เปลือก..กระพี้..แก่นชีวิต"มีให้เลือก" แต่.."เป้าชีวิต"..ที่ต้องเลือก..คืออะไร?

แสดงความคิดเห็น

เงากลุ่มคน ชาย หญิง

โดย นายแพทย์วิชัย เทียนถาวร อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข : เมื่อ 2-3 เดือนก่อนนี้ ผู้เขียนได้รับเชิญไปบรรยายพิเศษ AEC กับจริยธรรมของศัลยแพทย์เสริมความงาม "จมูก" โดย ผศ.นพ.ชลทิศ สินรัชตานนท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งและเสริมสร้างใบหน้าแห่งประเทศไทย มีแพทย์ทั่วประเทศเข้าร่วมงานประมาณ 200 คน ผู้เขียนได้คุยกับน้องแพทย์ความงามด้วยความจริงใจและตรงไปตรงมาว่า ..ขอให้ใช้วิชาชีพอย่างตรงไปตรงมา ซื่อตรง จริงใจ รับผิดชอบในสิ่งที่ได้ทำ ขอร้องห้ามหลอกลวงคนไข้ คนจีนสมัยก่อนสอนลูกๆ หลานๆ เสมอว่า "ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน" เพราะเหนือแห่งการกระทำทั้งหมดคือ "กฎแห่งกรรม" หนีไม่พ้น วันนี้เลยตั้งใจจะเขียนถึงAECกับชีวิต...สำหรับพี่น้องสมาชิกมติชนอีกครั้งหนึ่ง...

ประชาคมอาเซียน 10 ประเทศ ในระยะเวลากว่า 40 ปีแห่งการก่อตั้ง จากจุดเริ่มต้นของการมุ่งเน้นสร้างความร่วมมือทางการเมืองและความมั่นคงร่วมกันในระยะแรก ได้ปรับเปลี่ยนไปสู่ความร่วมมือด้านอื่นๆ โดยเฉพาะเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น และในปี 2558 ประเทศสมาชิกอาเซียนได้วางแผนยกระดับความร่วมมือระหว่างกันไปสู่ทิศทางอื่น ที่ก้าวหน้าอีกระดับหนึ่ง ด้วยการจัดตั้ง "ประชาคมอาเซียน" (Asian Community: AC) ขึ้น เพื่อสนับสนุนการรวมตัวและความร่วมมือระหว่างกันอย่างรอบด้าน ประกอบด้วย 3 เสาหลัก ได้แก่ ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน (ASEAN Political Security Community: APSC) ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community: AEC) และประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน(ASEANSocio-CulturalCommunity:ASCC)

ต้องยอมรับว่า ประชาคมอาเซียนจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในวงกว้าง โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ จะก่อให้เกิดการจัดระบบและการเพิ่มขึ้นของการค้า การลงทุนและการบริการระหว่างประเทศ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการขยายตัวของเมือง การบริหารงานชายแดน การค้าชายแดน การแพทย์และสาธารณสุข การศึกษา การปฏิสัมพันธ์ทางสังคมอย่างใกล้ชิด การเคลื่อนย้ายคน และการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีและการสื่อสารอื่นๆ อีกมากมาย หากวิเคราะห์ดูจะพบว่า... กระแสและแนวโน้มปัญหาของคนส่วนใหญ่ทั่วโลกสู่ Asia ที่ถูกครอบงำด้วยระบบคิดและวิถีปฏิบัติของ "เศรษฐกิจทุนนิยม" คือการมุ่งแสวงหาความเกินพอดี...ซึ่งในระยะยาวๆจะนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้งความรุนแรงทั้งที่เปิดเผยและแอบแฝง

อีกทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลกในทุกระบบของสังคม เกิดจากการดิ้นรนอย่างขาดสติ เมื่อความเกินพอ มีมากอย่างต่อเนื่อง ทำให้เฟื่องฟูเป็นฟองสบู่ มุ่งสู่ความเป็น "ที่หนึ่ง" ความเป็น "เลิศ" พึ่งพิงและติด "กับดัก" "เงินตรา"แสวงหาและรักษาอำนาจทาง"เศรษฐกิจ""การเมือง" ทั้งสิ้น อาทิ ด้าน เศรษฐกิจ มุ่งเน้นการแข่งขัน เพื่อหวังผลกำไรสูงสุด ทุ่มเทโฆษณา ประชาสัมพันธ์สรรพคุณของสินค้าเกินจริง มากกว่าคุณภาพที่แท้จริงของตัวสินค้า เช่น เครื่องดื่มบำรุงกำลัง อาหารเสริมชนิดต่างๆ สินค้าแบรนด์เนมทั้งหลาย ที่เลวร้ายคือ การขาดจิตสำนึกสาธารณะ หวังลดต้นทุนของตัวเองหวังผลกำไรด้วยการปล่อยของเสีย หรือนำของเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิตออกสู่แม่น้ำลำคลองและที่สาธารณะอย่างไม่รับผิดชอบ

