พายุฤดูร้อนกระหน่ำ...เรือเสียหายกว่า70 ลำ บ้านพัง 290 หลัง!

แสดงความคิดเห็น

พายุฤดูร้อนกระหน่ำถล่มบ้านเรือนและ เรือประมงตามชายฝั่ง ต.อ่าวน้อย อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ แรงพายุก่อตัวทำให้เกิดคลื่นทะเลยักษ์สูงกว่า 4 เมตร ชาวบ้านเดือดร้อนกันระนาว ด้านนายก อบต.อ่าวน้อย เผยพายุมีความรุนแรงมากที่สุดในรอบ 50 ปี บ้านเรือนเสียหาย 290 หลัง เรือ 70 ลำ รวมมูลค่านับสิบ 10 ล้าน ขณะที่ผู้ว่าฯประจวบคีรีขันธ์ ลงพื้นที่สั่งการให้หน่วยงานระดับอำเภอสำรวจความเสียหาย พร้อมระดมเงินช่วยเหลือชาวบ้านแล้ว ที่ จ.จันทบุรี และ จ.ระยอง ก็เจอพายุจมเรือหลายลำ

เกิดพายุฤดูร้อนถล่มบ้านเรือนและเรือประมง เสียหายนับ 10 ล้านบาท เปิดเผยเมื่อเวลา 03.00 น.วันที่ 13 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดพายุฤดูร้อนพัดถล่มพื้นที่ ต.อ่าวน้อย อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ บ้านเรือนของประชาชนหมู่ 2 บ้านชายทะเล หมู่ 3 บ้านคั่นกระได ได้รับความเสียหายจำนวนมาก ขณะเดียวกันผลจากพายุดังกล่าวทำให้เกิดคลื่นทะเลขนาดใหญ่สูงกว่า 4 เมตร พัดเข้าถล่มชายฝั่งหมู่ 2 หมู่ 3 และหมู่ 13 บ้านทุ่งมะเม่า เรือประมงชายฝั่งขนาดเล็กได้รับความเสียหายหลังจากถูกคลื่นยักษ์ซัดเกยหาดก ว่า 70 ลำ และเรือประมงบางส่วนจมหายไปในทะเล สร้างความเสียหายมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาให้ความช่วยเหลือ ทำให้ชาวประมงที่ได้รับความเดือดร้อนต้องช่วยกันลากเรือที่ถูกคลื่นซัดเกย หาดลงในทะเลเร่งซ่อมแซม

นายมนัส ปานน้อย ชาวประมงพื้นบ้าน กล่าวว่าเมื่อเวลาประมาณ 03.00-04.00 น. วันที่ 13 เม.ย. มีพายุลมแรงพัดเข้ามาในบ้านสั่นไปทั้งหลัง หลังคาถูกลมพัดปลิวว่อน แต่ชาวบ้านไม่สามารถออกมาดูได้ กระทั่งช่วงเช้าเมื่อพายุสงบลง ออกไปตรวจสอบเรือที่จอดชายทะเลพบว่ามีเรือล่มจมน้ำทะเลเป็นจำนวนมาก เรือของตนถูกพัดเข้าฝั่งกระแทกโขดหินจนเรือแตกอุปกรณ์ประมงจมน้ำเสียหาย

ด้าน นายพันธุ์ศักดิ์ ใจใหญ่ นายก อบต.อ่าวน้อย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบความเสียหายจากพายุฤดูร้อนรับรายงานว่า มีบ้านเรือนเสียหายทั้งจังหวัดจำนวน 290 หลังคาเรือน ส่วนใหญ่เป็นบ้านเรือนที่อยู่ริมชายทะเล ส่วนเรือประมงชายฝั่งเสียหาย 70 ลำ รวมทั้งอุปกรณ์การประมง เช่น แบตเตอรี่ เครื่องปั่นไฟ และอุปกรณ์จับปลา พายุดังกล่าวมีความรุนแรงมากที่สุดในรอบ 50 ปี ล่าสุดสั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งสำรวจเพื่อรายงานความเสียหาย พร้อมประสานเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เร่งให้ความช่วยเหลือชาวบ้านโดยด่วน

