ยิ่งลักษณ์ เปิดหน้าชกการเมืองจ่อวิกฤต
ยุทธศาสตร์ นิ่ง สงบ สยบแรงต้านจากขั้วตรงข้ามจวบจนจะครบ 2 ปี แต่สปีช บนเวที “ประชาคมประชาธิปไตย” ที่มองโกเลีย สดๆ ร้อนๆ ที่ผ่านมา ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปล่อยหมัดฮุก จุกกันถ้วนหน้า ทั้งศาล ทหาร สว.สรรหา ยันองค์กรอิสระ
จากยุทธวิธีเดิมที่เงียบกริบ ปมเหตุการณ์สลายการชุมนุม 91 ศพ ไม่ขุดแผลรัฐประหารปี 2549 งดปริปากเรื่องนักโทษการเมือง ทั้งยังโยนเผือกร้อนทั้งแก้รัฐธรรมนูญและร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้เป็นเรื่องของสภา แต่สปีชของยิ่งลักษณ์ครั้งนี้ส่งสัญญาณกระจ่างชัดว่า นายกฯ หญิงเดินหน้าชักธงรบให้แนวร่วมดับเครื่องชนทุกประเด็น
“หากตัวดิฉันและครอบครัวของดิฉันต้องเจ็บปวดแต่ฝ่ายเดียวก็คงจะปล่อยวาง แต่การรัฐประหารทำให้ไทยถอยหลังและสูญเสียความน่าเชื่อถือต่อนานาชาติ หลักนิติธรรมและกระบวนการกฎหมายถูกทำลาย โครงการที่พี่ชายดิฉันริเริ่มตามที่ประชาชนต้องการถูกยกเลิก ประชาชนเกิดความรู้สึกว่าสิทธิเสรีภาพของเขาถูกปล้นไป
...คนไทยได้ลุกขึ้นต่อสู้เรียกร้องเพื่อให้ได้เสรีภาพคืนมา แต่ในเดือน พ.ค. 2553 มีการสลายการชุมนุมของผู้เรียกร้องกลุ่มคนเสื้อแดง ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 91 คน ในใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ คนบริสุทธิ์ถูกลอบยิงโดยสไนเปอร์ แม้แต่ทุกวันนี้ยังคงมีเหยื่อทางการเมืองจากการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย ที่ติดคุกอยู่
...รัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นในรัฐบาลภายใต้คณะรัฐประหารได้ใส่กลไกที่ตีกรอบ เพื่อจำกัดความเป็นประชาธิปไตย ตัวอย่างเห็นได้จากจำนวนครึ่งหนึ่งของวุฒิสภาไทยมาจากการเลือกตั้ง แต่อีกครึ่งหนึ่งกลับได้รับการแต่งตั้งโดยกลุ่มคนเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง ยิ่งกว่านั้นกลไกที่เรียกว่าองค์กรอิสระได้ใช้อำนาจเกินขอบเขตแทนประชาชนที่ เป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริง”
วาทะยิงหมัดตรงของ “ยิ่งลักษณ์” บนเวทีการเมืองระหว่างประเทศเดินเกม สอดรับกับสถานการณ์การเมืองภายในที่กำลังคุกรุ่น ซึ่งขณะนี้กลุ่ม สส.สว.เตรียมส่งจดหมายเปิดผนึกค้านอำนาจตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ก่อนจะยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถอดถอนตุลาการโทษฐานใช้อำนาจก้าวก่ายนิติบัญญัติ ขณะที่แนวร่วมคนเสื้อแดงกำลังยกระดับการชุมนุมหน้าศาลเข้มข้นขึ้นอย่างต่อ เนื่องเช่นกัน
เปิดเกมถล่มทุกด้านสะท้อนว่ายุทธวิธีของ “นายใหญ่” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ระยะเเรกวางเกมเกี้ยเซี้ยกับกลุ่มขั้วอำนาจเก่า หวังประคอง “น้องสาว” ลอยตัวเหนือแรงเสี่ยงให้อยู่รอดครบเทอม มีอันต้องเปลี่ยนแผน เพราะเริ่มตระหนักได้ว่าการบริหารงานทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองที่ผ่านมา ไม่ว่าเดินทิศทางใดรัฐบาลยิ่งลักษณ์ถูกกลไกศาลองค์กรอิสระมัดขาชนิดที่ว่า ย่างหนึ่งก้าวสะดุดหนึ่งก้าว