การศึกษาและการสื่อสาร แทนที่จะช่วยเตือนสติให้ประชาชนตระหนักคิด ใคร่ครวญความพอดีพอเพียง ให้หรือใส่ข้อมูลตอบสนอง "ทุนนิยม" มุ่งเน้นแต่แข่งขันกันอย่างสิ้นเชิง ผู้เขียนได้อ่านหนังสือชื่อ "ชีวิตที่ไม่เสียชาติเกิด" ของท่านพุทธทาสภิกขุ ได้บรรยายไว้ว่า ตามหลัก "ธรรมะ" นั้นถือว่าชีวิตนี้มันเป็น "Investment" อยู่ในตัวมันเองโดยธรรมชาติ ก็คือ "ชีวิต" นี้มีการ "ลงทุน" เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด ยิ่งขึ้นไป ยิ่งขึ้นไป จนกว่าจะถึงที่สุดแห่งชีวิต ลองพิจารณานำคำสอนของท่านพุทธทาสภิกขุ ไปปรับใช้กับภาวการณ์ที่จะเกิดขึ้นเมื่อเราก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนกันหน่อยปะไรจุดสูงสุดของชีวิต คือ การได้รับสิ่งที่ดีที่สุด แล้วอย่างไร?...หลวงพ่อแบ่งเป็น 2 ซีก 1) ชีวิตทาง "กาย" มันจะไปสูงสุดที่ไหนอย่างไร? 2) ชีวิตทางฝ่าย "จิต" มันจะไปสูงสุดที่ไหนอย่างไร?โปรดติดตาม

ฉะนั้นชีวิตนั้น มันมีการดิ้นรนอยู่เป็นปกติวิสัย เพื่อให้มันไปให้ถึงจุด "สูงสุด" มันก็เหมือนกับมีการลงทุนอยู่ในตัวชีวิตนั้น หลวงพ่อท่านเน้นว่า ชีวิตนี้มันเป็น "Investment" อยู่ในตัวมันเอง ถ้าเจ้าไม่โง่ก็คงจะใช้ให้เป็นประโยชน์ หรือได้รับประโยชน์ ได้รับกำไรเต็มที่ตามที่ธรรมชาติเขากำหนดให้ หลวงพ่อเคยวางเป็นหลักว่า "เกิดมาเป็นมนุษย์ ต้องได้รับสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้รับ" นี้เป็นหลักกว้างๆ ช่วยเอาไปคิดดู มนุษย์ต้องได้รับสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้รับ ถ้าไม่อย่างนั้นขออภัยที่ต้องพูดว่ามันไม่ใช่ "มนุษย์" มันไม่ใช่มนุษย์ ถ้าไม่ได้รับสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้รับ มันก็จะเป็นแค่เพียง "คน" หรือ "สัตว์ธรรมดาสามัญ" เท่านั้น

"สิ่งที่ดีที่สุด" นั้นหลวงพ่อบอกว่า "จะต้องได้มาด้วยสติปัญญา" โดยสัญชาตญาณแท้ๆ ชีวิตนี้ มันดิ้นรนที่จะเอาดีที่สุด เอามากที่สุด เอาสูงที่สุด ซึ่งมันมาแต่ความ "เห็นแก่ตัว" ชีวิตนี้มีความเห็นแก่ตัว เพราะมีความยึดมั่นถือมั่นว่า "ตัว" ว่า "ของตัว" อยู่เป็นพื้นฐาน มันจะเอาเพื่อ "ตัว" เพื่อเป็นของตัวให้มากที่สุด และเป็นสัญชาตญาณ ถ้าควบคุมไม่ได้ก็จะเตลิดไป เป็นการกระทำที่ผิดพลาด กลายเป็น "กิเลส" แล้วทำให้ตัวเองเดือดร้อน ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ถ้าควบคุมการจะเอาให้ดีที่สุดนี้ไว้ไม่ได้ มันก็จะกลายเป็น "เอาเลวที่สุดไป" ในที่สุด

