70 ปี ครองราชย์ ทรงครองแผ่นดินโดยธรรมอย่างแท้จริง
เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”
นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาพระองค์ทรงอุทิศพระวรกาย ดูแลทุกข์สุขของอาณาประชา ราษฎร์ ทรงศึกษาและพัฒนาในทุก ๆ ด้าน ทั้งชีวิตความเป็นอยู่และอาชีพ พระองค์ทรงตระหนักว่า การพัฒนาที่ยั่งยืน คือการพัฒนาคนให้รู้จักใช้ชีวิต ดังจะเห็นได้จากพระราชดำรัสและพระบรมราโชวาทที่พระราชทานให้กับคนไทยในหลาย ๆ โอกาสยังผลให้ได้รับการกล่าวสดุดีว่าเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานหนักมากที่สุดในโลก
ตลอดระยะเวลา 70 ปีแห่งการครองราชย์ ทรงพระราชดำริเริ่มต้นโครงการพัฒนาด้านต่าง ๆ มากมายเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและเพื่อทำนุบำรุงสิ่งแวดล้อมที่ถูกทำลายไปให้กลับฟื้นขึ้นมาทรงใช้เวลาส่วนใหญ่ในพื้นที่ทุรกันดาร พระองค์เสด็จฯ เยี่ยมเยียนราษฎรในทั่วทุกภูมิภาคเพื่อทรงรับฟังปัญหา ทรงซักถามถึงสิ่งที่ราษฎรต้องการให้ช่วยเหลือ เพื่อหาแนวทางบรรเทาปัญหา และส่งเสริมศักยภาพของราษฎรในการแก้ไขปัญหา โดยให้การสนับสนุนทุกทางเพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยตนเอง
ทรงนำศาสตร์ทางด้านเกษตรกรรม วิศวกรรม วิทยาศาสตร์ อุทกศาสตร์ มาพัฒนาระบบการเกษตร ระบบการจัดการทรัพยากรป่าไม้ ดิน และแหล่งน้ำ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดสามารถเกื้อกูลกันระหว่างคนกับธรรมชาติ ทรงมีวิธีบริหารจัดการทรัพยกรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ ทรงเริ่มจาก “ต้น ทาง” จนถึง “ปลายทาง” และติดตามสถานการณ์ความเป็นอยู่ของราษฎรของพระองค์อย่างใกล้ชิด
ด้วยเหตุนี้ความจงรักภักดีของพสกนิกรชาวไทยที่มีต่อพระองค์นั้นจึงลึกซึ้งและมองเห็นได้อย่างชัดเจน ในสายตาของพสกนิกรชาวไทย พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างของคุณงามความดี เป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ในยุคที่มีแต่การแก่งแย่งแข่งขัน
ประเทศไทยในปัจจุบันแตกต่างจากประเทศไทยเมื่อ 70 ปีที่ผ่านมา จากประเทศสังคมเกษตรกรรมแบบเรียบง่ายยึดถือค่านิยมในเรื่องของความถูกต้องอย่างมีคุณธรรม ภายใต้วัฒนธรรมอันดีงามอย่างเป็นเอกลักษณ์ ปัจจุบันได้กลายเป็นประเทศที่ถูกพัฒนาให้เป็นสังคมเมือง สังคมแห่งการบริโภคที่เงินมีอำนาจ จากสังคมซึ่งผู้คนปฏิบัติตามมาตรฐานของสังคม มาเป็นสังคมวัตถุนิยมและสุขนิยม สังคมไทยจึงประสบกับปัญหาและอุปสรรคหลากหลายระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว การทำรัฐประหาร ความเสื่อมโทรมของธรรมชาติ การก่อจลาจลบนท้องถนน การทุจริตในการบริหารบ้านเมือง การล้มละลายทางเศรษฐกิจ ภัยพิบัติจากธรรมชาติ และความไม่สงบสุขในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ฯลฯ ก็เกิดขึ้น
ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ได้ก่อให้เกิดความวิตกกังวลและความไม่มั่นคงในพื้นที่เป็นอย่างยิ่ง พระองค์ก็หาได้ทอดทิ้งต่อปัญหาเหล่านี้ไม่ เสด็จพระราชดำเนินไปยังพื้นที่เหล่านั้นอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ทรงประทับบนพื้นดินเพื่อมีพระราชปฏิสันถารกับประชาชนในพื้นที่โดยไม่ถือพระองค์
เมื่อมีปัญหาเศรษฐกิจกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนทั้งประเทศ พระองค์ ก็ได้พระราชทานพระราชดำริเรื่องปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อให้คนในประเทศกลับมามีจิตสำนึก หันมาทบทวนการครองตน การดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพ ภายใต้แนวทางการเดินทางสายกลาง ทั้งการดำรงตนและการประกอบอาชีพ ภายใต้การสร้างภูมิคุ้มกันแก่ชีวิต ให้แก่ตน สังคมและประเทศชาติ
ชาวต่างประเทศที่เดินทางมายังประเทศ ไทยมักจะแสดงความประหลาดใจที่ได้รับรู้ถึงความรักเทิดทูนอย่างสูงส่งของปวงชนชาวไทยที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ความแปลกใจนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็วเมื่อได้รับรู้ถึงการอุทิศพระองค์เพื่อปวงชนชาวไทยมาอย่างยาวนาน ทั้งพระราชกรณียกิจ และพระราชจริยวัตรอันงดงาม และเรียบง่าย ความกล้าหาญ ตลอดถึงการให้โดยไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ความมานะบากบั่น และการทำนุบำรุงศาสนาทุกศาสนาในประเทศไทย
พระองค์ทรงเป็นมากกว่าพระมหากษัตริย์ ทรงทำให้พสกนิกรชาวไทยมีความเชื่อมั่นในตัวเองในยามที่ต้องประสบกับความทุกข์เข็ญและหมดหวัง และนั่นคือเหตุผลที่คนไทยรักและเทิดทูนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างหาที่สุดมิได้
70 ปีแห่งการครองราชย์พระองค์ทรงครองแผ่นดินโดยธรรมอย่างแท้จริง และธรรมแห่งราชานี้เอง ที่ได้คุ้มครองปกป้อง ประเทศชาติให้มั่นคง แข็งแรง มาจนถึงทุกวันนี้และตลอดไป.
ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/agriculture/502580 (ขนาดไฟล์: 167)