โลกทัศน์แห่งความสุข(๓)มองทุกอย่างเป็นครู

แสดงความคิดเห็น

กําแพงศิลป์

โลกทัศน์แห่งความสุข(๓)มองทุกอย่างเป็นครู : คันฉ่องและโคมฉาย โดยว.วชิรเมธี

ต่อมามีคนมาเดินดูกำแพงอีก เมื่อได้เห็นอิฐสองก้อน ก็ตีความว่า วัดนี้เป็นวัดป่า อิฐสองก้อนโผล่มานอกกำแพงแสดงว่า พระต้องการให้เราถอดปริศนาธรรม เอาแล้วไหมล่ะคนที่สองคิดลึกยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อเจอหลวงพ่อก็บอกว่า ผมจะกลับไปถอดปริศนาธรรมนะครับมันต้องลึกมาก ท่านก็เริ่มรู้สึกดีกับอิฐสองก้อนนั้น ต่อไปมีคนมามากขึ้นๆ แขกไปใครมาก็ไปดูอิฐสองก้อน บางคนเป็นนักวิทยาศาสตร์ บางคนเป็นนักปรัชญา บางคนเป็นนักท่องเที่ยว มาเห็นแล้วมาถอดปริศนาธรรม หลวงพ่อครับเจ้าอิฐสองก้อนเป็นไปได้ไหมถ้าผมจะลองถอดรหัสดู อิฐสองก้อนก็แปลว่าร่างกายของเราประกอบด้วยสองส่วนคือกายและใจ ใช่ไหมครับ หลวงพ่อก็ได้แต่ยิ้ม

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เวลาโยมมาวัดหลวงพ่อจะถามว่าโยมไปชมกำแพงหรือยัง ไปชมกำแพงก่อนนะแล้วค่อยมากราบพระประธาน กลายเป็นจุดเด่นจุดเน้นจุดขายของวัด และนับแต่นั้นท่านก็มีความสุขมาก ทุกเช้า หลังจากทำวัตรเช้าเสร็จ ท่านก็เดินทอดน่องไปเดินดูกำแพงอย่างมีความสุขมองแล้วยิ้มอยู่คนเดียว

ท่านเล่าว่าประหลาดมาก อิฐสองก้อนนี้ทำให้อาตมาทุกข์มาก แต่แล้วพอเปลี่ยนมุมมองมันกลับทำให้อาตมามีความสุข ท่านพูดกับตัวเองอีกว่าทำไมนะกำแพงแห่งนั้นมีอิฐตั้ง ๑,๐๐๐ ก้อน เสียแค่ ๒ ก้อน ปกติเรียบร้อยงดงาม ๙๙๘ ก้อน ทำไมเรากลับมองข้ามไปหมด

คนเราก็มักจะคิดในลักษณะเดียวกันนี้ นั่นคือ เหมือนเรามีกระดาษ A4 อยู่หนึ่งแผ่นแล้วเอาหมึกแต้มลงไปตรงกลาง จุดเล็กๆ เท่าปลายเข็มหมุดหรือเท่าหัวเข็มหมุดพอมองเห็นได้ พื้นที่ส่วนใหญ่ยังดีอยู่ ยังขาวตามปกติทั้งหมด แต่เราก็มองข้าม กลับไปติดใจตรงจุดดำเล็กๆ เท่าหัวเข็มหมุด เหมือนมีคนเอาผลแอปเปิ้ลมาให้เราตะกร้าหนึ่ง แอปเปิ้ลบางลูกระหว่างขนส่งมันช้ำไปบางส่วน บางทีเราหยิบขึ้นมามันไม่ได้เน่า แค่เห็นรอยช้ำก็ปาทิ้งแล้ว มันเสียแค่จุดเดียวแต่เรามักจะเหมารวมว่าเสียทั้งหมด

บางทีสิ่งดีๆ อยู่ตรงหน้าเรา อยู่ในชีวิตเรา อยู่ในวิถีแห่งการทำงาน แต่เรากลับไม่มีความสุขกับสิ่งนั้นเลยเพราะเรามองสิ่งเหล่านั้นในเชิงลบ เรื่องอิฐสองก้อนคือผลของการมีโลกทัศน์เชิงบวกอย่างมีปัญญา ไม่ใช่อย่างตื้นๆ เขินๆ ในลักษณะของการหลอกตัวเองไปวันๆ การมองโลกอย่างคนมีปัญญาจะทำให้เรามีภูมิคุ้มกันสำหรับบริหารจัดการชีวิตใน วันเวลาที่ยากลำบากได้เป็นอย่างดี

ใครปลูกฝังโลกทัศน์มองทุกอย่างเป็นครูได้ คนคนนั้นก็จะเป็นคนที่มีความสุข

(ติดตามตอนต่อไปวันพระหน้า)

ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/detail/20130524/159223/โลกทัศน์แห่งความสุข(๓)มองทุกอย่างเป็นครู.html#.UcPEj9hHWzs (ขนาดไฟล์: 167)