คนเรายุคนี้โดยเฉพาะ ปัจจุบันสิ่งที่เห็นกัน มนุษย์เอาเปรียบกัน เบียดเบียนกัน ทำลายล้างกัน เพราะ "ความเห็นแก่ตัว" คนเดียวทำไม่ได้ ก็เกิดการรวมตัวกันเป็นกลุ่มผลประโยชน์ โลกนี้ระดับชาติหรือระดับท้องถิ่น ก็เกิดการแบ่งพวก แบ่งกลุ่มกันขึ้น คอยจ้องหาโอกาส เพื่อจะได้ผลประโยชน์ ก็เกิดประเภทต่างๆ ขึ้นมา หากวิเคราะห์ดูแล้วก็จะพบว่ามนุษย์ขณะนี้ กลายเป็นมนุษย์เศรษฐกิจ ก็หลงเศรษฐกิจ บูชาเศรษฐกิจ เอาเศรษฐกิจเป็นเครื่องมือ บ้างยึดด้านสังคมก็เอากลุ่มสังคมเป็นเครื่องมือ ล้วนแต่แสวงหาผลประโยชน์แก่ตัวเอง นั่นแหละคือประโยชน์สูงสุดที่มนุษย์ควรจะได้รับ แล้วมันก็ผิดโดยประการทั้งปวง หลวงพ่อบอกว่า ประโยชน์สูงสุดนี้มันก็ต้องการโดยสัญชาตญาณก็ได้ แต่ต้องควบคุม โดย "สติปัญญา" ด้วย "การศึกษา" ด้วย "ความรับผิดชอบชั่วดี" จึงจะปลอดภัย ฉะนั้นเราต้องศึกษาเพิ่มเติมในข้อนี้ เพื่อจะควบคุมสัญชาตญาณของการที่เห็นแต่จะได้นั้นไว้ให้ดีไว้ให้ถูกต้องอย่าให้มันเห็นไปในทาง"เห็นแต่จะได้โดยส่วนเดียว"

ทีนี้เรื่องสูงสุดที่มนุษย์ควรจะได้ก็ต้องแยกกัน ส่วนที่เป็นเปลือกก็หมายถึง "ร่างกาย วัตถุ" ส่วนที่เป็นเนื้อในแท้ๆ ก็หมายถึง "จิตวิญญาณ"...จะดีที่สุดในส่วนเปลือกหรือกระพี้ ก็ดูแล้วแต่ให้มันดีจริงๆ ก็แล้วกัน...จะดีที่สุดในส่วนจิตวิญญาณนั่นแหละเป็น"สำคัญที่สุดและต้องให้ดีจริงๆ...ครับ"

เรามาพิจารณาดูข้อ เท็จจริง...ทางกาย : เปลือก...กระพี้ คือ ปัจจัย 4 ฝ่ายร่างกายนี้ เราก็จะต้องมีอะไรที่ถูกต้อง "วัตถุปัจจัย" ที่จะส่งเสริมความเป็นอยู่...อย่างสงบกับ "พอเพียง เพียงพอ" เท่านั้น ไม่ใช่เป็นการไปกระตุ้นโลภหลงกิเลสไปเสีย ซึ่งก็ดี อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย เครื่องใช้ไม้สอย และยารักษาโรครวม 4 อย่าง...ถ้าสมัยนี้ถ้าพูดถึงคำ 4 คำนี้ นักเรียน นักศึกษา วัยรุ่น คนรุ่นใหม่ มักจะบอกว่าคำโบราณ คร่ำครึๆ เป็นคำวัดวา อยู่ในวัด หลวงพ่อบอกว่า มันเป็นหลักของธรรมชาติ ใช้ได้ตลอดกาลนิรันดร สิ่งที่มีชีวิตนี้จะต้องอยู่ด้วยปัจจัย 4 ถ้าเรามี 4 อย่างเบื้องต้นพอเพียงเท่านั้นแหละก็สบายดี ถ้าเรามีไม่พอ ก็ลำบาก ถ้าเรามีมากเกินไปก็เป็นเรื่อง"โง่"คือลำบากในสิ่งที่ไม่จำเป็นจนเป็นเครื่องทรมานชีวิต

