อดีตมนุษย์เงินเดือน หันมาทำ ‘ฟาร์มจิ้งหรีด’ รายได้เกือบ 5 หมื่นต่อเดือน
[/p]
โดยคุณโต้ง ได้เปิดเผยว่า เนื่องจากทำงานด้านกราฟฟิก ต้องใช้สายตาในการจ้องคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานตลอดทั้งวัน ทำให้เริ่มมีปัญหาเรื่องสุขภาพประกอบกับอายุเริ่มมากขึ้นแล้ว จึงมีความคิดที่อยากจะออกมาทำธุรกิจส่วนตัวของตนเอง ซึ่งเดิมรุ่นพ่อ แม่ ประกอบอาชีพเป็นชาวสวนทุเรียน จึงคิดที่อยากจะมาทำด้านการเกษตร เนื่องจากเป็นอาชีพที่ผูกพันมาตั้งแต่เด็กๆ
จนมีโอกาสได้ศึกษาหาความรู้ด้านการเกษตรอย่างจริงจัง ก่อนจะพุ่งเป้าไปที่การเลี้ยง ‘จิ้งหรีด’ ทันที เนื่องจากเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่มีระยะเวลาในการเลี้ยงดูไม่มากนัก ใช้เวลาประมาณ 37 วันก็สามารถนำออกจำหน่ายได้แล้ว จึงศึกษาวิธีการเลี้ยง ‘จิ้งหรีด‘ โดยตระเวนไปตามฟาร์มเลี้ยงต่างๆ และมีโอกาสได้พบกับเกษตรกรเลี้ยงจิ้งหรีด ที่ จ.สิงห์บุรี เป็นผู้เชี่ยวชาญโดยตรง ซึ่งได้แนะนำให้คุณโต้งเลี้ยงจิ้งหรีดด้วย ‘ลังไม้’
[b]คุณโต้ง เผยว่าการเลี้ยงจิ้งหรีดด้วย ‘ลังไม้‘ กับแบบ ‘บ่อปูน‘ มีความแตกต่างกันอย่างมาก ข้อดีขอลังไม้สามารถควบคุมอากาศได้เป็นอย่างดี รวมทั้งสามารถดูดซับกลิ่นที่มาจากขี้จิ้งหรีดได้ ไม่มีกลิ่นรบกวน แต่มีต้นทุนสูง ในส่วนของบ่อปูนจะมีราคาที่ต่ำกว่า แต่ข้อเสียคือไม่สามารถควบคุมอากาศได้ เนื่องจากเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว หากภายในบ่อมีอากาศที่เย็นมากจนเกินไปจะทำให้จิ้งหรีดตายได้ และยังส่งผลไปถึงการวางไข่ที่น้อยลงอีกด้วย ที่ฟาร์มของคุณโต้งจึงใช้ลังไม้ในการเลี้ยงจิ้งหรีดมาโดยตลอด[/b]
โดยเริ่มลงมือทำฟาร์มอย่างจริงจังเมื่อ 2 ปีที่แล้ว สำหรับสถานที่ที่เลี้ยงต้องโปร่ง มีอากาศถ่ายเท หลังจากนั้นก็ประกอบลังไม้ขึ้นมาขนาด กว้าง 120 เซนติเมตร ยาว 240 เซนติเมตร สูง 120 เซนติเมตร ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานในการเลี้ยงจิ้งหรีด ใช้ไม้แบบ MDF หรือไม้กระดาษอัดมาเป็นวัสดุในการผลิตลังไม้ พร้อมกับติดสก็อตเทปไว้บริเวณขอบบนด้านในของลังไม้ เพื่อป้องกันไม่ให้จิ้งหรีดออกจากบ่อที่เลี้ยงไว้
อดีตมนุษย์เงินเดือน หันมาทำ ‘ฟาร์มจิ้งหรีด’ รายได้เกือบ 5 หมื่นต่อเดือน