ธรรมสังเวช

แสดงความคิดเห็น

ธรรมะยู-เทิร์น โดยอิทธิโชโต

ท้องฟ้าสีส้ม

ยถา วาริวโห ปูโร วเห รุกฺเข ปกูลเช

เอวํ ชราย มรเณน วุยฺหนฺเต สพฺพปาณิโน

ห้วงน้ำที่เต็มฝั่ง พึงพัดต้นไม้ซึ่งเกิดที่ตลิ่งไปฉันใด

สัตว์มีชีวิตทั้งปวง ย่อมถูกความแก่และความตายพัดไปฉันนั้น

(เตมิยโพธิสตฺต) ขุ.ชา.มหา. ๒๘/๑๖๔

000

คราวที่แล้วเล่าถึงลูกศิษย์ที่เป็นผู้ชาย อยากเป็นผู้หญิง หนีออกจากบ้าน พ่อแม่ไปตามกลับมา จนพ่อแม่ยอมให้ลูกเป็นอะไรก็ได้ตามใจเขา นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ที่พ่อแม่ปล่อยให้เขาเป็นตัวของเขาเอง แต่งเป็นสาวเต็มตัว ไปประกวดที่นั่นที่นี่ คว้าถ้วยรางวัลมาเต็มบ้าน แต่การใช้ชีวิตของเขาก็ประมาทเกิน อายุยี่สิบกว่าๆ ไม่คิดถึงใครเท่าไหร่ อยากสวยอยากงามก็กินยามากไปจนเสียชีวิต นี่แหละปัญหาของเด็กสมัยใหม่ ไม่ใช่ลูกศิษย์คนนี้คนเดียว แต่เราหมายถึงเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ บางทีไม่ได้คิดถึงว่าอะไรควรไม่ควร พอเจอกับปัญหาก็สู้ปัญหาไม่ได้ ไม่ได้คิดถึงค่าน้ำนมที่พ่อแม่เลี้ยงมา อย่างบางคนอกหักก็เสียใจมากถึงขนาดฆ่าตัวตายก็มี นี่คือ คิดไม่ทัน เป็นทาสของความคิด ถ้าคิดทันจะไม่เป็นอย่างนี้

ไม่คิดว่า ชีวิตมีอีกมากมายที่ต้องใช้ อีกมากมายที่ต้องเรียนรู้ อีกมากมายที่ต้องค้นหา ความคิด สติปัญญา จึงเป็นสิ่งสำคัญ ทุกคนมีอยู่กับตัวก็ควรจะใช้ แต่ก็ไม่เอามาใช้ ครูบาอาจารย์ เคยบอก เคยสอน มีอยู่ แต่ไม่เอามาใช้ สุดท้ายก็คือ คิดไม่เป็น ลืมบุพการี ลืมบุคคลที่มีบุญคุณ เวลาเสียอกเสียใจ ทุกข์ ไม่คิดถึงพ่อแม่ที่เลี้ยงมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก เสียเลือดเสียเนื้อ เสียแรงกาย แรงใจ หมดทุกอย่าง คิดเลี้ยงลูกให้เติบโตขึ้นมาหวังจะได้พึ่งพิงในบั้นปลาย แต่หัวอกของพ่อแม่วันนี้กลับต้องเดินมาส่งลูกที่ป่าช้า มันทุกข์ขนาดไหน ปกติคนเราเป็นลูก ควรไปส่งพ่อแม่ก่อนใช่ไหม แต่ทีนี้พ่อแม่กลับได้มาส่งลูกก่อน มันน่าเวทนาเหลือเกิน มันได้แต่ปลงธรรมสังเวชเท่านั้นแหละ

เขาเป็นลูกคนโตด้วย คนเล็กก็ยังเรียนหนังสืออยู่ ทุกอย่างมันก็ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ถ้ารู้ว่าเป็นทุกข์ เราก็ต้องใช้ให้มันเป็น ชีวิตมันก็มีทั้งสุขทั้งทุกข์ของแต่ละคน ทุกข์มารับได้ไหม สุขมาบางทีดีอกดีใจจนน้ำตาไหลก็มี พ่อแม่ดีใจได้ลูกเกิดมา แต่ก็ลืมนึกว่า วันข้างหน้าเขาต้องจากเราไป สุดท้ายก็น้ำตาไหลเหมือนเดิม เสียใจเป็นทุกข์ เพราะความพลัดพรากพลัดจากกัน ด้วยวัยอันยังไม่สมควร สำหรับผู้เป็นพ่อแม่ ญาติพี่น้อง โดยเฉพาะหัวอกของพ่อแม่ ทุกข์มาก ก็มีแต่เวทนา มีแต่ธรรมสังเวชเท่านั้นที่จะต้องปลงให้ได้ เพราะชีวิตมันไม่เที่ยงจริงๆ ดังพุทธพจน์ข้างต้นที่ยกมาว่า...ห้วงน้ำที่เต็มฝั่ง พึงพัดต้นไม้ซึ่งเกิดที่ตลิ่งไปฉันใด สัตว์มีชีวิตทั้งปวง ย่อมถูกความแก่และความตายพัดไปฉันนั้น

หากเรื่องนี้จะทำให้ใครดวงตาเห็นธรรมก็ขอให้เป็นบันไดส่งเขาไปสู่สุคติและสัมปรายภพที่ดีด้วยเทอญ เอวัง

ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/detail/20140228/179886.html#.UxQhMc4yPlA (ขนาดไฟล์: 167)