อาหาร เรามีถูกต้องกินพอดีก็เป็นปัจจัยแก่ชีวิตที่สะดวกสบาย ปัจจุบันนี้เรามีอาหารมากเกินไป ต้องกินของดีๆ แพงๆ ก็เพื่อเอร็ดอร่อยลุกิเลส กินดีเกินไป กินมากเกินไป...จนเงินไม่พอใช้ ท้ายสุดจะเป็นเหยื่อชีวิต ทำลายชีวิตมีโรคภัยไข้เจ็บเงินเดือนไม่พอใช้เป็นการทำร้ายร่างกายและเศรษฐกิจ

เครื่องนุ่งห่ม ขอให้เครื่องนุ่งห่มเป็นเครื่องนุ่งห่มปกปิดร่างกายก็พอเพียง เพียงพอแล้ว เพื่อสะดวก สุขสบาย อย่าให้เป็นเรื่องเหยื่อล่อให้หลงใหล รูป สี แบรนด์เนม ในการ "เท่ สวย งาม" อย่าทำให้กลายเป็นเหยื่อล่อ โลภ หลงใหล ไว้อวดร่ำรวยทางฐานะ นี่ทำให้เสียเงินทองมาก เงินเดือนใช้ไม่พอ กลายเป็นคนโง่ ซื้อของแพงโดยไม่จำเป็น

ที่อยู่เครื่องใช้สอย อย่าให้เกินจำเป็นดูให้พอดี เดี๋ยวนี้เขามีเงินมาก เขาก็อวดกันเรื่องนี้มีตึก มีบ้าน มีรถยนต์ มีมือถือ ที่เปลี่ยนใหม่เรื่อยๆ ดาวน์น้อยผ่อนสบาย แถมโน่นแถมนี่ ท้ายสุดก็มีปัญหาทำให้จิตใจยุ่งยาก มีปัญหาหนี้สินผ่อนส่ง เป็นโรคจิต โรคประสาท วิตกกังวลกันมาก ขอให้มีแค่ส่งเสริมความสงบสุขแห่งชีวิตก็พอแล้ว

ยาขอให้เป็นยารักษาโรคจริงๆ อย่าให้เป็นของเล่น ยาอาหารเสริม เพิ่มความหล่อ สวยงาม อายุยืน กินแล้วไม่แก่ เซ็กซ์ดีขึ้น เตะปี๊บดัง...ขออย่าได้ใช้ไปในทางส่งเสริมกิเลส หลงผิด ท้ายสุดก็จะพบผลเสียต่อร่างกาย แพ้ยา มีผลข้างเคียง พิษของยา เป็นการใช้ยาผิดวัตถุประสงค์ ผิดธรรมชาติ...ทำให้เสียเงิน เสียทอง เสียชีวิตในที่สุดได้

ทั้งหมดนี้ถึงแม้เราหรือท่านเป็นคนมีเศรษฐกิจดี รวยมากๆ อย่างไร...เป็นคนตั้งใจชอบอะไรที่สุดๆ แห่งชีวิต เช่น สวยงามที่สุด ใช้ของแพงที่สุด เท่ที่สุด หวังจะเป็นคนที่จะได้ชื่อว่า "เสพ" ดีที่สุดๆ มันจะกลายเป็นเลวร้ายที่สุดๆ...เสมอๆนะ

ทางจิต : ก็ต้องมีจิตสูง อยู่เหนือปัญหา "จิตใจดีที่สุด สำหรับความเป็นมนุษย์คืออะไร?" อันแรกที่สุดให้ถือหลักว่า "ต้องมีจิตใจสูง เหนือปัญหา เหนือความทุกข์" คนมีจิตใจสูงไม่อาจจะเกิดปัญหา จนไม่อาจจะเกิดความทุกข์คือสูงจนไม่มีกิเลสและไม่มีความทุกข์เรียกว่า"จิตใจสูง"

