นักวิชาการสวด-ระบบการเมืองไทย เนื้อร้ายขายเสียง-ทาสทางการเมือง
ที่ รร.รามาการ์เด้นส์ วันที่ 28 ก.ย. สถาบันพระปกเกล้า จัดโครงการสัมมนาเรื่อง “ระบบการคัดสรรผู้แทนที่เหมาะสมกับสังคมไทย” ภายใต้โครงการศึกษา “รัฐธรรมนูญที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย” โดยนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวปาฐกถา เรื่อง “ระบบการคัดสรรผู้แทนที่พึงประสงค์” ว่า สำหรับปัญหาและอุปสรรคระบบการเลือกตั้งไทยมีด้วยกันหลายเรื่อง อาทิ
1.ปัญหาการสิทธิ์ขายเสียง ซึ่งถือเป็นปัญหาร้ายแรงในระบบการเลือกตั้งของไทยที่มีมาโดยตลอด จนเกิดความพยายามในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อป้องกันหรือลดการซื้อสิทธิ์ขายเสียง รวมถึงความล้มเหลวในการกำหนดมาตรการต่างๆ ในการสกัดการซื้อสิทธิ์ขายเสียงที่เกิดขึ้น เพราะมิได้มุ่งที่จะแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิ์ขายเสียงอย่างแท้จริง แม้ว่าจะมีการแจกใบเหลือง-ใบแดง กับผู้ที่กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งก็ตาม โดยมูลเหตุจูงใจในการซื้อเสียงของพรรคการเมืองและนักการเมือง คือ ความต้องการที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาล และความต้องการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหรือตำแหน่งบริหารของนักการเมือง 2.ระบบการตรวจสอบอ่อนแอ คือ ถ้านายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าพรรคเสียงข้างมากในสภาเพียงพรรคเดียว จะทำให้การตรวจสอบฝ่ายบริหารไม่สามารถทำได้ และหัวหน้าพรรคมีลักษณะเป็นเผด็จการการเลือกตั้ง เพราะหัวหน้าพรรคจะมีอำนาจเหนือฝ่ายนิติบัญญัติ หรือถ้ารัฐบาลเป็นรัฐบาลพรรคเดียว หรือเป็นรัฐบาลผสมที่มีเสียงเกินครึ่งจำนวนมาก การตรวจสอบโดยการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านก็จะไม่ต่างอะไรกับการปาหี่การเมือง
นายสมบัติ กล่าวต่อว่า 3.ระบบพรรคการเมืองไม่ใช่ของประชาชนอย่างแท้จริง เกิดระบบทาสทางการเมือง ไม่ได้ส่งเสริมให้พรรคการเมืองเกิดความเข้มแข็ง ไม่ใช่สมบัติของประชาชน แต่เป็นอำนาจของหัวหน้าพรรค และจากการที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ยุบพรรคการเมือง ทำให้พรรคการเมืองหลายพรรคต้องถูกยุบพรรค สิ่งเหล่านี้จึงทำให้ระบบพรรคการเมืองของไทยอ่อนแอลง ยกตัวอย่างประเทศที่พัฒนาแล้ว พรรคการเมืองจะเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะประเทศอังกฤษ หากเลือกตั้งแล้วแพ้ หัวหน้าพรรคการเมืองก็จะยอมลาออก ไม่กลับเข้ามารับตำแหน่งอีก
นายสมบัติ กล่าวด้วยว่า เมื่อพิจารณาบริบทของสังคมเกี่ยวกับการเลือกตั้งนั้น สังคมใดที่เป็นประเทศด้อยพัฒนา หรือกำลังพัฒนา จะมีประชาชนที่เป็นชนชั้นล่างเกิดปัญหาความยากจนเป็นส่วนใหญ่ และเป็นผู้กำหนดผู้ปกครองในสังคมนั้น และมองว่าการตัดสินใจของคนกลุ่มนี้จะคำนึงถึงผลประโยชน์เฉพาะหน้า เช่น เลือกเครือญาติของตนหรือผู้ที่ใช้เงินซื้อเสียง โดยไม่คำนึงถึงคุณสมบัติของผู้สมัคร เมื่อได้ผู้แทนเข้ามาก็จะไม่ตรวจสอบการ ทำให้หน้าทำให้ผู้ที่เข้ามาบริหารก็จะมีทุจริตทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้าช้า ซึ่งแตกต่างจากประเทศที่พัฒนาแล้วที่มีประชาชนส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลาง มีการศึกษาการตัดสินใจเลือกผู้สมัครจะเลือกด้วยความอิสระ มีการตรวจสอบประวัติและพฤติกรรมของผู้สมัครทำให้ได้ผู้แทนที่มีความสามารถ และมีการตรวจสอบการทำงาน ทำให้ผู้ได้รับเลือกตั้งทำงานอย่างเต็มที่และประเทศเหล่านี้จะพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามมองว่าคุณลักษณะสำคัญของนักการเมืองที่ดีควรจะเป็นผู้ยึดมั่นใน คุณธรรมทางการเมืองอย่างมั่นคง เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ เสียสละ โดยวิถีทางของนักการเมืองที่ดีควรจะเป็นผู้คิดดีทำดีอย่างมั่นคง มุ่งประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน มุ่งมั่นและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค
ยังไม่มีเรตติ้ง
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
ภายในห้องสัมมนาที่ รร.รามาการ์เด้นส์ วันที่ 28 ก.ย. สถาบันพระปกเกล้า จัดโครงการสัมมนาเรื่อง “ระบบการคัดสรรผู้แทนที่เหมาะสมกับสังคมไทย” ภายใต้โครงการศึกษา “รัฐธรรมนูญที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย” โดยนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวปาฐกถา เรื่อง “ระบบการคัดสรรผู้แทนที่พึงประสงค์” ว่า สำหรับปัญหาและอุปสรรคระบบการเลือกตั้งไทยมีด้วยกันหลายเรื่อง อาทิ 1.ปัญหาการสิทธิ์ขายเสียง ซึ่งถือเป็นปัญหาร้ายแรงในระบบการเลือกตั้งของไทยที่มีมาโดยตลอด จนเกิดความพยายามในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อป้องกันหรือลดการซื้อสิทธิ์ขายเสียง รวมถึงความล้มเหลวในการกำหนดมาตรการต่างๆ ในการสกัดการซื้อสิทธิ์ขายเสียงที่เกิดขึ้น เพราะมิได้มุ่งที่จะแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิ์ขายเสียงอย่างแท้จริง แม้ว่าจะมีการแจกใบเหลือง-ใบแดง กับผู้ที่กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งก็ตาม โดยมูลเหตุจูงใจในการซื้อเสียงของพรรคการเมืองและนักการเมือง คือ ความต้องการที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาล และความต้องการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหรือตำแหน่งบริหารของนักการเมือง 2.ระบบการตรวจสอบอ่อนแอ คือ ถ้านายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าพรรคเสียงข้างมากในสภาเพียงพรรคเดียว จะทำให้การตรวจสอบฝ่ายบริหารไม่สามารถทำได้ และหัวหน้าพรรคมีลักษณะเป็นเผด็จการการเลือกตั้ง เพราะหัวหน้าพรรคจะมีอำนาจเหนือฝ่ายนิติบัญญัติ หรือถ้ารัฐบาลเป็นรัฐบาลพรรคเดียว หรือเป็นรัฐบาลผสมที่มีเสียงเกินครึ่งจำนวนมาก การตรวจสอบโดยการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านก็จะไม่ต่างอะไรกับการปาหี่การเมือง นายสมบัติ กล่าวต่อว่า 3.ระบบพรรคการเมืองไม่ใช่ของประชาชนอย่างแท้จริง เกิดระบบทาสทางการเมือง ไม่ได้ส่งเสริมให้พรรคการเมืองเกิดความเข้มแข็ง ไม่ใช่สมบัติของประชาชน แต่เป็นอำนาจของหัวหน้าพรรค และจากการที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ยุบพรรคการเมือง ทำให้พรรคการเมืองหลายพรรคต้องถูกยุบพรรค สิ่งเหล่านี้จึงทำให้ระบบพรรคการเมืองของไทยอ่อนแอลง ยกตัวอย่างประเทศที่พัฒนาแล้ว พรรคการเมืองจะเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะประเทศอังกฤษ หากเลือกตั้งแล้วแพ้ หัวหน้าพรรคการเมืองก็จะยอมลาออก ไม่กลับเข้ามารับตำแหน่งอีก นายสมบัติ กล่าวด้วยว่า เมื่อพิจารณาบริบทของสังคมเกี่ยวกับการเลือกตั้งนั้น สังคมใดที่เป็นประเทศด้อยพัฒนา หรือกำลังพัฒนา จะมีประชาชนที่เป็นชนชั้นล่างเกิดปัญหาความยากจนเป็นส่วนใหญ่ และเป็นผู้กำหนดผู้ปกครองในสังคมนั้น และมองว่าการตัดสินใจของคนกลุ่มนี้จะคำนึงถึงผลประโยชน์เฉพาะหน้า เช่น เลือกเครือญาติของตนหรือผู้ที่ใช้เงินซื้อเสียง โดยไม่คำนึงถึงคุณสมบัติของผู้สมัคร เมื่อได้ผู้แทนเข้ามาก็จะไม่ตรวจสอบการ ทำให้หน้าทำให้ผู้ที่เข้ามาบริหารก็จะมีทุจริตทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้าช้า ซึ่งแตกต่างจากประเทศที่พัฒนาแล้วที่มีประชาชนส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลาง มีการศึกษาการตัดสินใจเลือกผู้สมัครจะเลือกด้วยความอิสระ มีการตรวจสอบประวัติและพฤติกรรมของผู้สมัครทำให้ได้ผู้แทนที่มีความสามารถ และมีการตรวจสอบการทำงาน ทำให้ผู้ได้รับเลือกตั้งทำงานอย่างเต็มที่และประเทศเหล่านี้จะพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามมองว่าคุณลักษณะสำคัญของนักการเมืองที่ดีควรจะเป็นผู้ยึดมั่นใน คุณธรรมทางการเมืองอย่างมั่นคง เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ เสียสละ โดยวิถีทางของนักการเมืองที่ดีควรจะเป็นผู้คิดดีทำดีอย่างมั่นคง มุ่งประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)