ไล่ตั้งแต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 291 ที่ถูกดองโหวตวาระ 3 นานข้ามปีจากอิทธิฤทธิ์ศาลรัฐธรรมนูญ แม้กระทั่งการแก้ไขรายมาตราที่ศาลวินิจฉัยว่าดำเนินการได้ก็เป็นอันต้อง ชะงักหลังศาลมีมติรับคำร้อง ขณะเดียวกันเป้ายุทธศาสตร์ใหญ่ทางเศรษฐกิจของรัฐบาล “ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท” หากผ่านการเห็นชอบจากวุฒิสภาเมื่อใด สส.ฝ่ายค้าน และ สว.สรรหาก็เตรียมยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 169 เนื่องจากกำหนดว่าการจ่ายเงินแผ่นดินจะกระทำได้เฉพาะที่ได้อนุญาตไว้ใน กฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายเท่านั้น
ยังไม่นับรวมคดีความในองค์กรอิสระที่แม้ยิ่งลักษณ์จะรอดพ้นขวากหนามปม ปล่อยกู้ 30 ล้าน ให้ บริษัท อินเด็กซ์ ที่มี อนุสรณ์ อมรฉัตร สามี ถือหุ้น แต่ยังเหลือคดีจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจในมือ ป.ป.ช. ทั้งคดีทุจริตการขุดลอกลำน้ำตามโครงการบริหารจัดการน้ำวงเงิน 1.5 แสนล้านบาท โครงการพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านและชุมชน (เอสเอ็มแอล) รวมถึงประเด็นทุจริตโครงการรับจำนำข้าวที่แม้มีการตั้งอนุกรรมการไต่สวนพุ่ง เป้าไปที่ บุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ แต่หากคณะอนุกรรมการขยายผลถึงยิ่งลักษณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ อาจมีผลสะเทือนถึงเก้าอี้นายกฯ เช่นกัน
และที่น่าโฟกัสนอกเหนือจากองค์กรอิสระ คือ ระบบ “สว.สรรหา” ที่ยิ่งลักษณ์ย้ำชัดเป็นครั้งแรกว่าถือเป็นดัชนีบ่งชี้ความไม่เป็น ประชาธิปไตยของประเทศ ทั้งนี้ วุฒิสภาเป็นกลไกสำคัญยิ่งในรัฐธรรมนูญ เพราะตามหมวด 12 การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ในส่วนที่ 3 “การถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่ง” ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สส. ประธานศาลฎีกา ศาลปกครองสูงสุด อัยการสูงสุด รวมไปถึงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและกรรมการในองค์กรอิสระ ล้วนต้องได้รับเสียงชี้ขาดจากวุฒิสภาในการถอดถอนจากตำแหน่งแทบทั้งสิ้น
จึงสอดรับเช่นกันกับกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราที่นอกจากเดินเกม รุกอำนาจศาลผ่านการแก้ไขมาตรา 68 แล้ว ยังเคาะการแก้ไขมาตราที่มาของ สว.ให้มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด 200 คน
ในสนามการเมืองที่ร้อนระอุ สปีชของนายกฯ หญิง ครั้งนี้จึงส่งสัญญาณหวังปลดโซ่ตรวน สยายปีกรัฐบาลในฐานะอำนาจฝ่ายบริหาร จากอำนาจตุลาการ องค์กรอิสระ และ สว.สรรหา เพื่อเดินหน้าบริหารประเทศอย่างไร้อุปสรรค
นอกจากนี้ การยิงพลุผ่านสปีชท่ามกลางสายตานานาชาติของยิ่งลักษณ์ยังสร้างคุณต่อเพื่อ ไทยหลายเด้ง เพราะไม่เพียงประกาศเดินหน้าชนกับขั้วอำนาจเก่าปลุกเเรงใจให้ สส. สว. ที่กำลังปฏิบัติภารกิจสอยตุลาการเท่านั้น แต่ถ้อยแถลงที่ตอกย้ำถึงพิษร้ายของรัฐประหาร ยังดึงต่างชาติให้เป็นเกราะคุ้มกันรัฐบาลไทยที่มาจากการเลือกตั้งไม่ให้ถูก สั่นคลอนด้วยอำนาจนอกระบบด้วย
ขณะเดียวกันยังถือเป็นการปลุกขวัญกำลังใจให้มิตรสหายแดงหลายปีก ทั้งกลุ่มเเนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการเเห่งชาติ (นปช.) รวมถึงกลุ่มแดงอิสระให้กลับมาเป็นเเนวร่วมที่แข็งแกร่งอีกครั้ง หลังรัฐบาลเจอเสียงครหาว่าเกี้ยเซี้ยศัตรู แต่ทอดทิ้งแนวร่วมมานาน สปีชของยิ่งลักษณ์ครั้งนี้จึงก้องดังทั้งข่มขวัญขั้วตรงข้าม เเละผนึกพลังเเนวร่วมไปในตัว…โดย...ชุษฎ์วัช ตันวานิช