ปัจจุบันนี้ด้วยกระแสโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ตามที่เกริ่นไว้ข้างต้นในประเด็นของเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี การสื่อสาร และการเมือง...จะพบว่าคนเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง หากเทียบกับ "คน" รุ่นเก่าๆ ไม่ถึงกับต้องเป็นคนโบราณก็ได้ ไฟแห่งการมัวเมากิเลส ราคะ โทสะ โมหะ ไว้เป็นเครื่องหล่อชีวิตสูง โลกเราก็ร้อนขึ้นเรื่อยๆ เกิดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมสูงมาก เช่น เอาเหล็ก เอาน้ำมันมาทำเป็น "รถยนต์" ขับขี่มากขึ้นๆ มีไว้โอ้อวดกัน"คน"เราเมื่อจิตใจหล่อเลี้ยงด้วย โลภะ โทสะ โมหะ ภายใน มันก็จะร้อนไปตาม "กิเลส" ที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิด "ตัณหา" อยากมี อยากได้ อยากเป็น ด้วยกระบวนการสื่อสาร โฆษณาชวนเชื่อ หลงผิดไปต่างๆ นานา ถดถอยทาง "จิต" ถดถอยทางเศรษฐกิจ เพราะมันแพง ถดถอยทางสังคม เพราะเกิดการเบียดเบียน ความคิดถดถอย... มันจึงมีอะไรๆออกมาในลัทธิการทำลายกันเองทำลายบ้านเมืองในที่สุดก็ไปไม่ถึงจุดหมาย

กระแสจะไปอย่างไรก็ช่าง แต่กับตัวเรา ที่จะก้าวไปให้ถึง "จุดหมาย" ปลายทางที่ดีที่สุดนั้น มันต้องมีความถูกต้อง "ดีที่สุด" ทั้งทางกายและทางจิตใจ เป็นส่วนหนึ่ง ยังมีอีกส่วนหนึ่งก็คือ "เพื่อนของเรา" เพื่อนของเราที่เรียกว่า "สังคม" นั่นแหละ ต้องไปด้วยกัน เราคนเดียวนั้นไม่พอ ไม่เป็นไปได้ด้วย เราจะมีความสุขคนเดียว ดีอยู่คนเดียวไม่ได้ เพื่อนของเราต้องไปด้วยกัน หมายความว่า "สังคมของเราต้องถูกต้อง ต้องดีด้วย"

ผู้เขียนอยากให้ถามตัวเอง เสมอว่า "ชีวิตเราจะเอาอะไรแน่?" เราทำความถูกต้องดีที่สุดแล้วหรือยัง และอยากสรุปว่า "เรานี้เกิดมาเพื่อให้เพื่อนมนุษย์ทุกคนรวมทั้งเราด้วย อยู่กันด้วยความสงบร่มเย็นอย่างผาสุก" ใต้ร่มเงาแห่ง "พุทธศาสนา" หรือ "ธรรมปฏิบัติ" และ "วัฒนธรรมไทย" ด้วยสามัญสำนึก อย่างรู้เท่าทัน...หรืออย่างมี "สติ" ไงเล่าครับ

ขอบคุณ... http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1364446310&grpid=03&catid=&subcatid= (ขนาดไฟล์: 167)

ที่มา: มติชนออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 28 มี.ค.56
วันที่โพสต์: 29/03/2556 เวลา 04:42:29 ดูภาพสไลด์โชว์ เปลือก..กระพี้..แก่นชีวิต"มีให้เลือก" แต่.."เป้าชีวิต"..ที่ต้องเลือก..คืออะไร?