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

กําแพงศิลป์ โลกทัศน์แห่งความสุข(๓)มองทุกอย่างเป็นครู : คันฉ่องและโคมฉาย โดยว.วชิรเมธี ต่อมามีคนมาเดินดูกำแพงอีก เมื่อได้เห็นอิฐสองก้อน ก็ตีความว่า วัดนี้เป็นวัดป่า อิฐสองก้อนโผล่มานอกกำแพงแสดงว่า พระต้องการให้เราถอดปริศนาธรรม เอาแล้วไหมล่ะคนที่สองคิดลึกยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อเจอหลวงพ่อก็บอกว่า ผมจะกลับไปถอดปริศนาธรรมนะครับมันต้องลึกมาก ท่านก็เริ่มรู้สึกดีกับอิฐสองก้อนนั้น ต่อไปมีคนมามากขึ้นๆ แขกไปใครมาก็ไปดูอิฐสองก้อน บางคนเป็นนักวิทยาศาสตร์ บางคนเป็นนักปรัชญา บางคนเป็นนักท่องเที่ยว มาเห็นแล้วมาถอดปริศนาธรรม หลวงพ่อครับเจ้าอิฐสองก้อนเป็นไปได้ไหมถ้าผมจะลองถอดรหัสดู อิฐสองก้อนก็แปลว่าร่างกายของเราประกอบด้วยสองส่วนคือกายและใจ ใช่ไหมครับ หลวงพ่อก็ได้แต่ยิ้ม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เวลาโยมมาวัดหลวงพ่อจะถามว่าโยมไปชมกำแพงหรือยัง ไปชมกำแพงก่อนนะแล้วค่อยมากราบพระประธาน กลายเป็นจุดเด่นจุดเน้นจุดขายของวัด และนับแต่นั้นท่านก็มีความสุขมาก ทุกเช้า หลังจากทำวัตรเช้าเสร็จ ท่านก็เดินทอดน่องไปเดินดูกำแพงอย่างมีความสุขมองแล้วยิ้มอยู่คนเดียว ท่านเล่าว่าประหลาดมาก อิฐสองก้อนนี้ทำให้อาตมาทุกข์มาก แต่แล้วพอเปลี่ยนมุมมองมันกลับทำให้อาตมามีความสุข ท่านพูดกับตัวเองอีกว่าทำไมนะกำแพงแห่งนั้นมีอิฐตั้ง ๑,๐๐๐ ก้อน เสียแค่ ๒ ก้อน ปกติเรียบร้อยงดงาม ๙๙๘ ก้อน ทำไมเรากลับมองข้ามไปหมด คนเราก็มักจะคิดในลักษณะเดียวกันนี้ นั่นคือ เหมือนเรามีกระดาษ A4 อยู่หนึ่งแผ่นแล้วเอาหมึกแต้มลงไปตรงกลาง จุดเล็กๆ เท่าปลายเข็มหมุดหรือเท่าหัวเข็มหมุดพอมองเห็นได้ พื้นที่ส่วนใหญ่ยังดีอยู่ ยังขาวตามปกติทั้งหมด แต่เราก็มองข้าม กลับไปติดใจตรงจุดดำเล็กๆ เท่าหัวเข็มหมุด เหมือนมีคนเอาผลแอปเปิ้ลมาให้เราตะกร้าหนึ่ง แอปเปิ้ลบางลูกระหว่างขนส่งมันช้ำไปบางส่วน บางทีเราหยิบขึ้นมามันไม่ได้เน่า แค่เห็นรอยช้ำก็ปาทิ้งแล้ว มันเสียแค่จุดเดียวแต่เรามักจะเหมารวมว่าเสียทั้งหมด บางทีสิ่งดีๆ อยู่ตรงหน้าเรา อยู่ในชีวิตเรา อยู่ในวิถีแห่งการทำงาน แต่เรากลับไม่มีความสุขกับสิ่งนั้นเลยเพราะเรามองสิ่งเหล่านั้นในเชิงลบ เรื่องอิฐสองก้อนคือผลของการมีโลกทัศน์เชิงบวกอย่างมีปัญญา ไม่ใช่อย่างตื้นๆ เขินๆ ในลักษณะของการหลอกตัวเองไปวันๆ การมองโลกอย่างคนมีปัญญาจะทำให้เรามีภูมิคุ้มกันสำหรับบริหารจัดการชีวิตใน วันเวลาที่ยากลำบากได้เป็นอย่างดี ใครปลูกฝังโลกทัศน์มองทุกอย่างเป็นครูได้ คนคนนั้นก็จะเป็นคนที่มีความสุข (ติดตามตอนต่อไปวันพระหน้า) ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/detail/20130524/159223/โลกทัศน์แห่งความสุข(๓)มองทุกอย่างเป็นครู.html#.UcPEj9hHWzs

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...