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยุทธศาสตร์ นิ่ง สงบ สยบแรงต้านจากขั้วตรงข้ามจวบจนจะครบ 2 ปี แต่สปีช บนเวที “ประชาคมประชาธิปไตย” ที่มองโกเลีย สดๆ ร้อนๆ ที่ผ่านมา ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปล่อยหมัดฮุก จุกกันถ้วนหน้า ทั้งศาล ทหาร สว.สรรหา ยันองค์กรอิสระ จากยุทธวิธีเดิมที่เงียบกริบ ปมเหตุการณ์สลายการชุมนุม 91 ศพ ไม่ขุดแผลรัฐประหารปี 2549 งดปริปากเรื่องนักโทษการเมือง ทั้งยังโยนเผือกร้อนทั้งแก้รัฐธรรมนูญและร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้เป็นเรื่องของสภา แต่สปีชของยิ่งลักษณ์ครั้งนี้ส่งสัญญาณกระจ่างชัดว่า นายกฯ หญิงเดินหน้าชักธงรบให้แนวร่วมดับเครื่องชนทุกประเด็น “หากตัวดิฉันและครอบครัวของดิฉันต้องเจ็บปวดแต่ฝ่ายเดียวก็คงจะปล่อยวาง แต่การรัฐประหารทำให้ไทยถอยหลังและสูญเสียความน่าเชื่อถือต่อนานาชาติ หลักนิติธรรมและกระบวนการกฎหมายถูกทำลาย โครงการที่พี่ชายดิฉันริเริ่มตามที่ประชาชนต้องการถูกยกเลิก ประชาชนเกิดความรู้สึกว่าสิทธิเสรีภาพของเขาถูกปล้นไป ...คนไทยได้ลุกขึ้นต่อสู้เรียกร้องเพื่อให้ได้เสรีภาพคืนมา แต่ในเดือน พ.ค. 2553 มีการสลายการชุมนุมของผู้เรียกร้องกลุ่มคนเสื้อแดง ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 91 คน ในใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ คนบริสุทธิ์ถูกลอบยิงโดยสไนเปอร์ แม้แต่ทุกวันนี้ยังคงมีเหยื่อทางการเมืองจากการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย ที่ติดคุกอยู่ ...รัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นในรัฐบาลภายใต้คณะรัฐประหารได้ใส่กลไกที่ตีกรอบ เพื่อจำกัดความเป็นประชาธิปไตย ตัวอย่างเห็นได้จากจำนวนครึ่งหนึ่งของวุฒิสภาไทยมาจากการเลือกตั้ง แต่อีกครึ่งหนึ่งกลับได้รับการแต่งตั้งโดยกลุ่มคนเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง ยิ่งกว่านั้นกลไกที่เรียกว่าองค์กรอิสระได้ใช้อำนาจเกินขอบเขตแทนประชาชนที่ เป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริง” วาทะยิงหมัดตรงของ “ยิ่งลักษณ์” บนเวทีการเมืองระหว่างประเทศเดินเกม สอดรับกับสถานการณ์การเมืองภายในที่กำลังคุกรุ่น ซึ่งขณะนี้กลุ่ม สส.สว.เตรียมส่งจดหมายเปิดผนึกค้านอำนาจตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ก่อนจะยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถอดถอนตุลาการโทษฐานใช้อำนาจก้าวก่ายนิติบัญญัติ ขณะที่แนวร่วมคนเสื้อแดงกำลังยกระดับการชุมนุมหน้าศาลเข้มข้นขึ้นอย่างต่อ เนื่องเช่นกัน เปิดเกมถล่มทุกด้านสะท้อนว่ายุทธวิธีของ “นายใหญ่” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ระยะเเรกวางเกมเกี้ยเซี้ยกับกลุ่มขั้วอำนาจเก่า หวังประคอง “น้องสาว” ลอยตัวเหนือแรงเสี่ยงให้อยู่รอดครบเทอม มีอันต้องเปลี่ยนแผน เพราะเริ่มตระหนักได้ว่าการบริหารงานทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองที่ผ่านมา ไม่ว่าเดินทิศทางใดรัฐบาลยิ่งลักษณ์ถูกกลไกศาลองค์กรอิสระมัดขาชนิดที่ว่า ย่างหนึ่งก้าวสะดุดหนึ่งก้าว ไล่ตั้งแต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 291 ที่ถูกดองโหวตวาระ 3 นานข้ามปีจากอิทธิฤทธิ์ศาลรัฐธรรมนูญ แม้กระทั่งการแก้ไขรายมาตราที่ศาลวินิจฉัยว่าดำเนินการได้ก็เป็นอันต้อง ชะงักหลังศาลมีมติรับคำร้อง ขณะเดียวกันเป้ายุทธศาสตร์ใหญ่ทางเศรษฐกิจของรัฐบาล “ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท” หากผ่านการเห็นชอบจากวุฒิสภาเมื่อใด สส.