สภาปฏิรูปการเมือง... เป้าหมายดี วิธีการต้องดีด้วย : สมหมาย ปาริจฉัตต์

แสดงความคิดเห็น

ข้อเสนอของ คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ให้จัดตั้งสภาปฏิรูปการเมืองเพื่อหาทางอออกให้ประเทศไทยก้าวข้ามความแตกแยก มีที่มาจากความคิดเดิมซึ่งพรรคไทยรักไทยเคยเสนอไว้ ก่อนเกิดปฏิวัติ 19 กันยายน 2549 หรือไม่ก็ตาม

เงื่อนไขที่จะนำไปสู่ความสำเร็จวันนี้ไม่ได้อยู่ที่ความเป็นมาเป็นสำคัญ แต่อยู่ที่การตอบรับของผู้คน ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มทุกฝ่ายเกิดขึ้นกว้างขวางแค่ไหน ตรงนี้ต่างหาก

ปัจจัยที่จะทำให้เกิดการยอมรับและเข้าร่วม ก็คือ เจตนารมณ์ที่แท้จริง หรือ ความจริงใจของผู้เสนอ นั่นเอง

เสนอขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือลดแรงต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และประคับประคองสถานการณ์ให้ผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้ เป็นหลัก หรือ ต้องการให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์และเริ่มต้นกันใหมอย่างแท้จริง

แน่นอนถ้าผู้ได้รับเชิญเข้าร่วมเวทีพูดคุยเพื่อให้เกิดสภาปฏิรูปการเมือง เชื่อว่า คุณยิ่งลักษณ์มีความจริงใจ ปรารถนาที่จะเห็นเมืองไทยเดินหน้าต่อไปจริง มากยิ่งกว่าการเอาตัวรอดให้ผ่านพ้นสถานการณ์ชั่วคราว ก็ย่อมตัดสินใจเข้าร่วม

ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่ง คิดตรงกันข้าม คือพรรคฝ่ายค้านและกลุ่มต่อต้านรัฐบาล ย่อมปฏิเสธและหาทางต่อต้านจนถึงที่สุด โดยอ้างเหตุจากการเสนอกฎหมาย พ.ร.บ.นิรโทษกรรมและกฎหมายอื่นๆ เป็นเงื่อนไข

ประเด็นจึงมีว่า การเสนอให้เปิดเวทีสภาปฏิรูปการเมือง กับการเสนอกฎหมายต่างๆ ที่กำลังดำเนินไปในขณะนี้ มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันหรือไม่

ฝ่ายรัฐบาลมองว่า เป็นคนละส่วนกัน การพิจารณากฎหมาย พ.ร.บ.นิรโทษกรรมและ พ.ร.บ.อื่นๆ เวทีในรัฐสภาก็ดำเนินไป การเปิดเวทีพูดคุยเพื่อจัดตั้งสภาปฏิรูปการเมืองก็ดำเนินคู่ขนานกันไป

แต่ฝ่ายต่อต้านเห็นตรงข้าม มองว่า ทั้งสองเรื่องนี้เกี่ยวข้องเชื่อมโยงถึงกันและกัน ถ้าจะเปิดเวทีสภาปฏิรูปการเมือง ต้องเริ่มด้วยการถอน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมออกจากสภาเสียก่อน เพราะขัดหลักการปฏิรูปการเมือง

ครับเมื่อต่างฝ่ายต่างยันกันอยู่อย่างนี้ ชาวบ้านนอกวงจรอำนาจอย่างเราๆ ท่านๆ คงต้องกลับมาตั้งตัว ตั้งต้นกันใหม่ มองให้ลึกว่าแท้จริงแล้ว ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายต่อต้านมีอะไรเป็นความต้องการที่แท้จริงซ่อนอยู่เบื้องหลังหรือไม่

การประกาศว่า ยินดีเข้าร่วมเวทีสภาปฏิรูปการเมือง แต่ต้องถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมออกไปก่อนนั้น ความต้องการที่แท้จริง มีแค่นั้นจริงหรือ

หรือ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเป็นเพียงเครื่องมือ เป็นหน้าฉาก ส่วนหลังฉากหรือความต้องการที่แท้จริง คือ ช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ หรือล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์

ไม่ต้องการให้รัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำอยู่ต่อไป ไม่ต้องการให้เป็นเจ้าภาพสภาปฏิรูปการเมือง หรือสภาอะไรทั้งสิ้นทั้งปวง ว่างั้นเถอะ

ฉะนั้น ทำอย่างไรก็ได้ ให้รัฐบาลนี้มีอันเป็นไป ด้วยวิธีการใดก็ได้ เป็นตามแนวทางประชาธิปไตยหรือไม่ ไม่ใช่สาระสำคัญ ขอให้โค่นล้มระบอบทักษิณได้สำเร็จก็แล้วกัน

