เปลี่ยนมุมองชีวิตคิดแต่บวกบวกและบวก
โลกทัศน์แห่งความสุข (๑)เปลี่ยนมุมองชีวิตคิดแต่บวกบวกและบวก : คันฉ่องและโคมฉาย โดยว.วชิรเมธี
วันหนึ่งโลกคือชีวิตรูปร่างสังขารจะต้องแตกดับ ระหว่างที่ดำรงชีวิตอยู่นี้ เราจะใช้ชีวิตให้มีความสุขได้อย่างไร
ชีวิตเราตลอดทั้งชีวิตจะต้องประสบทั้งทุกข์และสุข สุขและทุกข์สลับกันไป ทำอย่างไรเราจะมีความสุขมากกว่าความทุกข์ อาตมภาพมีเคล็ดลับมาเล่าให้ฟัง ดังต่อไปนี้
เคล็ดลับความสุขประการที่ ๑ มองโลกเชิงบวก
เราต้องเรียนรู้ที่จะมองสิ่งต่างๆ ให้เป็นบวก คนจำนวนมากมีวิธีคิดในเชิงลบ พอมองอะไรในเชิงลบทั้งๆ ที่สิ่งซึ่งอยู่ตรงหน้าเป็นของดีของงามของมีประโยชน์เลิศล้ำ แต่พอเขามองลบเขาก็ไม่มีความสุขกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า นั่นคืออุปนิสัยของคนอับโชค โชคมาก็เปลี่ยนให้เป็นเคราะห์ เคราะห์มาก็ไม่รู้จักเปลี่ยนให้เป็นครู ของดีมีอยู่ก็มองไม่เห็นเพราะมีความคิดเชิงลบบังหูบังตาอยู่
คนที่มีปกติคิดเชิงบวกเป็นคนโชคดีมากเหมือน สตีฟ จ็อบส์ ตอนที่เขายังเด็กอายุ ๗ ขวบ เล่นกับเพื่อนผู้หญิงข้างบ้าน ระหว่างที่เล่นด้วยกันอยู่นั้น เพื่อนผู้หญิงก็ตะโกนขึ้นมาว่า ฉันได้ข่าวว่าเธอเป็นเด็กที่ถูกพ่อแม่ทิ้งใช่ไหม จ็อบส์ซึ่งต่อมาจะเป็นบุคคลสำคัญของโลก ได้ยินอย่างนั้น รู้สึกเสียใจมาก วิ่งร้องไห้เข้าไปในบ้าน เขาบอกว่าคำพูดที่เพื่อนบอกว่า เขาเป็นลูกที่พ่อแม่ทิ้งเป็นดังหนึ่งสายฟ้าที่ฟาดลงมาบนหัวของเขา เขาร้องไห้วิ่งเข้าไปหาพ่อแล้วถามว่า พ่อเป็นความจริงไหมที่เขาเป็นลูกที่ถูกทิ้ง
พ่อกอดว่าที่อัจฉริยะบุคคลตัวน้อยๆ ซึ่งในอนาคตเขาจะสามารถผลิตคอมพิวเตอร์เล็กๆ เท่าฝ่ามือได้สำเร็จ พ่อบอกว่าลูกฟังให้ดีนะ ลูกไม่ใช่คนที่ถูกทิ้งแต่ลูกคือคนที่ถูกเลือก จ็อบส์ถามพ่อว่าหมายความว่าอย่างไรครับพ่อ พ่อบอกว่าในโรงพยาบาลมีเด็กที่ถูกพ่อแม่ทิ้งทุกวัน พ่อกับแม่ตัดสินใจเลือกลูก ไม่เลือกคนอื่น แต่ตัดสินใจเลือกเอาลูกมาเป็นลูกของพ่อกับแม่ ตั้งชื่อให้ลูกเลี้ยงลูกให้ดี พร้อมให้การศึกษาลูก ดังนั้นทุกวันนี้ลูกก็เป็นลูกของพ่อแม่ จำไว้นะลูก ลูกไม่ใช่คนที่ถูกทิ้ง แต่ลูกคือคนที่ได้รับการคัดเลือกโดยพ่อกับแม่ของลูกคนนี้
