'อหิงสา'มรรคาสู่สันติ(๙)ฟังด้วยหัวใจ
'อหิงสา'มรรคาสู่สันติ(๙)ฟังด้วยหัวใจ : คันฉ่องและโคมฉาย โดยว.วชิรเมธี
การมีใจกว้าง ไม่ผูกขาดสัจธรรม ยอมฟังความคิดเห็นที่แตกต่างอย่างให้เกียรติ นี่คือหัวใจของการนำไปสู่ความสุขสงบในใจ
ความใจแคบ ไม่ยอมรับฟังข้อคิด ความเห็น หรือไม่ยอมเปิดใจเรียนรู้ลัทธินิยม อุดมการณ์ที่แตกต่างออกไปจากระบบความคิดระบบความเชื่อที่ตนเชื่อถือหรือ สังกัดอยู่ เป็นสาเหตุอันหนึ่งของความรุนแรง หรือในบางกรณีเป็นสาเหตุของสงครามที่คร่าชีวิตผู้คนมากมายนับไม่ถ้วน แต่ในสารบบคำสอนของพระพุทธเจ้า เราจะไม่พบท่าทีหรือคำสอนเช่นนี้เลย
พระพุทธองค์ทรงสอนให้ชาวพุทธเป็นคนใจกว้าง สามารถรับฟังเสียงหรือความคิด ความเชื่อ ลัทธินิยมอุดมการณ์ที่แตกต่างออกไปอย่างสงบและด้วยการให้เกียรติอย่างดียิ่ง ท่าทีอย่างนี้ มีปรากฏชัดอยู่ในพุทธจริยาของพระองค์ที่ทรงนิยมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเจ้า ลัทธินิกายต่างๆ อยู่เสมอ บ่อยครั้งทรงนั่งฟัง นั่งสนทนา นั่งแลกเปลี่ยนกับคนที่มาชี้แจงแถลงข้อคิดความเห็นของตนให้พระองค์ฟังเป็น เวลานานอย่างสงบและด้วยท่าทีที่ให้เกียรติต่อเขาเหล่านั้นอย่างเต็มที่
ในบางกรณีเมื่อแลกเปลี่ยนระบบความคิดความเชื่อกันแล้ว เขายอมรับว่า คำสอนของพระองค์ดีกว่า เหนือกว่า ถูกต้องกว่า แทนที่พระองค์จะทรงดีพระทัย รีบรับเขาเป็นสาวก แต่เปล่าเลย พระองค์กลับทรงแนะนำให้เขายังคงปฏิบัติต่อลัทธินิกายที่ตนเคยศรัทธามาแต่ ก่อนด้วยความเคารพและให้เกียรติเหมือนเดิม
พระพุทธองค์ไม่ทรงกระหายสาวก และสาวกของพระองค์ก็มีปฏิปทาเช่นเดียวกันคือไม่กระหายศาสนิก ด้วยเหตุนี้ งานเผยแผ่พระพุทธศาสนาจึงเป็นไปอย่างสันติ เพราะมีเจตนาดีต่อการเผยแผ่ คือ ปรารถนาแต่จะให้ชาวโลกได้พบแต่สิ่งที่ดีที่สุดต่อตัวเขา ไม่ได้ปรารถนาจะมุ่งนำเขามาเพิ่มปริมาณให้กับศาสนาของตนเอง ท่าทีที่เปี่ยมด้วยความใจกว้างอย่างนี้ นอกจากกจะเป็นพุทธจริยาและเป็นปฏิปทาของชาวพุทธแล้ว ในแง่คำสอนก็มีหลักการที่เรียกว่า "สัจจานุรักษ์" ไว้ให้พุทธศาสนิกชนถือปฏิบัติเพื่อที่จะสามารถรับฟังเสียงที่ต่างออกไปได้ อย่างสันติอีกด้วย
คำว่า "สัจจานุรักษ์" แปลว่า "การตามรักษาความจริง" กล่าวคือ เมื่อใครมีความเห็นอย่างไร มีลัทธินิยมอุดมการณ์อย่างไรก็ตาม มากล่าวให้ตนฟัง มาแถลงให้ตนฟัง เราจะยังไม่ปฏิเสธทันที แต่เราจะรับฟังเขาอย่างดีที่สุดตั้งแต่ต้นจนจบด้วยความเคารพจากใจจริง จากนั้น หากเรามีความเห็นอย่างไร ก็จะขอโอกาสแสดงข้อคิดความเห็นของตนด้วยใจเป็นกลางอย่างสุภาพว่า “ที่ท่านกล่าวมานั้นก็ดีแล้ว...แต่ในส่วนของข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้ามีความเห็นเป็นอย่างนี้...” หรือ “เท่าที่ข้าพเจ้าได้ยินได้ฟังมา เรื่องนั้นมีว่าอย่างนี้...” หรือ “สิ่งที่ท่านกล่าวมานั้น จะผิดหรือถูกประการใด เอาไว้ก่อน ในส่วนของข้าพเจ้า ขอแลกเปลี่ยนกับท่านในเรื่องนี้ดังต่อไปนี้...”
