หลับตาเที่ยว เพจบันทึกการเดินทางของคนตาบอดกับคนตาดีที่อยากเห็นคนพิการออกไปใช้ชีวิตและท่องเที่ยวทุกที่ได้ด้วยตัวเอง
[/p]
[b]หลับตาเที่ยว[/b]
เมื่อจุดตั้งต้นของการทำเพจ คือบันทึกความทรงจำและสื่อสารกับสังคมเรื่องการท่องเที่ยวของคนตาบอด การทำคอนเทนต์ลงเพจสักชิ้นจึงไม่ได้ปรุงแต่งมากนัก ส่วนใหญ่มอสและบุ๋มบิ๋มใช้วิธีโพสต์ภาพและเล่าเรื่องผ่านแคปชัน อย่างเช่นความรู้สึกที่เกิดหลังเดินถึงยอดดอยหรืออุปสรรคที่พบเจอ
พวกเขาเริ่มทำเพจหลับตาเที่ยวตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย จนถึงตอนนี้ที่ทั้ง 2 คนเข้าสู่วัยทำงาน เวลาออกไปเที่ยวจึงน้อยลง ไม่มีเรื่องมาเล่ามากนัก ลงโพสต์น้อยลงจนเหมือนเพจปิดตัวไปแล้ว แต่ทั้งคู่ยืนยันว่าไม่ได้ปิดเพจ และจะพยายามหาเวลาไปเที่ยวเพื่อมีเรื่องมาเล่าให้ทุกคนฟัง
มอสต้องมีอุปกรณ์เดินป่าสำหรับคนตาบอดไหม – มอสตอบเราทันทีว่าเขาใช้อุปกรณ์เหมือนนักเดินป่าคนอื่น ๆ
“อย่างเต็นท์ผมก็ใช้ยี่ห้อเดียวกับนักเดินป่าทั่วไปเลย แม้ว่าของพวกนี้จะไม่ได้ออกแบบมาเพื่อคนพิการ แต่เราต้องเรียนรู้ที่จะใช้ให้ได้ เช่น ฝึกกางเต็นท์ที่บ้าน ฝึกจุดเตาแก๊ส ถ้าคนที่มองเห็นเขาอาจจะบอกว่าดูอันตราย แต่ถ้าเราเรียนรู้วิธีใช้เป็นก็ไม่ได้อันตรายหรอก”
ทางเดินในป่าอาจไม่ได้ราบเรียบ มีช่วงขรุขระหรือสิ่งกีดขวาง ทำให้คนมองไม่เห็นเลยอาจเดินยากสักหน่อย มอสจะใช้มือซ้ายจับกระเป๋าเป๋ของบุ๋มบิ๋ม ส่วนมือขวาใช้จับไม้เท้าเดินป่า (Trekking)
“มีหลาย ๆ อุทยานที่น่าชื่นชม เพราะเขาทำราวจับหรือมีราวเชือกให้ ถ้าเราเห็นว่ามีราวก็จะปล่อยให้พี่มอสเดินเองเลย ตั้งแต่เดินป่าด้วยกันมา ถ้าวันไหนที่เขาได้เดินด้วยตัวเอง รอยยิ้มของเขาจะกว้างมาก ๆ”
บุ๋มบิ๋มหันไปคุยกับมอส “พี่มอสรู้ตัวไหมว่าหน้าตาพี่แสดงออกมาเลยนะ เหมือนเห็นความภาคภูมิใจในตัวเองของพี่มอสพุ่งปรี๊ดเลย”
การได้ทำอะไรด้วยตัวเองย่อมมีความสุขมากกว่ารอให้คนอื่นทำให้ แต่คนพิการหลายคนใช้ชีวิตด้วยตัวเองไม่ได้ ไม่ใช่เพียงเพราะลักษณะทางร่างกาย แต่โลกก็ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อพวกเขาเช่นกัน
มอสบอกว่าการออกแบบเพื่อทุกคน (Universal Design) จะช่วยให้คนพิการใช้ชีวิตได้ด้วยตัวเอง ทำให้คนรู้สึกถึงคุณค่าในตัวเอง