เมื่อพ่อเปลี่ยนมุมมองแค่นั้นเอง เขาร้องไห้และกอดพ่อ นับแต่นั้นเป็นต้นมาเขาไม่รู้สึกว่าตนมีปมด้อยให้หัวใจ เขาบอกว่าพ่อแม่บุญธรรมของเขาคือพ่อแม่ของเขา ๑๐๐๐เปอร์เซ็นต์ ส่วนพ่อแม่ที่ทิ้งเขาไปก็เป็นได้เพียงธนาคารของสเปิร์มและไข่เท่านั้น เขาไม่ได้มีความผูกพันด้วยเพราะพ่อและแม่ของเขาให้ทุกสิ่งที่เขาต้องการโดย เฉพาะอย่างยิ่งความรัก
พอพ่อเปลี่ยนมุมมองอย่างนี้ ตั้งแต่นั้นมา สตีฟ จ็อบส์ รู้สึกเหมือนเป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษในโลกนี้ เขารู้สึกว่าเป็นคนที่พระเจ้าเลือก ความรู้สึกนี้ทำให้เขาไม่กลัวใคร ไม่หวั่นเกรงอะไร มั่นใจในชีวิต กลายเป็นแมว ๙ ชีวิต เรียนมหาวิทยาลัยลาออกตั้ง ๒ ครั้ง ก่อตั้งบริษัทก็ถูกคณะกรรมการเชิญออกทั้งที่ตัวเองตั้งมากับมือ คนอื่นมองว่าเขาล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงแล้ว แต่เขามองว่านั่นเป็นชีวิตที่สุดยอด เพราะชีวิตครบทุกรสชาติ ใครต่อใครทำอะไรเขาไม่ได้ ความล้มเหลวก็ทำอะไรเขาไม่ได้
(ติดตามตอนต่อไปวันพระหน้า)
ที่มา: http://www.komchadluek.net/detail/20130509/158003/เปลี่ยนมุมองชีวิตคิดแต่บวกบวกและบวก.html#.UcPD2NhHWzs (ขนาดไฟล์: 167)
วันที่โพสต์: 27/06/2556 เวลา 07:17:15
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
เปลี่ยนมุมองชีวิตคิดแต่บวกบวกและบวก โลกทัศน์แห่งความสุข (๑)เปลี่ยนมุมองชีวิตคิดแต่บวกบวกและบวก : คันฉ่องและโคมฉาย โดยว.วชิรเมธี วันหนึ่งโลกคือชีวิตรูปร่างสังขารจะต้องแตกดับ ระหว่างที่ดำรงชีวิตอยู่นี้ เราจะใช้ชีวิตให้มีความสุขได้อย่างไร ชีวิตเราตลอดทั้งชีวิตจะต้องประสบทั้งทุกข์และสุข สุขและทุกข์สลับกันไป ทำอย่างไรเราจะมีความสุขมากกว่าความทุกข์ อาตมภาพมีเคล็ดลับมาเล่าให้ฟัง ดังต่อไปนี้ เคล็ดลับความสุขประการที่ ๑ มองโลกเชิงบวก เราต้องเรียนรู้ที่จะมองสิ่งต่างๆ ให้เป็นบวก คนจำนวนมากมีวิธีคิดในเชิงลบ พอมองอะไรในเชิงลบทั้งๆ ที่สิ่งซึ่งอยู่ตรงหน้าเป็นของดีของงามของมีประโยชน์เลิศล้ำ แต่พอเขามองลบเขาก็ไม่มีความสุขกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า นั่นคืออุปนิสัยของคนอับโชค โชคมาก็เปลี่ยนให้เป็นเคราะห์ เคราะห์มาก็ไม่รู้จักเปลี่ยนให้เป็นครู ของดีมีอยู่ก็มองไม่เห็นเพราะมีความคิดเชิงลบบังหูบังตาอยู่ คนที่มีปกติคิดเชิงบวกเป็นคนโชคดีมากเหมือน สตีฟ จ็อบส์ ตอนที่เขายังเด็กอายุ ๗ ขวบ เล่นกับเพื่อนผู้หญิงข้างบ้าน ระหว่างที่เล่นด้วยกันอยู่นั้น