วิธีการไม่สำคัญเท่าเป้าหมาย อะไรทำนองนั้น

ถ้าความต้องการที่แท้จริงของฝ่ายต่อต้าน เป็นประการหลังมากกว่าประการแรก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมจึงเป็นเพียงสะพานทอดเพื่อไปสู่เป้าหมายใหญ่ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังนั่นเอง

ทางเดินของคุณยิ่งลักษณ์ ณ สถานการณ์ขณะนี้ หากไม่ยอมตามเงื่อนไขของฝ่ายต่อต้านจึงไม่มีทางเลือกอื่น ก็คือ ปล่อยให้กระบวนการประชาธิปไตยดำเนินไปตามปกติ

สภาก็พิจารณา พ.ร.บ.นิรโทษกรรมและ พ.ร.บ.อื่นๆ ที่จัดวางไว้ตามลำดับ ขณะเดียวกันใครตอบรับเข้าร่วมเวทีสภาปฏิรูปการเมืองมากแค่ไหนก็ดำเนินไป โดยต้องแสดงให้เห็นถึงการให้เกียรติ ให้ความจริงใจ ไม่มีเลศนัยแอบแฝง แต่ต้องการนำพาสังคมไทยก้าวข้ามความขัดแย้ง ก้าวข้ามทักษิณ ก้าวข้ามอัตตา ผลประโยชน์ส่วนตัวให้ได้มากที่สุด จริงๆ

หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด วุ่นวาย รุนแรง ไม่ว่าในหรือนอกสภาก็ใช้อาวุธที่มีอยู่ในมือ ยุบสภา หรือลาออก แล้วให้สภาเลือกผู้นำรัฐบาลขึ้นมาใหม่

หากสภายังคงเลือกผู้ที่พรรคเสียงข้างมากสนับสนุนให้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป

แต่ฝ่ายต่อต้านยังไม่หยุดการคัดค้าน ก็ยุบสภาให้ประชาชนตัดสินไปเรื่อยๆ จนกว่าประชาชนจะรับไม่ได้กับพฤติกรรมขอฝ่ายต่อต้านในที่สุด

ใครไปลากทหารออกมา หรือทหารยอมตกเป็นเครื่องมือให้ฝ่ายอำนาจนิยม บทเรียนก็มีให้เห็นมาแล้วว่า มีแต่พังกับพังเท่านั้น

ขอบคุณ... http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1375943360 (ขนาดไฟล์: 143)

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 8 ส.ค.56

ที่มา: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 8 ส.ค.56
วันที่โพสต์: 9/08/2556 เวลา 03:10:02

