ฤาชาวบ้านต้องแห้งตาย ! จับสัญญาณ "ภัยแล้ง-ไทยแล้ง" ปี2557 เจอ "น้ำเค็ม" ซ้ำเติมอีกระลอก
[/p]
[b]ภัยแล้ง! [/b]
[b]ไทยแล้ง! [/b]
สองคำสั้นๆ ที่ฟังแล้วสามารถสร้างความประหวั่นพรั่นพรึงต่อจิตใจผู้คนในสังคมไทย ว่าทำไมประเทศไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์ “ภัยแล้ง” แถม “แล้งหนักหน่วง” ขึ้นทุกปี
แต่ปัญหาภัยแล้งเป็นเรื่องแปลกแต่จริง เพราะหากยังจำกันได้ ประเทศไทยเพิ่งผ่านพ้นวิกฤติมหาอุทกภัยที่ภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียง เหนือตอนล่างมาเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น โดยเฉพาะภาคตะวันออกถือว่ามีน้ำมากที่สุดในรอบ 50 ปี
แต่จู่ๆ จากน้ำท่วมก็พัฒนากลายเป็น “ไทยแล้ง” ลุกลามไปในหลายจังหวัด โดยเฉพาะในขณะนี้ ที่ภาคเหนือและลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งคือพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างถึงภาคกลางทั้งหมด
ล่าสุด ข้อมูลจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา ประกาศว่า มี 15 จังหวัด 58 อำเภอ 336 ตำบล 2,677 หมู่บ้าน ประสบภัยแล้งฉุกเฉินแล้ว ประกอบด้วย อุตรดิตถ์ สุโขทัย แพร่ ตาก บุรีรัมย์ มหาสารคาม ขอนแก่น ศรีสะเกษ สิงห์บุรี สระบุรี ชัยนาท ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ปราจีน-บุรี และตรัง
โดยสถานการณ์น้ำของวันที่ 27 ก.พ.2557 พบว่าน้ำในเขื่อนภูมิพลมีอยู่ 6,198 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถใช้งานได้เพียง 2,398 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่ามีน้ำน้อยที่สุดในรอบ 10 ปี ส่วนเขื่อนสิริกิติ์มีน้ำอยู่ 4,869 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถใช้งานได้เพียง 2,019 ล้านลูกบาศก์เมตร ทั้ง 2 เขื่อนมีน้ำรวมกันน้อยกว่าปี 2548 และ 2553 ที่ประเทศไทยประสบปัญหาภัยแล้ง
หมายความว่า ปี 2557 ประเทศไทยจะต้องเผชิญหน้ากับปัญหาภัยแล้งครั้งใหญ่
สาเหตุ ที่เป็นเช่นนั้น เพราะปริมาณฝนที่ตกในปี 2556 เท่ากับ 1,569 มิลลิเมตร สูงกว่าค่าเฉลี่ยเพียงร้อยละ 14 ซ้ำร้ายส่วนใหญ่ตกหนัก ในพื้นที่ภาคอีสานตอนล่างและภาคตะวันออก และพื้นที่ท้ายเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ สวนทางกับการเพาะปลูกในปี 2557 ทั้งในและนอกเขตชลประทาน ซึ่งมีเกินกว่าแผนที่กำหนดไว้กว่าร้อยละ 150 เพราะมีการเพาะปลูกนาปรังไปแล้วกว่า 4.46 ล้านไร่ จากแผนกำหนดไว้ 2.90 ล้านไร่
นอกจากนี้ อากาศที่หนาวมาก-หนาวนานที่ผ่านมา ส่งผลให้ทั่วทุกภาคอากาศแห้ง ความชื้นน้อย การระเหยสูงมาก ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดภัยแล้ง
ที่สำคัญ ปี 2557 ความเค็มของแม่น้ำเจ้าพระยาก็มาเร็วกว่าปกติ และเริ่มเกินค่ามาตรฐานความเค็มน้ำดิบสำหรับผลิตน้ำประปาตั้งแต่ปลายเดือน ม.ค. จากที่ปกติจะเริ่มเค็มในเดือน เม.ย. และมีความเค็มสูงสุดในเดือน พ.ค. โดย เฉพาะเมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2557 เวลา 22.00 น. ความเค็มสูงถึง 1.92 กรัมต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าปี 2553 มาก และมีความเค็มเกินค่ามาตรฐานต่อเนื่องนานถึง 70 ชั่วโมง โดยความเค็มมาตรฐานสำหรับผลิตน้ำประปา 0.25 กรัมต่อลิตร
ทั้งคาดว่า เดือน มี.ค. และเดือน เม.ย.ปีนี้ สถานการณ์ความเค็มอาจทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีอิทธิพลในภูมิภาคนี้ ทำให้คลื่นและระดับน้ำทะเลในอ่าวไทยสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนขุนด่านปราการชล และเขื่อนคลองสียัด อยู่ในเกณฑ์น้อย ไม่เพียงพอผลักดันน้ำเค็มที่สูงกว่าปกติ เพราะน้ำส่วนหนึ่งต้องเก็บไว้ใช้สำหรับการอุปโภค บริโภคในช่วงเวลาดังกล่าว ยิ่งเป็นปัจจัยทำให้น้ำใช้ยิ่งน้อยลงไปอีก เพราะประเทศไทยจะต้องเจอทั้ง “ภัยแล้ง” และ “น้ำเค็ม” ไปพร้อมๆ กัน
นี่เพียงแค่เริ่มต้นของฤดูแล้งเท่านั้น
รอยล จิตรดอน