เพื่อนผู้หญิงก็ตะโกนขึ้นมาว่า ฉันได้ข่าวว่าเธอเป็นเด็กที่ถูกพ่อแม่ทิ้งใช่ไหม จ็อบส์ซึ่งต่อมาจะเป็นบุคคลสำคัญของโลก ได้ยินอย่างนั้น รู้สึกเสียใจมาก วิ่งร้องไห้เข้าไปในบ้าน เขาบอกว่าคำพูดที่เพื่อนบอกว่า เขาเป็นลูกที่พ่อแม่ทิ้งเป็นดังหนึ่งสายฟ้าที่ฟาดลงมาบนหัวของเขา เขาร้องไห้วิ่งเข้าไปหาพ่อแล้วถามว่า พ่อเป็นความจริงไหมที่เขาเป็นลูกที่ถูกทิ้ง พ่อกอดว่าที่อัจฉริยะบุคคลตัวน้อยๆ ซึ่งในอนาคตเขาจะสามารถผลิตคอมพิวเตอร์เล็กๆ เท่าฝ่ามือได้สำเร็จ พ่อบอกว่าลูกฟังให้ดีนะ ลูกไม่ใช่คนที่ถูกทิ้งแต่ลูกคือคนที่ถูกเลือก จ็อบส์ถามพ่อว่าหมายความว่าอย่างไรครับพ่อ พ่อบอกว่าในโรงพยาบาลมีเด็กที่ถูกพ่อแม่ทิ้งทุกวัน พ่อกับแม่ตัดสินใจเลือกลูก ไม่เลือกคนอื่น แต่ตัดสินใจเลือกเอาลูกมาเป็นลูกของพ่อกับแม่ ตั้งชื่อให้ลูกเลี้ยงลูกให้ดี พร้อมให้การศึกษาลูก ดังนั้นทุกวันนี้ลูกก็เป็นลูกของพ่อแม่ จำไว้นะลูก ลูกไม่ใช่คนที่ถูกทิ้ง แต่ลูกคือคนที่ได้รับการคัดเลือกโดยพ่อกับแม่ของลูกคนนี้ เมื่อพ่อเปลี่ยนมุมมองแค่นั้นเอง เขาร้องไห้และกอดพ่อ นับแต่นั้นเป็นต้นมาเขาไม่รู้สึกว่าตนมีปมด้อยให้หัวใจ เขาบอกว่าพ่อแม่บุญธรรมของเขาคือพ่อแม่ของเขา ๑๐๐๐เปอร์เซ็นต์ ส่วนพ่อแม่ที่ทิ้งเขาไปก็เป็นได้เพียงธนาคารของสเปิร์มและไข่เท่านั้น เขาไม่ได้มีความผูกพันด้วยเพราะพ่อและแม่ของเขาให้ทุกสิ่งที่เขาต้องการโดย เฉพาะอย่างยิ่งความรัก พอพ่อเปลี่ยนมุมมองอย่างนี้ ตั้งแต่นั้นมา สตีฟ จ็อบส์ รู้สึกเหมือนเป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษในโลกนี้ เขารู้สึกว่าเป็นคนที่พระเจ้าเลือก ความรู้สึกนี้ทำให้เขาไม่กลัวใคร ไม่หวั่นเกรงอะไร มั่นใจในชีวิต กลายเป็นแมว ๙ ชีวิต เรียนมหาวิทยาลัยลาออกตั้ง ๒ ครั้ง ก่อตั้งบริษัทก็ถูกคณะกรรมการเชิญออกทั้งที่ตัวเองตั้งมากับมือ คนอื่นมองว่าเขาล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงแล้ว แต่เขามองว่านั่นเป็นชีวิตที่สุดยอด เพราะชีวิตครบทุกรสชาติ ใครต่อใครทำอะไรเขาไม่ได้ ความล้มเหลวก็ทำอะไรเขาไม่ได้ (ติดตามตอนต่อไปวันพระหน้า) ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/detail/20130509/158003/เปลี่ยนมุมองชีวิตคิดแต่บวกบวกและบวก.html#.UcPD2NhHWzs
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)