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

เงากลุ่มคน ชาย หญิง โดย นายแพทย์วิชัย เทียนถาวร อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข : เมื่อ 2-3 เดือนก่อนนี้ ผู้เขียนได้รับเชิญไปบรรยายพิเศษ AEC กับจริยธรรมของศัลยแพทย์เสริมความงาม "จมูก" โดย ผศ.นพ.ชลทิศ สินรัชตานนท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งและเสริมสร้างใบหน้าแห่งประเทศไทย มีแพทย์ทั่วประเทศเข้าร่วมงานประมาณ 200 คน ผู้เขียนได้คุยกับน้องแพทย์ความงามด้วยความจริงใจและตรงไปตรงมาว่า ..ขอให้ใช้วิชาชีพอย่างตรงไปตรงมา ซื่อตรง จริงใจ รับผิดชอบในสิ่งที่ได้ทำ ขอร้องห้ามหลอกลวงคนไข้ คนจีนสมัยก่อนสอนลูกๆ หลานๆ เสมอว่า "ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน" เพราะเหนือแห่งการกระทำทั้งหมดคือ "กฎแห่งกรรม" หนีไม่พ้น วันนี้เลยตั้งใจจะเขียนถึงAECกับชีวิต...สำหรับพี่น้องสมาชิกมติชนอีกครั้งหนึ่ง... ประชาคมอาเซียน 10 ประเทศ ในระยะเวลากว่า 40 ปีแห่งการก่อตั้ง จากจุดเริ่มต้นของการมุ่งเน้นสร้างความร่วมมือทางการเมืองและความมั่นคงร่วมกันในระยะแรก ได้ปรับเปลี่ยนไปสู่ความร่วมมือด้านอื่นๆ โดยเฉพาะเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น และในปี 2558 ประเทศสมาชิกอาเซียนได้วางแผนยกระดับความร่วมมือระหว่างกันไปสู่ทิศทางอื่น ที่ก้าวหน้าอีกระดับหนึ่ง ด้วยการจัดตั้ง "ประชาคมอาเซียน" (Asian Community: AC) ขึ้น เพื่อสนับสนุนการรวมตัวและความร่วมมือระหว่างกันอย่างรอบด้าน ประกอบด้วย 3 เสาหลัก ได้แก่ ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน (ASEAN Political Security Community: APSC) ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community: AEC) และประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน(ASEANSocio-CulturalCommunity:ASCC) ต้องยอมรับว่า ประชาคมอาเซียนจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในวงกว้าง โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ จะก่อให้เกิดการจัดระบบและการเพิ่มขึ้นของการค้า การลงทุนและการบริการระหว่างประเทศ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการขยายตัวของเมือง การบริหารงานชายแดน การค้าชายแดน การแพทย์และสาธารณสุข การศึกษา การปฏิสัมพันธ์ทางสังคมอย่างใกล้ชิด การเคลื่อนย้ายคน และการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีและการสื่อสารอื่นๆ อีกมากมาย หากวิเคราะห์ดูจะพบว่า... กระแสและแนวโน้มปัญหาของคนส่วนใหญ่ทั่วโลกสู่ Asia ที่ถูกครอบงำด้วยระบบคิดและวิถีปฏิบัติของ "เศรษฐกิจทุนนิยม" คือการมุ่งแสวงหาความเกินพอดี...ซึ่งในระยะยาวๆจะนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้งความรุนแรงทั้งที่เปิดเผยและแอบแฝง อีกทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลกในทุกระบบของสังคม เกิดจากการดิ้นรนอย่างขาดสติ เมื่อความเกินพอ มีมากอย่างต่อเนื่อง ทำให้เฟื่องฟูเป็นฟองสบู่ มุ่งสู่ความเป็น "ที่หนึ่ง" ความเป็น "เลิศ" พึ่งพิงและติด "กับดัก" "เงินตรา"แสวงหาและรักษาอำนาจทาง"เศรษฐกิจ""การเมือง" ทั้งสิ้น อาทิ ด้าน เศรษฐกิจ มุ่งเน้นการแข่งขัน เพื่อหวังผลกำไรสูงสุด ทุ่มเทโฆษณา ประชาสัมพันธ์สรรพคุณของสินค้าเกินจริง มากกว่าคุณภาพที่แท้จริงของตัวสินค้า เช่น เครื่องดื่มบำรุงกำลัง อาหารเสริมชนิดต่างๆ สินค้าแบรนด์เนมทั้งหลาย ที่เลวร้ายคือ การขาดจิตสำนึกสาธารณะ หวังลดต้นทุนของตัวเองหวังผลกำไรด้วยการปล่อยของเสีย หรือนำของเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิตออกสู่แม่น้ำลำคลองและที่สาธารณะอย่างไม่รับผิดชอบ การศึกษาและการสื่อสาร แทนที่จะช่วยเตือนสติให้ประชาชนตระหนักคิด ใคร่ครวญความพอดีพอเพียง ให้หรือใส่ข้อมูลตอบสนอง "ทุนนิยม" มุ่งเน้นแต่แข่งขันกันอย่างสิ้นเชิง ผู้เขียนได้อ่านหนังสือชื่อ "ชีวิตที่ไม่เสียชาติเกิด" ของท่านพุทธทาสภิกขุ ได้บรรยายไว้ว่า ตามหลัก "ธรรมะ" นั้นถือว่าชีวิตนี้มันเป็น "Investment" อยู่ในตัวมันเองโดยธรรมชาติ ก็คือ "ชีวิต" นี้มีการ "ลงทุน" เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด ยิ่งขึ้นไป ยิ่งขึ้นไป จนกว่าจะถึงที่สุดแห่งชีวิต ลองพิจารณานำคำสอนของท่านพุทธทาสภิกขุ ไปปรับใช้กับภาวการณ์ที่จะเกิดขึ้นเมื่อเราก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนกันหน่อยปะไรจุดสูงสุดของชีวิต คือ การได้รับสิ่งที่ดีที่สุด แล้วอย่างไร?...หลวงพ่อแบ่งเป็น 2 ซีก 1) ชีวิตทาง "กาย" มันจะไปสูงสุดที่ไหนอย่างไร? 2) ชีวิตทางฝ่าย "จิต" มันจะไปสูงสุดที่ไหนอย่างไร?โปรดติดตาม ฉะนั้นชีวิตนั้น มันมีการดิ้นรนอยู่เป็นปกติวิสัย เพื่อให้มันไปให้ถึงจุด "สูงสุด" มันก็เหมือนกับมีการลงทุนอยู่ในตัวชีวิตนั้น หลวงพ่อท่านเน้นว่า ชีวิตนี้มันเป็น "Investment" อยู่ในตัวมันเอง ถ้าเจ้าไม่โง่ก็คงจะใช้ให้เป็นประโยชน์ หรือได้รับประโยชน์ ได้รับกำไรเต็มที่ตามที่ธรรมชาติเขากำหนดให้ หลวงพ่อเคยวางเป็นหลักว่า "เกิดมาเป็นมนุษย์ ต้องได้รับสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้รับ" นี้เป็นหลักกว้างๆ ช่วยเอาไปคิดดู มนุษย์ต้องได้รับสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้รับ ถ้าไม่อย่างนั้นขออภัยที่ต้องพูดว่ามันไม่ใช่ "มนุษย์" มันไม่ใช่มนุษย์ ถ้าไม่ได้รับสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้รับ มันก็จะเป็นแค่เพียง "คน" หรือ "สัตว์ธรรมดาสามัญ" เท่านั้น "สิ่งที่ดีที่สุด" นั้นหลวงพ่อบอกว่า "จะต้องได้มาด้วยสติปัญญา" โดยสัญชาตญาณแท้ๆ ชีวิตนี้ มันดิ้นรนที่จะเอาดีที่สุด เอามากที่สุด เอาสูงที่สุด ซึ่งมันมาแต่ความ "เห็นแก่ตัว" ชีวิตนี้มีความเห็นแก่ตัว เพราะมีความยึดมั่นถือมั่นว่า "ตัว" ว่า "ของตัว" อยู่เป็นพื้นฐาน มันจะเอาเพื่อ "ตัว" เพื่อเป็นของตัวให้มากที่สุด และเป็นสัญชาตญาณ ถ้าควบคุมไม่ได้ก็จะเตลิดไป เป็นการกระทำที่ผิดพลาด กลายเป็น "กิเลส" แล้วทำให้ตัวเองเดือดร้อน ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ถ้าควบคุมการจะเอาให้ดีที่สุดนี้ไว้ไม่ได้ มันก็จะกลายเป็น "เอาเลวที่สุดไป" ในที่สุด คนเรายุคนี้โดยเฉพาะ ปัจจุบันสิ่งที่เห็นกัน มนุษย์เอาเปรียบกัน เบียดเบียนกัน