ร่าง กมธ. แก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา (1)
ในขณะนี้คณะกรรมาธิการ (กมธ.) แก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราทั้ง 3 คณะ ยังอยู่ระหว่างให้ “ผู้แปรญัตติ” มาชี้แจงประกอบคำแปรญัตติต่อกมธ. ก่อนที่จะได้มีการนำเสนอรายงานต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาในวาระ 2 และ 3
ซึ่งคอลัมน์ “เกาะติดรัฐธรรมนูญ” จะขอนำรายละเอียดสรุปผลการพิจารณาของ กมธ.ทั้ง 3 คณะ มานำเสนอว่าได้มีการแก้ไข หรือเพิ่มเติมเนื้อหาจากที่ได้รับหลักการในวาระที่ 1 มากน้อยแค่ไหน ดังนี้ 1.คณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 68 และมาตรา 237) มีจำนวน 5 มาตรา โดยมีผู้แปรญัตติ 203 คน
มาตรา 1 ไม่มีการแก้ไข
“มาตรา 1 รัฐธรรมนูญนี้เรียกว่า “รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พุทธศักราช...”
มาตรา 2 ไม่มีการแก้ไข
“มาตรา 2 รัฐธรรมนูญนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป”
มาตรา 3 (แก้ไขมาตรา 68 ) มีการแก้ไข
“มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“มาตรา 68 บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามหมวด 3 แห่งรัฐธรรมนูญนี้ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตาม รัฐธรรมนูญนี้หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิ ได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ มิได้
ในกรณีที่บุคคลหรือพรรคการเมืองใดกระทำการตามวรรคหนึ่ง ผู้ทราบการกระทำดังกล่าวย่อมมีสิทธิเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อ เท็จจริง เมื่ออัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการกระทำที่ต้องห้าม ตามวรรคหนึ่ง ให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้ยกเลิกการ กระทำดังกล่าว แต่ทั้งนี้ ไม่กระทบกระเทือนการดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำการดังกล่าว หากอัยการสูงสุดเห็นว่าไม่เป็นการกระทำที่ต้องห้ามตามวรรคหนึ่ง หรือการเสนอเรื่องไม่เป็นการเสนอตามวรรคนี้ ให้สั่งยุติเรื่อง คำสั่งของอัยการสูงสุดที่สั่งยุติเรื่องให้เป็นที่สุด
การตรวจสอบข้อเท็จจริงตามวรรคสอง ให้อัยการสูงสุดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับ เรื่อง หากอัยการสูงสุดไม่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดัง กล่าวให้ผู้ทราบการกระทำมีสิทธิเสนอเรื่องนั้นเพื่อร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยสั่งการให้โดยตรง ซึ่งต้องยื่นภายในสามสิบวันนับแต่ครบกำหนดเวลาที่อัยการสูงสุดดำเนินการตรวจ สอบข้อเท็จจริง
ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้พรรคการเมืองใดเลิกกระทำการตามวรรคสองศาลรัฐธรรมนูญอาจสั่งยุบพรรคการเมืองดังกล่าวได้”
มาตรา 4 (แก้ไขมาตรา 237) ไม่มีการแก้ไข
มาตรา 5 ไม่มีการแก้ไข
“มาตรา 5 ให้การเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการ เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาของหัวหน้าพรรค การเมืองหรือกรรมการบริหารพรรคการเมืองเพราะเหตุมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคการ เมืองตามมาตรา 68หรือมาตรา237วรรคสอง เป็นอันสิ้นสุด และให้ถือว่าบุคคลผู้นั้นไม่เคยเป็นผู้ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง”
ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/article/15675/210506 (ขนาดไฟล์: 167)
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
ในขณะนี้คณะกรรมาธิการ (กมธ.) แก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราทั้ง 3 คณะ ยังอยู่ระหว่างให้ “ผู้แปรญัตติ” มาชี้แจงประกอบคำแปรญัตติต่อกมธ. ก่อนที่จะได้มีการนำเสนอรายงานต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาในวาระ 2 และ 3 ซึ่งคอลัมน์ “เกาะติดรัฐธรรมนูญ” จะขอนำรายละเอียดสรุปผลการพิจารณาของ กมธ.ทั้ง 3 คณะ มานำเสนอว่าได้มีการแก้ไข หรือเพิ่มเติมเนื้อหาจากที่ได้รับหลักการในวาระที่ 1 มากน้อยแค่ไหน ดังนี้ 1.คณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 68 และมาตรา 237) มีจำนวน 5 มาตรา โดยมีผู้แปรญัตติ 203 คน มาตรา 1 ไม่มีการแก้ไข “มาตรา 1 รัฐธรรมนูญนี้เรียกว่า “รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พุทธศักราช...” มาตรา 2 ไม่มีการแก้ไข “มาตรา 2 รัฐธรรมนูญนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป” มาตรา 3 (แก้ไขมาตรา 68 ) มีการแก้ไข “มาตรา 3 ให้ยกเลิกความในมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “มาตรา 68 บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามหมวด 3 แห่งรัฐธรรมนูญนี้ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตาม รัฐธรรมนูญนี้หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิ ได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ มิได้ ในกรณีที่บุคคลหรือพรรคการเมืองใดกระทำการตามวรรคหนึ่ง ผู้ทราบการกระทำดังกล่าวย่อมมีสิทธิเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อ เท็จจริง เมื่ออัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการกระทำที่ต้องห้าม ตามวรรคหนึ่ง ให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้ยกเลิกการ กระทำดังกล่าว แต่ทั้งนี้ ไม่กระทบกระเทือนการดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำการดังกล่าว หากอัยการสูงสุดเห็นว่าไม่เป็นการกระทำที่ต้องห้ามตามวรรคหนึ่ง หรือการเสนอเรื่องไม่เป็นการเสนอตามวรรคนี้ ให้สั่งยุติเรื่อง คำสั่งของอัยการสูงสุดที่สั่งยุติเรื่องให้เป็นที่สุด การตรวจสอบข้อเท็จจริงตามวรรคสอง ให้อัยการสูงสุดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับ เรื่อง หากอัยการสูงสุดไม่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดัง กล่าวให้ผู้ทราบการกระทำมีสิทธิเสนอเรื่องนั้นเพื่อร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยสั่งการให้โดยตรง ซึ่งต้องยื่นภายในสามสิบวันนับแต่ครบกำหนดเวลาที่อัยการสูงสุดดำเนินการตรวจ สอบข้อเท็จจริง ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้พรรคการเมืองใดเลิกกระทำการตามวรรคสองศาลรัฐธรรมนูญอาจสั่งยุบพรรคการเมืองดังกล่าวได้” มาตรา 4 (แก้ไขมาตรา 237) ไม่มีการแก้ไข มาตรา 5 ไม่มีการแก้ไข “มาตรา 5 ให้การเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการ เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาของหัวหน้าพรรค การเมืองหรือกรรมการบริหารพรรคการเมืองเพราะเหตุมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคการ เมืองตามมาตรา 68หรือมาตรา237วรรคสอง เป็นอันสิ้นสุด และให้ถือว่าบุคคลผู้นั้นไม่เคยเป็นผู้ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง” ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/article/15675/210506
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)