ฝ่ายค้าน และ สว.สรรหาก็เตรียมยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 169 เนื่องจากกำหนดว่าการจ่ายเงินแผ่นดินจะกระทำได้เฉพาะที่ได้อนุญาตไว้ใน กฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายเท่านั้น ยังไม่นับรวมคดีความในองค์กรอิสระที่แม้ยิ่งลักษณ์จะรอดพ้นขวากหนามปม ปล่อยกู้ 30 ล้าน ให้ บริษัท อินเด็กซ์ ที่มี อนุสรณ์ อมรฉัตร สามี ถือหุ้น แต่ยังเหลือคดีจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจในมือ ป.ป.ช. ทั้งคดีทุจริตการขุดลอกลำน้ำตามโครงการบริหารจัดการน้ำวงเงิน 1.5 แสนล้านบาท โครงการพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านและชุมชน (เอสเอ็มแอล) รวมถึงประเด็นทุจริตโครงการรับจำนำข้าวที่แม้มีการตั้งอนุกรรมการไต่สวนพุ่ง เป้าไปที่ บุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ แต่หากคณะอนุกรรมการขยายผลถึงยิ่งลักษณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ อาจมีผลสะเทือนถึงเก้าอี้นายกฯ เช่นกัน และที่น่าโฟกัสนอกเหนือจากองค์กรอิสระ คือ ระบบ “สว.สรรหา” ที่ยิ่งลักษณ์ย้ำชัดเป็นครั้งแรกว่าถือเป็นดัชนีบ่งชี้ความไม่เป็น ประชาธิปไตยของประเทศ ทั้งนี้ วุฒิสภาเป็นกลไกสำคัญยิ่งในรัฐธรรมนูญ เพราะตามหมวด 12 การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ในส่วนที่ 3 “การถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่ง” ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สส. ประธานศาลฎีกา ศาลปกครองสูงสุด อัยการสูงสุด รวมไปถึงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและกรรมการในองค์กรอิสระ ล้วนต้องได้รับเสียงชี้ขาดจากวุฒิสภาในการถอดถอนจากตำแหน่งแทบทั้งสิ้น จึงสอดรับเช่นกันกับกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราที่นอกจากเดินเกม รุกอำนาจศาลผ่านการแก้ไขมาตรา 68 แล้ว ยังเคาะการแก้ไขมาตราที่มาของ สว.ให้มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด 200 คน ในสนามการเมืองที่ร้อนระอุ สปีชของนายกฯ หญิง ครั้งนี้จึงส่งสัญญาณหวังปลดโซ่ตรวน สยายปีกรัฐบาลในฐานะอำนาจฝ่ายบริหาร จากอำนาจตุลาการ องค์กรอิสระ และ สว.สรรหา เพื่อเดินหน้าบริหารประเทศอย่างไร้อุปสรรค นอกจากนี้ การยิงพลุผ่านสปีชท่ามกลางสายตานานาชาติของยิ่งลักษณ์ยังสร้างคุณต่อเพื่อ ไทยหลายเด้ง เพราะไม่เพียงประกาศเดินหน้าชนกับขั้วอำนาจเก่าปลุกเเรงใจให้ สส. สว. ที่กำลังปฏิบัติภารกิจสอยตุลาการเท่านั้น แต่ถ้อยแถลงที่ตอกย้ำถึงพิษร้ายของรัฐประหาร ยังดึงต่างชาติให้เป็นเกราะคุ้มกันรัฐบาลไทยที่มาจากการเลือกตั้งไม่ให้ถูก สั่นคลอนด้วยอำนาจนอกระบบด้วย ขณะเดียวกันยังถือเป็นการปลุกขวัญกำลังใจให้มิตรสหายแดงหลายปีก ทั้งกลุ่มเเนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการเเห่งชาติ (นปช.) รวมถึงกลุ่มแดงอิสระให้กลับมาเป็นเเนวร่วมที่แข็งแกร่งอีกครั้ง หลังรัฐบาลเจอเสียงครหาว่าเกี้ยเซี้ยศัตรู แต่ทอดทิ้งแนวร่วมมานาน สปีชของยิ่งลักษณ์ครั้งนี้จึงก้องดังทั้งข่มขวัญขั้วตรงข้าม เเละผนึกพลังเเนวร่วมไปในตัว…โดย...ชุษฎ์วัช ตันวานิช ขอบคุณ... http://www.posttoday.com/วิเคราะห์/การเมือง/219393/ยิ่งลักษณ์-เปิดหน้าชกการเมืองจ่อวิกฤต
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)