ปลูกหอมแดงแบบอินทรีย์

ปลูกหอมแดงแบบอินทรีย์ แหล่งเพาะปลูกหอมแดงมากที่สุดในปัจจุบัน คือ ภาคอีสาน ได้แก่ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ นครราชสีมา รองลงมาคือภาคเหนือ ได้แก่ ลำพูน เชียงใหม่ เชียงราย และอุตรดิตถ์ นอกจากนี้ยังมีปลูกกันที่ราชบุรี กาญจนบุรี และนครปฐม ... อ่านต่อที่ : http:/

แหล่งเพาะปลูกหอมแดงมากที่สุดในปัจจุบัน คือ ภาคอีสาน ได้แก่ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ นครราชสีมา รองลงมาคือภาคเหนือ ได้แก่ ลำพูน เชียงใหม่ เชียงราย และอุตรดิตถ์ นอกจากนี้ยังมีปลูกกันที่ราชบุรี กาญจนบุรี และนครปฐม

พันธุ์ของหอมแดงที่นิยมปลูกมากคือ พันธุ์พื้นเมืองภาคเหนือ ทางภาคเหนือเรียกว่า หอมบั่ว เป็นหอมแดงที่มีเปลือกนอกสีเหลืองปนส้มขนาดหัวปานกลาง ลักษณะกลมรี ใน 1 หัวแยกได้ 2-3 กลีบ กลิ่นไม่ฉุนจัด รสหวาน ระหว่างการเจริญเติบโตไม่มีดอกและเมล็ด เมื่อปลูก 1 หัว จะแตกกอให้หัวประมาณ 5-8 หัว อายุเมื่อหัวแก่เต็มที่ในฤดูหนาว 90 วัน และฤดูฝน 45 วัน ผลผลิตที่ได้ประมาณ 2,000-3,000 กิโลกรัมต่อไร่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับฤดูปลูกและการดูแลรักษา แต่คุณภาพในการเก็บรักษาไม่ค่อยดี เพราะมีเปอร์เซ็นต์แห้งฝ่อ และเน่าเสียหายมากถึง 60%

อีกพันธ์ุคือหอมแดงพันธุ์บางช้าง หรือหอมแดงศรีสะเกษ เป็นหอมแดงที่มีเปลือกนอกสีม่วงปนแดง เปลือกหนาและเหนียว ขนาดหัวใหญ่สม่ำเสมอ หัวมีลักษณะกลมใน 1 หัว มี 1-2 กลีบ กลิ่นฉุนจัด มีรสหวาน ระหว่างการเจริญเติบโตจะสร้างดอกและเมล็ดมาก ซึ่งจะต้องหมั่นตรวจดูและเด็ดทิ้งให้หมด มิฉะนั้นจะทำให้ได้ขนาดหัวเล็กและจำนวนหัวน้อย

โดยทั่วไปเมื่อปลูก 1 หัวจะแตกกอให้หัวประมาณ 8-10 หัว การแตกกอและลงหัวช้ากว่าหอมบั่วเล็กน้อย มีอายุเมื่อหัวแก่เต็มที่ในฤดูหนาว 100 วันขึ้นไป และฤดูฝน 45 วัน ให้ผลผลิตแตกต่างกันไปตามฤดูปลูกและการดูแลรักษาได้ผลผลิตประมาณ 1,000-5,000 กิโลกรัมต่อไร่ คุณภาพในการเก็บรักษาดีกว่าหอมบั่ว

เนื่องจากหอมแดงมีระบบรากตื้น ชอบดินร่วน มีการระบายน้ำดี การเตรียมดินของเกษตรกรจึงนิยมไถพรวนหรือขุดด้วยจอบพลิกดินตากแดดไว้ก่อน 2-3 วัน แล้วย่อยดินให้เป็นก้อนเล็ก แต่ไม่ละเอียดมากนักเพราะจะทำให้ดินแน่น และหอมลงหัวยาก

จะใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยมูลสัตว์ลงไปคลุกเคล้าในดินช่วงพรวนดิน เก็บเศษวัชพืช หรือรากหญ้าอื่น ๆ ออกจนหมดแล้วรองพื้นก่อนปลูกด้วยปุ๋ยคอก สำหรับหัวหอมพันธุ์ที่จะนำมาปลูกเกษตรกรจะเตรียมไว้ล่วงหน้าอย่างน้อย 2 เดือน เพราะหัวหอมที่จะใช้ปลูกจะมีระยะพักตัวอยู่สักระยะหนึ่ง แต่จะไม่เก็บไว้นานเกิน 6 เดือน เพราะระยะนี้หอมจะเริ่มแทงยอดอ่อนสีเขียวพ้นหัวเก่าแล้วนำหัวหอมพันธุ์มาตัดแต่งทำความสะอาด ตัดเล็มรากเก่า และใบแห้งทิ้งจนหมด หากมียอดอ่อนยาวก็จะตัดทิ้ง 1 ใน 10 เพื่อเร่งให้งอกไวเมื่อนำลงปลูก

ในพื้นที่ปลูก 1 ไร่จะใช้หัวหอมพันธุ์ประมาณ 200 กิโลกรัม นิยมปลูกเป็นแปลงขนาดกว้าง 1-1.5 เมตร ความยาวของแปลง เป็นไปตามความสะดวกในการปฏิบัติงาน และปลูกเป็นแถว ระยะปลูก 15-20 ซม.หรือ 20-20 ซม.

ก่อนปลูกจะรดน้ำแปลงปลูกจนดินชุ่มชื้นไว้ล่วงหน้า นำหัวหอมพันธุ์มาปลูกลงในแปลง โดยเอาส่วนโคนหรือที่เคยเป็นที่ออกรากเก่าจิ้มลงไปในดินประมาณครึ่งหัวแบบเบา ๆ เพื่อไม่ให้ลำต้นหรือหัวช้ำทำให้ไม่งอก หรืองอกรากช้า เมื่อปลูกทั่วทั้งแปลงจะคลุมด้วยฟางหรือหญ้าแห้งหรือแกลบหนาพอสมควรเพื่อรักษาความชุ่มชื้นและคุมวัชพืช จากนั้นรดน้ำให้ชุ่ม ต้นหอมจะงอกออกภายใน 7-10 วัน หากหัวใดไม่งอกก็จะทำการปลูกซ่อมทันที

หลังปลูก 14 วันใส่ปุ๋ยคอก โดยโรยห่างจากต้นประมาณ 7 ซม. หลังใส่ปุ๋ยรดน้ำจนชุ่มทั้งแปลงปลูก หากปลูกในฤดูหนาวจะให้ผลผลิตมากเป็น 2-3 เท่าของในฤดูฝน จึงเป็นเหตุให้หอมแดงในฤดูฝนมีราคาสูงกว่าฤดูหนาว

ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/agriculture/532499 (ขนาดไฟล์: 167)

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 28 ต.ค.59
วันที่โพสต์: 3/11/2559 เวลา 10:37:03 ดูภาพสไลด์โชว์ ปลูกหอมแดงแบบอินทรีย์