ร้องลูกชายพิการจากอุบัติเหตุชนท้ายรถไถจอดข้างทางที่มืด แต่ ตร.เขียนสำนวนให้ผิดฝ่ายเดียว

ร้องลูกชายพิการจากอุบัติเหตุชนท้ายรถไถจอดข้างทางที่มืด แต่ ตร.เขียนสำนวนให้ผิดฝ่ายเดียว

กาฬสินธุ์ - พ่อ แม่ และชาวบ้านในตำบลดงมูล อ.หนองกุงศรี ร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมต่อผู้การฯเมืองน้ำดำ รื้อคดีอุบัติเหตุลูกชายวัย 17 ปีขี่ จยย.ชนท้ายรถไถนาพ่วงท้ายยามวิกาลบนถนนหลวง เจ็บสาหัสตัดขาเหนือเข่าทิ้งพิการตลอดชีวิต แต่สำนวนคดีกลับให้ผิดฝ่ายเดียว ทั้งรถไถพ่วงจอดในมุมมืด ไม่มีสัญญาณไฟเตือน

วันนี้ (27 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานกองบังคับการตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ นายนิคม ภูครองแข็ง อายุ 37 ปี อยู่หมู่ 13 บ้านคำขาม ต.ดงมูล อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนางสาวไพลิน รัตนโกสินทร์ อายุ 35 ปี ภรรยา ด.ช.เอ อายุ 11 ขวบ บุตรชายคนเล็ก จูงแขนและประคองนายศักรินทร์ ภูครองแข็ง อายุ 17 ปี บุตรชายคนโต ซึ่งขาด้านขวาถูกตัดขาดเหนือหัวเข่า การเคลื่อนไหวร่างกายต้องใช้ไม้ค้ำยันและต้องมีคนช่วยพยุงตลอดเวลา

ทั้ง 4 คนพ่อแม่ลูกได้ขอเข้าพบ พล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ขอความช่วยเหลือและให้มีการรื้อคดีอุบัติเหตุลูกชายคนโตขี่รถจักรยานยนต์ชนท้ายรถไถจนต้องตัดขาทิ้ง แต่กลับถูกดำเนินคดีฝ่ายเดียว และคู่กรณีไม่เคยมาดูแล โดยมี พ.ต.อ.สุธน สีหามาตย์ ผกก.กลุ่มงานสอบสวนฯ และนายชุติเดช เสน่ห์วงษ์ เจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ และฝ่ายนิติกรยุติธรรม เข้าร่วมและให้คำปรึกษาด้วย

นายศักรินทร์ ภูครองแข็ง อายุ 17 ปี เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2562 ปีที่ผ่านมา เวลาประมาณ 19.30 น. หลังจากที่ตนได้ขี่รถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีเทา-ดำ หมายเลขทะเบียน ขยว 428 อุดรธานี กลับจากไปส่งเพื่อนบ้านที่โรงพยาบาลหนองกุงศรีแล้ว ได้เกิดอุบัติเหตุขี่รถ จยย.คันดังกล่าว ชนเข้ากับกระบะส่วนท้ายพ่วงของรถไถนาเดินตาม บนถนนหลวงสายหนองกุงศรี-ท่าคันโท ซึ่งบริเวณที่ชนนั้นมืดมาก ไม่มีไฟส่องสว่าง โดยเฉพาะรถไถนาคู่กรณีไม่มีไฟท้ายหรือสัญญาณใดๆ เลย จึงทำให้ตนมองไม่เห็นและขี่ชนท้าย ทั้งๆ ที่ขับขี่ช้าเพียง 50 กม./ชม.

นายศักรินทร์กล่าวอีกว่า หลังจากประสบอุบัติเหตุตนได้รับบาดเจ็บสาหัส ขาขวาขาด ปอด ม้าม และกระเพาะอาหารฉีกขาด กู้ภัยได้นำส่งโรงพยาบาลหนองกุงศรี ก่อนถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ จากนั้นส่งเข้ารักษาต่อที่โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น ตลอดเวลาที่รักษาตัวถึงวันนี้คู่กรณีไม่ได้มาดูแลเลย

ทั้งนี้ ตนเป็นนักศึกษาที่วิทยาลัยการอาชีพหนองกุงศรี และมีความใฝ่ฝันอยากเป็นตำรวจ แต่พอเกิดอุบัติเหตุและขาขาดกลายเป็นผู้พิการตลอดชีวิต จึงทำให้เสียโอกาสนั้นไปโดยไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้ สิ่งที่จะขอได้ในตอนนี้คือความเป็นธรรมจากกระบวนการของพนักงานสอบสวน และคู่กรณี

ด้านนางสาวไพลิน รัตนโกสินทร์ มารดานายศักรินทร์ กล่าวว่า สาเหตุที่ตนพร้อมสามีและลูกมาขอพบพล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ในครั้งนี้เพื่อขอความเป็นธรรมให้แก่ลูกชาย และขอให้มีการรื้อคดีใหม่ เนื่องจากไปขอรับการช่วยเหลือด้านการเยียวยาจากสำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ แต่พบพิรุธในเอกสารซึ่งเป็นสำนวนของพนักงานสอบสวน สภ.หนองกุงศรี พื้นที่เกิดอุบัติเหตุ

ในสำนวนระบุว่า บุตรชายตนเป็นผู้ประมาทแต่เพียงฝ่ายเดียว จึงไม่สามารถที่จะได้รับสิทธิและความช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรมได้

ทั้งนี้ ตนและเจ้าหน้าที่สำนักงานยุติธรรมได้ตั้งข้อสังเกตถึงความไม่ค่อยจะเป็นธรรมในสำนวนดังกล่าว จึงได้ปรึกษากับเจ้าหน้าที่ยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ และขอความเป็นธรรมจากท่านผู้การฯ เพื่อขอให้มีการรื้อคดีใหม่ดังกล่าว

ขณะที่ พล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า หลังได้รับการร้องเรียนดังกล่าว ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ซึ่งอยู่ในท้องที่ สภ.หนองกุงศรี ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อสรุปข้อเท็จจริง โดยดำเนินการอย่างรอบคอบ รัดกุม ชัดเจน และตรงไปตรงมา เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่มาใช้บริการ อย่างไรก็ตาม ก็ให้เน้นหลักความถูกต้อง เป็นธรรม โปร่งใส ทั้งนี้ จะเรียกตรวจสอบสำนวนกับพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีอย่างละเอียดอีกครั้ง ยืนยันให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย

ขอบคุณ... https://mgronline.com/local/detail/9630000055134

ที่มา: mgronline.com/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 27 พ.ค.63
วันที่โพสต์: 28/05/2563 เวลา 09:19:42 ดูภาพสไลด์โชว์ ร้องลูกชายพิการจากอุบัติเหตุชนท้ายรถไถจอดข้างทางที่มืด แต่ ตร.เขียนสำนวนให้ผิดฝ่ายเดียว