ที่มา: http://www.komchadluek.net/detail/20140228/179886.html#.UxQhMc4yPlA (ขนาดไฟล์: 167)
วันที่โพสต์: 3/03/2557 เวลา 06:32:32 ดูภาพสไลด์โชว์ ธรรมสังเวช

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

ธรรมะยู-เทิร์น โดยอิทธิโชโต ท้องฟ้าสีส้ม ยถา วาริวโห ปูโร วเห รุกฺเข ปกูลเช เอวํ ชราย มรเณน วุยฺหนฺเต สพฺพปาณิโน ห้วงน้ำที่เต็มฝั่ง พึงพัดต้นไม้ซึ่งเกิดที่ตลิ่งไปฉันใด สัตว์มีชีวิตทั้งปวง ย่อมถูกความแก่และความตายพัดไปฉันนั้น (เตมิยโพธิสตฺต) ขุ.ชา.มหา. ๒๘/๑๖๔ 000 คราวที่แล้วเล่าถึงลูกศิษย์ที่เป็นผู้ชาย อยากเป็นผู้หญิง หนีออกจากบ้าน พ่อแม่ไปตามกลับมา จนพ่อแม่ยอมให้ลูกเป็นอะไรก็ได้ตามใจเขา นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ที่พ่อแม่ปล่อยให้เขาเป็นตัวของเขาเอง แต่งเป็นสาวเต็มตัว ไปประกวดที่นั่นที่นี่ คว้าถ้วยรางวัลมาเต็มบ้าน แต่การใช้ชีวิตของเขาก็ประมาทเกิน อายุยี่สิบกว่าๆ ไม่คิดถึงใครเท่าไหร่ อยากสวยอยากงามก็กินยามากไปจนเสียชีวิต นี่แหละปัญหาของเด็กสมัยใหม่ ไม่ใช่ลูกศิษย์คนนี้คนเดียว แต่เราหมายถึงเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ บางทีไม่ได้คิดถึงว่าอะไรควรไม่ควร พอเจอกับปัญหาก็สู้ปัญหาไม่ได้ ไม่ได้คิดถึงค่าน้ำนมที่พ่อแม่เลี้ยงมา อย่างบางคนอกหักก็เสียใจมากถึงขนาดฆ่าตัวตายก็มี นี่คือ คิดไม่ทัน เป็นทาสของความคิด ถ้าคิดทันจะไม่เป็นอย่างนี้ ไม่คิดว่า ชีวิตมีอีกมากมายที่ต้องใช้ อีกมากมายที่ต้องเรียนรู้ อีกมากมายที่ต้องค้นหา ความคิด สติปัญญา จึงเป็นสิ่งสำคัญ ทุกคนมีอยู่กับตัวก็ควรจะใช้ แต่ก็ไม่เอามาใช้ ครูบาอาจารย์ เคยบอก เคยสอน มีอยู่ แต่ไม่เอามาใช้ สุดท้ายก็คือ คิดไม่เป็น ลืมบุพการี ลืมบุคคลที่มีบุญคุณ เวลาเสียอกเสียใจ ทุกข์ ไม่คิดถึงพ่อแม่ที่เลี้ยงมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก เสียเลือดเสียเนื้อ เสียแรงกาย แรงใจ หมดทุกอย่าง คิดเลี้ยงลูกให้เติบโตขึ้นมาหวังจะได้พึ่งพิงในบั้นปลาย แต่หัวอกของพ่อแม่วันนี้กลับต้องเดินมาส่งลูกที่ป่าช้า มันทุกข์ขนาดไหน ปกติคนเราเป็นลูก ควรไปส่งพ่อแม่ก่อนใช่ไหม แต่ทีนี้พ่อแม่กลับได้มาส่งลูกก่อน มันน่าเวทนาเหลือเกิน มันได้แต่ปลงธรรมสังเวชเท่านั้นแหละ เขาเป็นลูกคนโตด้วย คนเล็กก็ยังเรียนหนังสืออยู่ ทุกอย่างมันก็ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ถ้ารู้ว่าเป็นทุกข์ เราก็ต้องใช้ให้มันเป็น ชีวิตมันก็มีทั้งสุขทั้งทุกข์ของแต่ละคน ทุกข์มารับได้ไหม สุขมาบางทีดีอกดีใจจนน้ำตาไหลก็มี พ่อแม่ดีใจได้ลูกเกิดมา แต่ก็ลืมนึกว่า วันข้างหน้าเขาต้องจากเราไป สุดท้ายก็น้ำตาไหลเหมือนเดิม เสียใจเป็นทุกข์ เพราะความพลัดพรากพลัดจากกัน ด้วยวัยอันยังไม่สมควร สำหรับผู้เป็นพ่อแม่ ญาติพี่น้อง โดยเฉพาะหัวอกของพ่อแม่ ทุกข์มาก ก็มีแต่เวทนา มีแต่ธรรมสังเวชเท่านั้นที่จะต้องปลงให้ได้ เพราะชีวิตมันไม่เที่ยงจริงๆ ดังพุทธพจน์ข้างต้นที่ยกมาว่า...ห้วงน้ำที่เต็มฝั่ง พึงพัดต้นไม้ซึ่งเกิดที่ตลิ่งไปฉันใด สัตว์มีชีวิตทั้งปวง ย่อมถูกความแก่และความตายพัดไปฉันนั้น หากเรื่องนี้จะทำให้ใครดวงตาเห็นธรรมก็ขอให้เป็นบันไดส่งเขาไปสู่สุคติและสัมปรายภพที่ดีด้วยเทอญ เอวัง ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/detail/20140228/179886.html#.UxQhMc4yPlA

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...