะนำ จนสามารถเริ่มรู้แนวทางการดำเนินงานทางธุรกิจ จนทุกวันนี้สามารถพิสูจน์การทำงานว่าทำธุรกิจได้ในตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป บริษัทแปซิฟิก คอสเมติก จำกัด ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์เวชสำอางจากเกาหลี ดร.จาร์ท หลังตัดสินใจแนวแน่เข้ามาบริหารงานธุรกิจของครอบครัวอย่างจริงจัง กรณ์เริ่มทำงานในตำแหน่งเล็ก ๆ ด้วยการเป็นเซลส์ ดูคีย์แอคเคาท์ ตามเคาน์เตอร์ร้านที่วางสินค้า พร้อมทั้งลงพื้นที่สำรวจว่าสินค้าขายดีหรือไม่ ทำความรู้จักและดูความรู้ความเข้าใจในสินค้าของเภสัชกรและพนักงานในร้าน สำรวจตลาด กระแสการตอบรับและการจัดวางสินค้าบนชั้นวาง พร้อมดูแลสต๊อกสินค้า กรณ์บอกว่า นับเป็นความโชคดีที่ได้เริ่มทำงานในตำแหน่งเล็ก ๆ ทำให้ช่วยรู้จักทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นสินค้าของเราได้ดี ทำได้ประมาณปีกว่ามีการตั้งทีมเซลส์และปรับแบรนด์ใหม่ จึงขยับขยายไปดูงานด้านการตลาด โดยดูเรื่องการสื่อสารแบรนด์ การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ในตลาดสื่อแบรนด์ ดร.จาร์ทให้คนไทยรับรู้อย่างไรให้น่าเชื่อถือ “ความรู้ในวิธีการดำเนินงานไม่มีเพราะไม่ได้ทำงานที่อื่นมาก่อน แต่โชคดีมีพี่ที่เข้ามาเป็นมาร์เก็ตติ้งเปรียบเสมือนอาจารย์ให้คำแนะนำ เมื่อการตลาดเริ่มลงตัวพี่ชายคนโต (ประยุทธ) แยกไปทำธุรกิจอีกอย่าง จึงได้รับความไว้วางใจมาดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป ควบตำแหน่งดูแลฝ่ายต่างประเทศ” กรณ์บอกวิธีการเรียนรู้งาน ส่วนหน้าที่หลักที่ดูแลกรณ์บอกว่า ตอนนี้ดูทั้งองค์กร ฝ่ายเซลส์ การตลาด ผลิตภัณฑ์ การสื่อสารต่างประเทศ ไฟแนนซ์และบัญชี เพื่อให้ดำเนินงานไปได้ราบรื่นที่สุด ดูรายละเอียดการทำงานของทุกแผนกว่าระหว่างแผนการทำงานและการดำเนินงานสามารถ ทำได้สอดคล้องกันหรือไม่ ดูภาพรวมและแก้ปัญหาเฉพาะหน้านอกเหนือการตัดสินใจของพนักงาน ในการทำงานย่อมมีทั้งอุปสรรคและปัญหา กรณ์บอกว่า ตลอดช่วงเวลาของการนำ ดร.จาร์ท เข้ามาเมืองไทยร่วม 4 ปี มีปัญหาเยอะแยะ ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนตำแหน่งยอมรับว่ายากทุกครั้ง ต้องมีการเริ่มเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ แต่ก็มีผู้ใหญ่ใจดีที่ให้คำแนะนำ ให้ความรู้และพี่ ๆ ที่คอยสนับสนุน ชี้แนวทางให้และปล่อยให้ได้ลองผิดลองถูก เพื่อให้ได้รู้วิธีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างเร่งด่วน โดยปัญหาที่เกิดขึ้นนำมาเป็นเหตุการณ์ที่คอยสอนให้เรามีความรอบคอบมากยิ่ง ขึ้น ส่วนหลักการทำงานยึดคำสอนของคุณพ่อ (อำนวย ศุภวราพงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทแปซิฟิก คอส เมติก จำกัด) มาใช้กับหลัก 3 รวย คือ คนที่ขายของให้เราเขาต้องรวย คนที่มาซื้อของต่อจากเราเขาต้องรวย และเมื่อเราขายของเราก็ต้องรวย รวมถึงไม่เอาเปรียบคนอื่น หากอยู่ด้วยกันแบบนี้ไม่ว่าต้นน้ำหรือปลายน้ำของธุรกิจ ทุกคนก็มีความสุข สำหรับเป้าหมายในอนาคต กรณ์บอกด้วยแววตาที่มุ่งมั่นว่า อยากทำให้ ดร.จาร์ท ยืนอยู่ได้ด้วยตัวเอง พร้อมกับมีเงินทุนให้ตัวเองเป็นหลักหมื่นล้านภายในอายุ 30 ปี เพราะคิดมาตลอดว่าอยากรวย เมื่อก่อนครอบครัวไม่ได้มีฐานะอย่างทุกวันนี้ แต่คุณพ่อสามารถทำธุรกิจโดยเริ่มจากศูนย์สู่การมีเงินเป็นร้อยล้านได้ภายใน 10 ปี เมื่อตอนนี้เรามีหลักร้อยแล้วการจะเพิ่มมูลค่าอีก 100 เท่า ก็น่าจะทำได้หากตั้งใจจริง ขอบคุณ… http://www.dailynews.co.th/society/207828
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)