ต่อมานายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และนางปรียา ศรีวัฒนตระกูล นายกเหล่ากาชาด เดินทางไปที่ อ.สามร้อย–ยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นพื้นที่ที่มีบ้านเรือนได้รับความเสียหาย 73 หลังคาเรือน โดยนำถุงยังชีพไปมอบให้กับชาวบ้าน นายวีระเปิดเผยว่า สั่งให้หน่วยงานระดับอำเภอลงไปสำรวจพื้นที่ความเสียหายว่ามีพื้นที่ใดและ เกิดความเสียหายอย่างไรบ้าง พร้อมทั้งให้นำเงินสำรองราชการ กองทุนจังหวัดและกาชาดมาช่วยเหลือชาวบ้าน บ้านเรือนเสียหายจะได้รับเงินช่วยเหลือไม่เกิน 33,000 บาท ตามความเป็นจริง ส่วนเรือประมงขนาดเล็ก หรือประมงพื้นบ้านได้รับความช่วยเหลือไม่เกิน 11,000 บาท

อีกรายเวลา 08.00 น. วันเดียวกัน นายบุญเลิศ บุญมานะ นายก อบต.บางกะไชย อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี รายงานต่อนายวิสุทธิ์ ประกอบความดี หน.สนง.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.จันทบุรี ว่าบริเวณพื้นที่หมู่ 1 หมู่ 5 และหมู่ 8 ของ ต.บางกะไชย ว่าย่างเข้าวันที่ 13 เม.ย. เกิดพายุงวงช้างอย่างรุนแรง บริเวณสะพานปลาท่าเทียบเรือ วัดเขาแหลมสิงห์ หมู่ 1 ต.บางกะไชย เรือประมงขนาดใหญ่และเล็กล่ม จำนวน 9 ลำ บ้านเรือนเสียหายจำนวน 15 หลังนายวิสุทธิ์เผยว่า สั่งให้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัย พร้อมเร่งเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเร่งด่วน และเร่งสำรวจความเสียหายต่อไป

เวลา 15.00 น. นายบัญญัติ เศียรเขียว ปลัดฝ่ายความมั่นคง อ.แกลง จ.ระยอง รับแจ้งว่าพายุพัดถล่มชายฝั่งเขต อ.แกลง บริเวณชายฝั่ง ต.ปากน้ำ–ประแสร์ ต.กร่ำ มีเรือประมงจมทะเลหลายลำและมีเรือไดหมึก ชื่อเรือโชคนำทรัพย์ 4 จมอยู่กลางทะเลห่างจากฝั่ง 17 ไมล์ทะเล ลูกเรือชาวกัมพูชาสูญหาย 3 คน รอด 3 คน สอบนายสำเริง ห่างภัย อายุ 46 ปี เป็นไต๋เรือทราบว่ามีลูกเรือด้วยกันทั้งหมด 5 คน ตนกับลูกน้องนำเรือออกไปหาหมึก ประมาณ 01.00 น.วันที่ 13 เม.ย. ก็เกิดลมพัดอย่างแรงมีคลื่นลูกใหญ่ซัดใส่เรือจมอย่างรวดเร็ว ขณะที่บริเวณคลองประแสร์ก็ถูกพายุพัดเรือจม 2 ลำ ท่าเทียบเรือบ้านอ่าวมะขามป้อม ต.กร่ำ พายุพัดเรือประมงเล็กจม 2 ลำ และท่าเทียบเรือเพ เรือเร็วจมเสียหายอีกหลายลำ

ต่อมาในช่วงเย็น กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนเรื่อง “หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง” ว่าหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณช่องแคบมะละกา ประกอบกับลมตะวันออกมีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ยังคงทำให้ภาคใต้มีฝนหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง สำหรับอ่าวไทยบริเวณ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี จะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ประ– ชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและชาวเรือระวังอันตรายจากคลื่นลมแรง ในช่วงวันที่ 13-16 เมษายน ไว้ด้วย ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ (13-16 เมษายน) บริเวณภาคใต้ตั้งแต่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 13-15 เมษายน

ด้านนายเลิศสิน รักษาสกุลวงศ์ ผอ.สำนักธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อมและธรณีพิบัติภัย กรมทรัพ– ยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ ตอนล่างได้เคลื่อนเข้าสู่ช่องแคบมะละการะหว่างวันที่ 13-16 เม.ย. ส่งผลให้ภาคใต้ตอนล่างของไทยมีฝนหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยตั้งแต่ 12 เม.ย.พบว่าใน จ.พัทลุงและนครศรี– ธรรมราช เริ่มมีฝนตกหนักและมีปริมาณน้ำฝนเกิน 100-150 มิลลิเมตร (มม.) และขณะนี้ยังคงมีฝนตกหนักต่อเนื่อง ทางกรมทรัพยากรธรณีจึงประกาศเฝ้าระวังดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากระหว่างวันที่ 13-15 เม.ย.นี้ ในเขตพื้นที่ 9 จังหวัดภาคใต้ครอบคลุม จ.นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา กระบี่ ตรัง สตูล ปัตตานี ยะลาและนราธิวาส