(ติดตามตอนต่อไปวันพระหน้า)
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
'อหิงสา'มรรคาสู่สันติ(๙)ฟังด้วยหัวใจ : คันฉ่องและโคมฉาย โดยว.วชิรเมธี การมีใจกว้าง ไม่ผูกขาดสัจธรรม ยอมฟังความคิดเห็นที่แตกต่างอย่างให้เกียรติ นี่คือหัวใจของการนำไปสู่ความสุขสงบในใจ ความใจแคบ ไม่ยอมรับฟังข้อคิด ความเห็น หรือไม่ยอมเปิดใจเรียนรู้ลัทธินิยม อุดมการณ์ที่แตกต่างออกไปจากระบบความคิดระบบความเชื่อที่ตนเชื่อถือหรือ สังกัดอยู่ เป็นสาเหตุอันหนึ่งของความรุนแรง หรือในบางกรณีเป็นสาเหตุของสงครามที่คร่าชีวิตผู้คนมากมายนับไม่ถ้วน แต่ในสารบบคำสอนของพระพุทธเจ้า เราจะไม่พบท่าทีหรือคำสอนเช่นนี้เลย พระพุทธองค์ทรงสอนให้ชาวพุทธเป็นคนใจกว้าง สามารถรับฟังเสียงหรือความคิด ความเชื่อ ลัทธินิยมอุดมการณ์ที่แตกต่างออกไปอย่างสงบและด้วยการให้เกียรติอย่างดียิ่ง ท่าทีอย่างนี้ มีปรากฏชัดอยู่ในพุทธจริยาของพระองค์ที่ทรงนิยมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเจ้า ลัทธินิกายต่างๆ อยู่เสมอ บ่อยครั้งทรงนั่งฟัง นั่งสนทนา นั่งแลกเปลี่ยนกับคนที่มาชี้แจงแถลงข้อคิดความเห็นของตนให้พระองค์ฟังเป็น เวลานานอย่างสงบและด้วยท่าทีที่ให้เกียรติต่อเขาเหล่านั้นอย่างเต็มที่ ในบางกรณีเมื่อแลกเปลี่ยนระบบความคิดความเชื่อกันแล้ว เขายอมรับว่า คำสอนของพระองค์ดีกว่า เหนือกว่า ถูกต้องกว่า แทนที่พระองค์จะทรงดีพระทัย รีบรับเขาเป็นสาวก แต่เปล่าเลย พระองค์กลับทรงแนะนำให้เขายังคงปฏิบัติต่อลัทธินิกายที่ตนเคยศรัทธามาแต่ ก่อนด้วยความเคารพและให้เกียรติเหมือนเดิม พระพุทธองค์ไม่ทรงกระหายสาวก และสาวกของพระองค์ก็มีปฏิปทาเช่นเดียวกันคือไม่กระหายศาสนิก ด้วยเหตุนี้ งานเผยแผ่พระพุทธศาสนาจึงเป็นไปอย่างสันติ เพราะมีเจตนาดีต่อการเผยแผ่ คือ ปรารถนาแต่จะให้ชาวโลกได้พบแต่สิ่งที่ดีที่สุดต่อตัวเขา ไม่ได้ปรารถนาจะมุ่งนำเขามาเพิ่มปริมาณให้กับศาสนาของตนเอง ท่าทีที่เปี่ยมด้วยความใจกว้างอย่างนี้ นอกจากกจะเป็นพุทธจริยาและเป็นปฏิปทาของชาวพุทธแล้ว ในแง่คำสอนก็มีหลักการที่เรียกว่า "สัจจานุรักษ์" ไว้ให้พุทธศาสนิกชนถือปฏิบัติเพื่อที่จะสามารถรับฟังเสียงที่ต่างออกไปได้ อย่างสันติอีกด้วย คำว่า "สัจจานุรักษ์" แปลว่า "การตามรักษาความจริง" กล่าวคือ เมื่อใครมีความเห็นอย่างไร มีลัทธินิยมอุดมการณ์อย่างไรก็ตาม มากล่าวให้ตนฟัง มาแถลงให้ตนฟัง เราจะยังไม่ปฏิเสธทันที แต่เราจะรับฟังเขาอย่างดีที่สุดตั้งแต่ต้นจนจบด้วยความเคารพจากใจจริง จากนั้น หากเรามีความเห็นอย่างไร ก็จะขอโอกาสแสดงข้อคิดความเห็นของตนด้วยใจเป็นกลางอย่างสุภาพว่า “ที่ท่านกล่าวมานั้นก็ดีแล้ว...แต่ในส่วนของข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้ามีความเห็นเป็นอย่างนี้...” หรือ “เท่าที่ข้าพเจ้าได้ยินได้ฟังมา เรื่องนั้นมีว่าอย่างนี้...” หรือ “สิ่งที่ท่านกล่าวมานั้น จะผิดหรือถูกประการใด เอาไว้ก่อน ในส่วนของข้าพเจ้า ขอแลกเปลี่ยนกับท่านในเรื่องนี้ดังต่อไปนี้...” (ติดตามตอนต่อไปวันพระหน้า) ขอบคุณ http://www.komchadluek.net/detail/20130210/151449/อหิงสามรรคาสู่สันติ(๙)ฟังด้วยหัวใจ.html#.UXnrGkqja8o
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)