“เรื่องที่เราอยากพูดมากที่สุด คือคนพิการกับไม่พิการเที่ยวด้วยกันได้ โดยที่คนไม่พิการไม่ต้องอยู่ในฐานะของคนที่คอยรับความช่วยเหลือเท่านั้น พูดง่าย ๆ คือบุ๋มบิ๋มไม่ต้องคอยช่วยผมทุกเรื่อง มีบางเรื่องที่ผมทำเองได้ เช่น กางเต็นท์ ทำอาหาร ส่วนเขาก็จะเป็นคนนำทาง คนขับรถ เราแบ่งหน้าที่กันได้ เราอยากทำให้สังคมเห็นว่าพวกเราเที่ยวด้วยกันได้นะ โดยที่ไม่ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรอรับการช่วยเหลือจากอีกฝ่ายตลอดเวลา”
หลังทำเพจไปได้ระยะหนึ่ง คอมเมนต์ที่หลับตาเที่ยวได้รับมีทั้งคนที่เข้าใจ และคนที่ยังติดกับทัศนคติบางอย่าง อย่างประเด็นเรื่อง ‘ความเมตตา’ มองสถานะทั้ง 2 คนว่า คนหนึ่งเป็นคนช่วย ส่วนอีกคนรอรับความช่วยเหลือ สิ่งที่มอสอยากบอกก็คือ พวกเขาก็เหมือนคนอื่น ๆ ที่เวลาไปเที่ยวต้องแบ่งหน้าที่กัน ดูแลกันและกัน มองไม่เห็นไม่ได้แปลว่าดูแลตัวเองหรือช่วยคนอื่นไม่ได้
“อย่าใช้คำว่า ‘พาเราไป’ ต้องใช้คำว่า ไปด้วยกัน” มอสย้ำกับเรา
ชื่อเพจ ‘หลับตาเที่ยว’ อาจสื่อความตรง ๆ ให้หมายถึงการเล่าเรื่องทริปท่องเที่ยวหรือเดินป่าของคนตาบอดก็ได้ หรือถ้าจะให้ลึกซึ้งกว่านั้น มอสและบุ๋มบิ๋มอยากให้เพจนี้นำเสนอประเด็นว่า ในการท่องเที่ยวไม่ได้ใช้เพียงทักษะการมองเห็น แต่ยังมีประสาทสัมผัสอื่นที่ใช้เพื่อเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้ด้วย
“คนให้ความสำคัญกับการมองเห็นมากจนลืมว่ามนุษย์ยังมีประสาทสัมผัสแบบอื่นด้วย ถ้าใครได้ไปเที่ยวสักที่หนึ่ง อยากให้ชวนลองหลับตา แล้วสัมผัสสถานที่นั้นผ่านการฟังเสียง เช่น เสียงน้ำตก เสียงนกร้อง”
เราถ้าคนตาบอดอยากลองไปเดินป่า มอสแนะนำที่ไหน – มอสนิ่งคิดไปครู่หนึ่งก็จะตอบว่า “ถ้าอยากไปเดินป่าจริง ๆ ยังไงก็ต้องมีคนตาดีไปด้วยนะ” เขาเตือนก่อน “ถ้าให้แนะนำคงเป็นอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล เพราะเดินทางง่าย ขึ้นรถไฟที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์แล้วไปลงที่สถานีขุนตาลได้เลย ดอยอยู่ติดสถานีรถไฟ เดินขึ้นไปได้เลย”
หลับตาเที่ยว เพจบันทึกการเดินทางของคนตาบอดกับคนตาดีที่อยากเห็นคนพิการออกไปใช้ชีวิตและท่องเที่ยวทุกที่ได้ด้วยตัวเอง