ขอบคุณ http://m.thairath.co.th/content/newspaper/338740

ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 15 เม.ย.56
วันที่โพสต์: 15/04/2556 เวลา 03:25:08

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

พายุฤดูร้อนกระหน่ำถล่มบ้านเรือนและ เรือประมงตามชายฝั่ง ต.อ่าวน้อย อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ แรงพายุก่อตัวทำให้เกิดคลื่นทะเลยักษ์สูงกว่า 4 เมตร ชาวบ้านเดือดร้อนกันระนาว ด้านนายก อบต.อ่าวน้อย เผยพายุมีความรุนแรงมากที่สุดในรอบ 50 ปี บ้านเรือนเสียหาย 290 หลัง เรือ 70 ลำ รวมมูลค่านับสิบ 10 ล้าน ขณะที่ผู้ว่าฯประจวบคีรีขันธ์ ลงพื้นที่สั่งการให้หน่วยงานระดับอำเภอสำรวจความเสียหาย พร้อมระดมเงินช่วยเหลือชาวบ้านแล้ว ที่ จ.จันทบุรี และ จ.ระยอง ก็เจอพายุจมเรือหลายลำ เกิดพายุฤดูร้อนถล่มบ้านเรือนและเรือประมง เสียหายนับ 10 ล้านบาท เปิดเผยเมื่อเวลา 03.00 น.วันที่ 13 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดพายุฤดูร้อนพัดถล่มพื้นที่ ต.อ่าวน้อย อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ บ้านเรือนของประชาชนหมู่ 2 บ้านชายทะเล หมู่ 3 บ้านคั่นกระได ได้รับความเสียหายจำนวนมาก ขณะเดียวกันผลจากพายุดังกล่าวทำให้เกิดคลื่นทะเลขนาดใหญ่สูงกว่า 4 เมตร พัดเข้าถล่มชายฝั่งหมู่ 2 หมู่ 3 และหมู่ 13 บ้านทุ่งมะเม่า เรือประมงชายฝั่งขนาดเล็กได้รับความเสียหายหลังจากถูกคลื่นยักษ์ซัดเกยหาดก ว่า 70 ลำ และเรือประมงบางส่วนจมหายไปในทะเล สร้างความเสียหายมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาให้ความช่วยเหลือ ทำให้ชาวประมงที่ได้รับความเดือดร้อนต้องช่วยกันลากเรือที่ถูกคลื่นซัดเกย หาดลงในทะเลเร่งซ่อมแซม นายมนัส ปานน้อย ชาวประมงพื้นบ้าน กล่าวว่าเมื่อเวลาประมาณ 03.00-04.00 น. วันที่ 13 เม.ย. มีพายุลมแรงพัดเข้ามาในบ้านสั่นไปทั้งหลัง หลังคาถูกลมพัดปลิวว่อน แต่ชาวบ้านไม่สามารถออกมาดูได้ กระทั่งช่วงเช้าเมื่อพายุสงบลง ออกไปตรวจสอบเรือที่จอดชายทะเลพบว่ามีเรือล่มจมน้ำทะเลเป็นจำนวนมาก เรือของตนถูกพัดเข้าฝั่งกระแทกโขดหินจนเรือแตกอุปกรณ์ประมงจมน้ำเสียหาย ด้าน นายพันธุ์ศักดิ์ ใจใหญ่ นายก อบต.อ่าวน้อย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบความเสียหายจากพายุฤดูร้อนรับรายงานว่า มีบ้านเรือนเสียหายทั้งจังหวัดจำนวน 290 หลังคาเรือน ส่วนใหญ่เป็นบ้านเรือนที่อยู่ริมชายทะเล ส่วนเรือประมงชายฝั่งเสียหาย 70 ลำ รวมทั้งอุปกรณ์การประมง เช่น แบตเตอรี่ เครื่องปั่นไฟ และอุปกรณ์จับปลา พายุดังกล่าวมีความรุนแรงมากที่สุดในรอบ 50 ปี ล่าสุดสั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งสำรวจเพื่อรายงานความเสียหาย พร้อมประสานเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เร่งให้ความช่วยเหลือชาวบ้านโดยด่วน ต่อมานายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และนางปรียา ศรีวัฒนตระกูล นายกเหล่ากาชาด เดินทางไปที่ อ.สามร้อย–ยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นพื้นที่ที่มีบ้านเรือนได้รับความเสียหาย 73 หลังคาเรือน โดยนำถุงยังชีพไปมอบให้กับชาวบ้าน นายวีระเปิดเผยว่า สั่งให้หน่วยงานระดับอำเภอลงไปสำรวจพื้นที่ความเสียหายว่ามีพื้นที่ใดและ เกิดความเสียหายอย่างไรบ้าง พร้อมทั้งให้นำเงินสำรองราชการ กองทุนจังหวัดและกาชาดมาช่วยเหลือชาวบ้าน บ้านเรือนเสียหายจะได้รับเงินช่วยเหลือไม่เกิน 33,000 บาท ตามความเป็นจริง ส่วนเรือประมงขนาดเล็ก หรือประมงพื้นบ้านได้รับความช่วยเหลือไม่เกิน 11,000 บาท อีกรายเวลา 08.00 น. วันเดียวกัน นายบุญเลิศ บุญมานะ นายก อบต.