แสงทองของชีวิต แสงสว่างคือปัญญาย่อมเลิศกว่าแสงสว่างอื่นๆ
"ผู้มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญา นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวว่า เป็นชีวิตที่ประเสริฐ เป็นชีวิตที่ประกอบด้วยปัญญา"
ชีวิตทุกชีวิต ต้องการความสุข หลีกเลี่ยงความทุกข์ แต่เพื่อชีวิตที่ประเสริฐสุด เราต้องเป็นคนมีปัญญา ปัญญาจะเกิดได้ ก็ต้องอาศัยการปลูกฝังและพัฒนา เพราะเหตุนั้น การศึกษาเพื่อเพิ่มพูนปัญญาจึงเป็นสิ่งจำเป็นมากในสังคมมนุษย์ เพราะปัญญาและการศึกษาเล่าเรียน การได้ยิน การได้ฟังมาก เป็นสิ่งที่ต้องอาศัยกัน เพื่อพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้น
ปัญญา คือ ความรอบรู้ ความรู้ทั่ว ความเข้าใจสิ่งต่างๆ ตามที่เป็นจริง วินิจฉัยเหตุการณ์ เรื่องราวให้รู้ความจริง ตลอดจนความสามารถในการคิดที่ถูกต้องและแยบคาย คิดหาเหตุผลตรึกตรอง อันก่อให้เกิดประโยชน์แก่ชีวิตและจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความทุกข์ หรือความสุข คนคิดเป็นย่อมได้รับประโยชน์จากเรื่องนั้นมากกว่า เช่นในเรื่องของความตาย คนคิดเป็นย่อมเห็นเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ทุกข์ร้อน แต่กลับได้ความสงบ ไม่เศร้าโศกเสียใจ
ส่วนคนคิดไม่เป็นเมื่อนึกถึงความตายก็ทุกข์ร้อน หมดกำลังใจ ปล่อยเวลาให้ล่วงไปโดยเปล่าประโยชน์
ปัญญาเป็นแสงสว่าง เป็นแสงทองของชีวิต ของจิตใจ ทำให้สามารถมองเห็นความดี ความชั่ว ทางและมิใช่ทาง ปัญญาเป็น แสงสว่างในโลก ปัญญาเป็นเครื่องทำลายความเขลา ความมืดมนของชีวิต เหตุการณ์ในชีวิตที่เป็นทุกข์ย่อมเกิดจากผลของกรรมเก่าที่เราต้องชำระสะสางให้หมดสิ้นไป
ความขึ้นลงของชีวิตเป็นเรื่องปกติ ให้ใช้ปัญญามองว่าเป็นธรรมดาที่จะต้องเป็นเช่นนั้น แล้ววางใจให้เป็นกลาง ไม่ดีใจหรือเสียใจ คงรักษาความปกติไว้ก็เป็นความสงบเย็นได้ ส่วนชีวิตของคนบางคนตกต่ำ เพราะเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามา ทำให้เป็นไป ทำให้เกิดมี
สำหรับความสุขความทุกข์นั้น เป็นสิ่งที่เคียงคู่กับชีวิตโดยตลอด ไม่มีชีวิตใดไม่ประสบกับความสุขหรือความทุกข์ เมื่อยังมีการเวียนว่ายตายเกิดอยู่ก็ต้องประสบอยู่ร่ำไป
ความจริง ความทุกข์ยากเป็นสิ่งที่ต้องผ่านเข้ามาในชีวิต เป็นประสบการณ์อันสำคัญที่ทำให้เข้าใจและพัฒนาชีวิตให้สูงขึ้นได้ ในชีวิตของคนทุกคน ถ้ามีแต่ความสุขก็อ่อนแอ ไม่รู้จักชีวิต ถ้ามีแต่ความทุกข์ ก็คงทนไม่ไหว ชีวิตจึงต้องผ่านทั้งทุกข์และสุข เพื่อความเข้มแข็งสมบูรณ์ของชีวิตเปรียบเหมือนกับต้นไม้ที่ต้องเติบโตโดยผ่านทั้งร้อน ฝนและหนาวจึงจะเจริญงอกงามขึ้นได้
ผู้มีปัญญาได้รับทุกข์ก็ไม่ควรสิ้นหวังในความสุข คนส่วนมากเมื่อได้รับทุกข์ก็มักทำสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ต่อเมื่อมีความสุขจึงทำสิ่งที่เป็นประโยชน์
แสงสว่างคือปัญญาย่อมเลิศกว่าแสงสว่างอื่นๆ เพราะเป็นแสงทอง สามารถส่องจิตใจคนให้สว่างไสวด้วยเหตุผล รู้ดี รู้ชั่ว กำจัดความมืดคือกิเลสได้ บุคคลผู้โง่เขลาย่อมเป็นการยากที่จะรักษาตัวให้พ้นจากความชั่วและความทุกข์ ส่วนผู้มีปัญญาย่อมสามารถคุ้มครองให้รอดพ้นจากภัยอันตรายต่างๆ นำตนให้ประสบสุขสวัสดี
เพราะอาศัยปัญญาเป็นแสงทองส่องสว่างนำทางชีวิตนั่นเอง
คอลัมน์ ธรรมะวันหยุด
บทความโดย พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ.9) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร
ขอบคุณ : https://goo.gl/RQVkXh (ขนาดไฟล์: 0 )