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

ข้อเสนอของ คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ให้จัดตั้งสภาปฏิรูปการเมืองเพื่อหาทางอออกให้ประเทศไทยก้าวข้ามความแตกแยก มีที่มาจากความคิดเดิมซึ่งพรรคไทยรักไทยเคยเสนอไว้ ก่อนเกิดปฏิวัติ 19 กันยายน 2549 หรือไม่ก็ตาม เงื่อนไขที่จะนำไปสู่ความสำเร็จวันนี้ไม่ได้อยู่ที่ความเป็นมาเป็นสำคัญ แต่อยู่ที่การตอบรับของผู้คน ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มทุกฝ่ายเกิดขึ้นกว้างขวางแค่ไหน ตรงนี้ต่างหาก ปัจจัยที่จะทำให้เกิดการยอมรับและเข้าร่วม ก็คือ เจตนารมณ์ที่แท้จริง หรือ ความจริงใจของผู้เสนอ นั่นเอง เสนอขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือลดแรงต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และประคับประคองสถานการณ์ให้ผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้ เป็นหลัก หรือ ต้องการให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์และเริ่มต้นกันใหมอย่างแท้จริง แน่นอนถ้าผู้ได้รับเชิญเข้าร่วมเวทีพูดคุยเพื่อให้เกิดสภาปฏิรูปการเมือง เชื่อว่า คุณยิ่งลักษณ์มีความจริงใจ ปรารถนาที่จะเห็นเมืองไทยเดินหน้าต่อไปจริง มากยิ่งกว่าการเอาตัวรอดให้ผ่านพ้นสถานการณ์ชั่วคราว ก็ย่อมตัดสินใจเข้าร่วม ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่ง คิดตรงกันข้าม คือพรรคฝ่ายค้านและกลุ่มต่อต้านรัฐบาล ย่อมปฏิเสธและหาทางต่อต้านจนถึงที่สุด โดยอ้างเหตุจากการเสนอกฎหมาย พ.ร.บ.นิรโทษกรรมและกฎหมายอื่นๆ เป็นเงื่อนไข ประเด็นจึงมีว่า การเสนอให้เปิดเวทีสภาปฏิรูปการเมือง กับการเสนอกฎหมายต่างๆ ที่กำลังดำเนินไปในขณะนี้ มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันหรือไม่ ฝ่ายรัฐบาลมองว่า เป็นคนละส่วนกัน การพิจารณากฎหมาย พ.ร.บ.นิรโทษกรรมและ พ.ร.บ.อื่นๆ เวทีในรัฐสภาก็ดำเนินไป การเปิดเวทีพูดคุยเพื่อจัดตั้งสภาปฏิรูปการเมืองก็ดำเนินคู่ขนานกันไป แต่ฝ่ายต่อต้านเห็นตรงข้าม มองว่า ทั้งสองเรื่องนี้เกี่ยวข้องเชื่อมโยงถึงกันและกัน ถ้าจะเปิดเวทีสภาปฏิรูปการเมือง ต้องเริ่มด้วยการถอน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมออกจากสภาเสียก่อน เพราะขัดหลักการปฏิรูปการเมือง ครับเมื่อต่างฝ่ายต่างยันกันอยู่อย่างนี้ ชาวบ้านนอกวงจรอำนาจอย่างเราๆ ท่านๆ คงต้องกลับมาตั้งตัว ตั้งต้นกันใหม่ มองให้ลึกว่าแท้จริงแล้ว ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายต่อต้านมีอะไรเป็นความต้องการที่แท้จริงซ่อนอยู่เบื้องหลังหรือไม่ การประกาศว่า ยินดีเข้าร่วมเวทีสภาปฏิรูปการเมือง แต่ต้องถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมออกไปก่อนนั้น ความต้องการที่แท้จริง มีแค่นั้นจริงหรือ หรือ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเป็นเพียงเครื่องมือ เป็นหน้าฉาก ส่วนหลังฉากหรือความต้องการที่แท้จริง คือ ช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ หรือล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไม่ต้องการให้รัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำอยู่ต่อไป ไม่ต้องการให้เป็นเจ้าภาพสภาปฏิรูปการเมือง หรือสภาอะไรทั้งสิ้นทั้งปวง ว่างั้นเถอะ ฉะนั้น ทำอย่างไรก็ได้ ให้รัฐบาลนี้มีอันเป็นไป ด้วยวิธีการใดก็ได้ เป็นตามแนวทางประชาธิปไตยหรือไม่ ไม่ใช่สาระสำคัญ ขอให้โค่นล้มระบอบทักษิณได้สำเร็จก็แล้วกัน วิธีการไม่สำคัญเท่าเป้าหมาย อะไรทำนองนั้น ถ้าความต้องการที่แท้จริงของฝ่ายต่อต้าน เป็นประการหลังมากกว่าประการแรก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมจึงเป็นเพียงสะพานทอดเพื่อไปสู่เป้าหมายใหญ่ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังนั่นเอง ทางเดินของคุณยิ่งลักษณ์ ณ สถานการณ์ขณะนี้ หากไม่ยอมตามเงื่อนไขของฝ่ายต่อต้านจึงไม่มีทางเลือกอื่น ก็คือ ปล่อยให้กระบวนการประชาธิปไตยดำเนินไปตามปกติ สภาก็พิจารณา พ.ร.บ.นิรโทษกรรมและ พ.ร.บ.อื่นๆ ที่จัดวางไว้ตามลำดับ ขณะเดียวกันใครตอบรับเข้าร่วมเวทีสภาปฏิรูปการเมืองมากแค่ไหนก็ดำเนินไป โดยต้องแสดงให้เห็นถึงการให้เกียรติ ให้ความจริงใจ ไม่มีเลศนัยแอบแฝง แต่ต้องการนำพาสังคมไทยก้าวข้ามความขัดแย้ง ก้าวข้ามทักษิณ ก้าวข้ามอัตตา ผลประโยชน์ส่วนตัวให้ได้มากที่สุด จริงๆ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด วุ่นวาย รุนแรง ไม่ว่าในหรือนอกสภาก็ใช้อาวุธที่มีอยู่ในมือ ยุบสภา หรือลาออก แล้วให้สภาเลือกผู้นำรัฐบาลขึ้นมาใหม่ หากสภายังคงเลือกผู้ที่พรรคเสียงข้างมากสนับสนุนให้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป แต่ฝ่ายต่อต้านยังไม่หยุดการคัดค้าน ก็ยุบสภาให้ประชาชนตัดสินไปเรื่อยๆ จนกว่าประชาชนจะรับไม่ได้กับพฤติกรรมขอฝ่ายต่อต้านในที่สุด ใครไปลากทหารออกมา หรือทหารยอมตกเป็นเครื่องมือให้ฝ่ายอำนาจนิยม บทเรียนก็มีให้เห็นมาแล้วว่า มีแต่พังกับพังเท่านั้น ขอบคุณ... http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1375943360 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 8 ส.ค.56

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...

ห้องการเมือง