ทำลายล้างกัน เพราะ "ความเห็นแก่ตัว" คนเดียวทำไม่ได้ ก็เกิดการรวมตัวกันเป็นกลุ่มผลประโยชน์ โลกนี้ระดับชาติหรือระดับท้องถิ่น ก็เกิดการแบ่งพวก แบ่งกลุ่มกันขึ้น คอยจ้องหาโอกาส เพื่อจะได้ผลประโยชน์ ก็เกิดประเภทต่างๆ ขึ้นมา หากวิเคราะห์ดูแล้วก็จะพบว่ามนุษย์ขณะนี้ กลายเป็นมนุษย์เศรษฐกิจ ก็หลงเศรษฐกิจ บูชาเศรษฐกิจ เอาเศรษฐกิจเป็นเครื่องมือ บ้างยึดด้านสังคมก็เอากลุ่มสังคมเป็นเครื่องมือ ล้วนแต่แสวงหาผลประโยชน์แก่ตัวเอง นั่นแหละคือประโยชน์สูงสุดที่มนุษย์ควรจะได้รับ แล้วมันก็ผิดโดยประการทั้งปวง หลวงพ่อบอกว่า ประโยชน์สูงสุดนี้มันก็ต้องการโดยสัญชาตญาณก็ได้ แต่ต้องควบคุม โดย "สติปัญญา" ด้วย "การศึกษา" ด้วย "ความรับผิดชอบชั่วดี" จึงจะปลอดภัย ฉะนั้นเราต้องศึกษาเพิ่มเติมในข้อนี้ เพื่อจะควบคุมสัญชาตญาณของการที่เห็นแต่จะได้นั้นไว้ให้ดีไว้ให้ถูกต้องอย่าให้มันเห็นไปในทาง"เห็นแต่จะได้โดยส่วนเดียว" ทีนี้เรื่องสูงสุดที่มนุษย์ควรจะได้ก็ต้องแยกกัน ส่วนที่เป็นเปลือกก็หมายถึง "ร่างกาย วัตถุ" ส่วนที่เป็นเนื้อในแท้ๆ ก็หมายถึง "จิตวิญญาณ"...จะดีที่สุดในส่วนเปลือกหรือกระพี้ ก็ดูแล้วแต่ให้มันดีจริงๆ ก็แล้วกัน...จะดีที่สุดในส่วนจิตวิญญาณนั่นแหละเป็น"สำคัญที่สุดและต้องให้ดีจริงๆ...ครับ" เรามาพิจารณาดูข้อ เท็จจริง...ทางกาย : เปลือก...กระพี้ คือ ปัจจัย 4 ฝ่ายร่างกายนี้ เราก็จะต้องมีอะไรที่ถูกต้อง "วัตถุปัจจัย" ที่จะส่งเสริมความเป็นอยู่...อย่างสงบกับ "พอเพียง เพียงพอ" เท่านั้น ไม่ใช่เป็นการไปกระตุ้นโลภหลงกิเลสไปเสีย ซึ่งก็ดี อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย เครื่องใช้ไม้สอย และยารักษาโรครวม 4 อย่าง...ถ้าสมัยนี้ถ้าพูดถึงคำ 4 คำนี้ นักเรียน นักศึกษา วัยรุ่น คนรุ่นใหม่ มักจะบอกว่าคำโบราณ คร่ำครึๆ เป็นคำวัดวา อยู่ในวัด หลวงพ่อบอกว่า มันเป็นหลักของธรรมชาติ ใช้ได้ตลอดกาลนิรันดร สิ่งที่มีชีวิตนี้จะต้องอยู่ด้วยปัจจัย 4 ถ้าเรามี 4 อย่างเบื้องต้นพอเพียงเท่านั้นแหละก็สบายดี ถ้าเรามีไม่พอ ก็ลำบาก ถ้าเรามีมากเกินไปก็เป็นเรื่อง"โง่"คือลำบากในสิ่งที่ไม่จำเป็นจนเป็นเครื่องทรมานชีวิต อาหาร เรามีถูกต้องกินพอดีก็เป็นปัจจัยแก่ชีวิตที่สะดวกสบาย ปัจจุบันนี้เรามีอาหารมากเกินไป ต้องกินของดีๆ แพงๆ ก็เพื่อเอร็ดอร่อยลุกิเลส กินดีเกินไป กินมากเกินไป...จนเงินไม่พอใช้ ท้ายสุดจะเป็นเหยื่อชีวิต ทำลายชีวิตมีโรคภัยไข้เจ็บเงินเดือนไม่พอใช้เป็นการทำร้ายร่างกายและเศรษฐกิจ เครื่องนุ่งห่ม ขอให้เครื่องนุ่งห่มเป็นเครื่องนุ่งห่มปกปิดร่างกายก็พอเพียง เพียงพอแล้ว เพื่อสะดวก สุขสบาย อย่าให้เป็นเรื่องเหยื่อล่อให้หลงใหล รูป สี แบรนด์เนม ในการ "เท่ สวย งาม" อย่าทำให้กลายเป็นเหยื่อล่อ โลภ หลงใหล ไว้อวดร่ำรวยทางฐานะ นี่ทำให้เสียเงินทองมาก เงินเดือนใช้ไม่พอ กลายเป็นคนโง่ ซื้อของแพงโดยไม่จำเป็น ที่อยู่เครื่องใช้สอย อย่าให้เกินจำเป็นดูให้พอดี เดี๋ยวนี้เขามีเงินมาก เขาก็อวดกันเรื่องนี้มีตึก มีบ้าน มีรถยนต์ มีมือถือ ที่เปลี่ยนใหม่เรื่อยๆ ดาวน์น้อยผ่อนสบาย

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...