ลูกจ้างผับประสาทหูเสื่อม งานวิจัยจี้สถานบันเทิงคุมระดับเสียง
น.ส.จารุชา กะภูทิน พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ กลุ่มงานอาชีวเวชกรรม ร.พ. สุรินทร์ กล่าวถึงการวิจัยเชิงสำรวจโดยคณะวิจัย ถึงสถานการณ์การสูญเสียการได้ยินจากเสียงดังของพนักงานในสถานบันเทิงประเภท ดิสโก้เธคว่า ปัจจุบันกฎหมายกำหนดมาตรฐานเรื่องความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวกับภาวะแวดล้อม เรื่องเสียง กำหนดให้ลูกจ้างที่ทำงานไม่เกินวันละ ๗ ชั่วโมง อยู่ในสถานที่ที่มีความดังเสียงติดต่อกันไม่เกินเก้าสิบเดซิเบล (เอ) โดยเสียงที่ดังเกินกำหนดถือว่ามีผลต่อการเกิดโรคประสาทหูเสื่อม หรือหูหนวก ซึ่งเมื่อเกิดความสูญเสียแบบถาวรจะไม่สามารถรักษาได้ โดยการป้องกันสามารถทำได้โดยไม่อยู่ในสถานที่ที่เสียงดังติดต่อกันเป็นเวลานาน
น.ส.จารุชากล่าวต่อว่า ผลการสำรวจโดยการตรวจสมรรถภาพการได้ยิน ของพนักงานในสถานบันเทิงประเภทดิสโก้เธคในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ ๓ แห่ง ในพนักงาน ๑๐๖ คน ช่วงเดือนก.ย.-ต.ค.๒๕๕๔ พบว่า พนักงานกลุ่มนี้จะต้องสัมผัสเสียงดังติดต่อกันประมาณ ๖-๗ ชั่วโมง โดยร้อยละ ๙๔.๓ ไม่ใช้อุปกรณ์ป้องกันเสียงดัง เนื่องจากต้องรับออร์เดอร์จากลูกค้าตลอดเวลา สำหรับผลการตรวจสมรรถภาพการได้ยิน พบว่า พนักงานสูญเสียการได้ยินหูข้างใดข้างหนึ่ง ร้อยละ ๑๕.๐๙ อยู่ในเกณฑ์ต้องเฝ้าระวังร้อยละ ๗๙.๒๕ และสถานบันเทิงทั้ง๓แห่งที่ตรวจมีระดับความดังเสียงตั้งแต่๙๑-๑๐๐เดซิเบล(เอ)
"การทำงานในสภาพที่มีเสียงดังตลอดเวลานั้นจำเป็นต้องสับเปลี่ยนหน้าที่ ให้พนักงานไม่ได้รับเสียงติดต่อกันเป็นเวลานาน ซึ่งเชื่อว่าสถานบันเทิงส่วนใหญ่เกือบทั่วประเทศยังมีพนักงานที่อยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะสูญเสียการได้ยินถาวร ดังนั้น จำเป็นต้องควบคุมระดับเสียงให้ไม่เกินระดับมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดไว้ และให้พนักงานใส่อุปกรณ์ป้องกัน หรือให้หมุนเวียนหน้าที่ไม่ให้สัมผัสกับเสียงดังติดต่อกัน ก็จะช่วยป้องกันภาวะโรคประสาทหูเสื่อมได้" น.ส.จารุชากล่าว
ยังไม่มีเรตติ้ง
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
บรรยากาศภายในผับน.ส.จารุชา กะภูทิน พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ กลุ่มงานอาชีวเวชกรรม ร.พ. สุรินทร์ กล่าวถึงการวิจัยเชิงสำรวจโดยคณะวิจัย ถึงสถานการณ์การสูญเสียการได้ยินจากเสียงดังของพนักงานในสถานบันเทิงประเภท ดิสโก้เธคว่า ปัจจุบันกฎหมายกำหนดมาตรฐานเรื่องความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวกับภาวะแวดล้อม เรื่องเสียง กำหนดให้ลูกจ้างที่ทำงานไม่เกินวันละ ๗ ชั่วโมง อยู่ในสถานที่ที่มีความดังเสียงติดต่อกันไม่เกินเก้าสิบเดซิเบล (เอ) โดยเสียงที่ดังเกินกำหนดถือว่ามีผลต่อการเกิดโรคประสาทหูเสื่อม หรือหูหนวก ซึ่งเมื่อเกิดความสูญเสียแบบถาวรจะไม่สามารถรักษาได้ โดยการป้องกันสามารถทำได้โดยไม่อยู่ในสถานที่ที่เสียงดังติดต่อกันเป็นเวลานาน น.ส.จารุชากล่าวต่อว่า ผลการสำรวจโดยการตรวจสมรรถภาพการได้ยิน ของพนักงานในสถานบันเทิงประเภทดิสโก้เธคในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ ๓ แห่ง ในพนักงาน ๑๐๖ คน ช่วงเดือนก.ย.-ต.ค.๒๕๕๔ พบว่า พนักงานกลุ่มนี้จะต้องสัมผัสเสียงดังติดต่อกันประมาณ ๖-๗ ชั่วโมง โดยร้อยละ ๙๔.๓ ไม่ใช้อุปกรณ์ป้องกันเสียงดัง เนื่องจากต้องรับออร์เดอร์จากลูกค้าตลอดเวลา สำหรับผลการตรวจสมรรถภาพการได้ยิน พบว่า พนักงานสูญเสียการได้ยินหูข้างใดข้างหนึ่ง ร้อยละ ๑๕.๐๙ อยู่ในเกณฑ์ต้องเฝ้าระวังร้อยละ ๗๙.๒๕ และสถานบันเทิงทั้ง๓แห่งที่ตรวจมีระดับความดังเสียงตั้งแต่๙๑-๑๐๐เดซิเบล(เอ) "การทำงานในสภาพที่มีเสียงดังตลอดเวลานั้นจำเป็นต้องสับเปลี่ยนหน้าที่ ให้พนักงานไม่ได้รับเสียงติดต่อกันเป็นเวลานาน ซึ่งเชื่อว่าสถานบันเทิงส่วนใหญ่เกือบทั่วประเทศยังมีพนักงานที่อยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะสูญเสียการได้ยินถาวร ดังนั้น จำเป็นต้องควบคุมระดับเสียงให้ไม่เกินระดับมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดไว้ และให้พนักงานใส่อุปกรณ์ป้องกัน หรือให้หมุนเวียนหน้าที่ไม่ให้สัมผัสกับเสียงดังติดต่อกัน ก็จะช่วยป้องกันภาวะโรคประสาทหูเสื่อมได้"
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)