ชมแปลง ‘มะกอกโอลีฟ’ ของดีจากพ่อเพื่อคนไทย
[/p]
จากนั้นวันนั้นถึงวันนี้ เป็นเวลา 21 ปี ผลของการศึกษาวิจัยเป็นอย่างไร หาคำตอบได้ในกิจกรรม “ตามรอยพ่อ สานต่อที่พ่อทำ” จัดโดยบริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.เพชรบุรี
สมบัติ วนาอุปถัมภ์กุล ผู้จัดการแผนกวิจัย ส่วนวิจัยและพัฒนา บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล แลบบอราทอรีส์ จำกัด ซึ่งเป็นภาคเอกชนที่ศึกษาวิจัยร่วมกับโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา จนค้นพบสารสกัดมะกอกโอลีฟ เล่าว่า โครงการนี้เริ่มต้นจากสายพระเนตรอันยาวไกลของในหลวง ร.9 ทรงอยากเอาของดีมาให้คนไทยใช้ ต่อมาปี 2543 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รับสั่งให้พิจารณานำมะกอกโอลีฟพันธุ์ของประเทศโครเอเชียมาปลูกในประเทศไทย โดยเริ่มดำเนินการปลูกเมื่อปี 2544 ในศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานฯ จ.สกลนคร
[b] “แม้การทดลองปลูกจะไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะปลูกแล้วต้นไม่ออกผล แต่เราศึกษาวิจัยจนค้นพบประโยชน์จากใบ ที่สามารถสกัดออกมาเป็นน้ำมัน ใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางได้ ขณะที่ใบมะกอกโอลีฟมีสาร Oleuropein ซึ่งช่วยรักษาโรคเบาหวาน ชะลอความแก่ กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ปริมาณสูงกว่าในผลมะกอกโอลีฟมาก ขณะเดียวกันในใบยังมีสารต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่าสารสกัดชาเขียวและสารสกัดเมล็ดองุ่นเกือบ 2 เท่า สูงกว่าวิตามินซีถึง 5 เท่า และมีประสิทธิภาพสูงกว่าผลไม้ตระกูลเบอร์รี่มากกว่า 100 เท่า ฉะนั้น ถือเป็นสารสกัดที่เหนือกว่าสารกัดทั่วไป” [/b] สมบัติกล่าว
ชมแปลง ‘มะกอกโอลีฟ’ ของดีจากพ่อเพื่อคนไทย