บางกะไชย อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี รายงานต่อนายวิสุทธิ์ ประกอบความดี หน.สนง.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.จันทบุรี ว่าบริเวณพื้นที่หมู่ 1 หมู่ 5 และหมู่ 8 ของ ต.บางกะไชย ว่าย่างเข้าวันที่ 13 เม.ย. เกิดพายุงวงช้างอย่างรุนแรง บริเวณสะพานปลาท่าเทียบเรือ วัดเขาแหลมสิงห์ หมู่ 1 ต.บางกะไชย เรือประมงขนาดใหญ่และเล็กล่ม จำนวน 9 ลำ บ้านเรือนเสียหายจำนวน 15 หลังนายวิสุทธิ์เผยว่า สั่งให้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัย พร้อมเร่งเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเร่งด่วน และเร่งสำรวจความเสียหายต่อไป เวลา 15.00 น. นายบัญญัติ เศียรเขียว ปลัดฝ่ายความมั่นคง อ.แกลง จ.ระยอง รับแจ้งว่าพายุพัดถล่มชายฝั่งเขต อ.แกลง บริเวณชายฝั่ง ต.ปากน้ำ–ประแสร์ ต.กร่ำ มีเรือประมงจมทะเลหลายลำและมีเรือไดหมึก ชื่อเรือโชคนำทรัพย์ 4 จมอยู่กลางทะเลห่างจากฝั่ง 17 ไมล์ทะเล ลูกเรือชาวกัมพูชาสูญหาย 3 คน รอด 3 คน สอบนายสำเริง ห่างภัย อายุ 46 ปี เป็นไต๋เรือทราบว่ามีลูกเรือด้วยกันทั้งหมด 5 คน ตนกับลูกน้องนำเรือออกไปหาหมึก ประมาณ 01.00 น.วันที่ 13 เม.ย. ก็เกิดลมพัดอย่างแรงมีคลื่นลูกใหญ่ซัดใส่เรือจมอย่างรวดเร็ว ขณะที่บริเวณคลองประแสร์ก็ถูกพายุพัดเรือจม 2 ลำ ท่าเทียบเรือบ้านอ่าวมะขามป้อม ต.กร่ำ พายุพัดเรือประมงเล็กจม 2 ลำ และท่าเทียบเรือเพ เรือเร็วจมเสียหายอีกหลายลำ ต่อมาในช่วงเย็น กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนเรื่อง “หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง” ว่าหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณช่องแคบมะละกา ประกอบกับลมตะวันออกมีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ยังคงทำให้ภาคใต้มีฝนหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง สำหรับอ่าวไทยบริเวณ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี จะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ประ– ชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและชาวเรือระวังอันตรายจากคลื่นลมแรง ในช่วงวันที่ 13-16 เมษายน ไว้ด้วย ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ (13-16 เมษายน) บริเวณภาคใต้ตั้งแต่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 13-15 เมษายน ด้านนายเลิศสิน รักษาสกุลวงศ์ ผอ.สำนักธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อมและธรณีพิบัติภัย กรมทรัพ– ยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ ตอนล่างได้เคลื่อนเข้าสู่ช่องแคบมะละการะหว่างวันที่ 13-16 เม.ย. ส่งผลให้ภาคใต้ตอนล่างของไทยมีฝนหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยตั้งแต่ 12 เม.ย.พบว่าใน จ.พัทลุงและนครศรี– ธรรมราช เริ่มมีฝนตกหนักและมีปริมาณน้ำฝนเกิน 100-150 มิลลิเมตร (มม.) และขณะนี้ยังคงมีฝนตกหนักต่อเนื่อง ทางกรมทรัพยากรธรณีจึงประกาศเฝ้าระวังดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากระหว่างวันที่ 13-15 เม.ย.นี้ ในเขตพื้นที่ 9 จังหวัดภาคใต้ครอบคลุม จ.นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา กระบี่ ตรัง สตูล ปัตตานี ยะลาและนราธิวาส ขอบคุณ http://m.thairath.co.th/content/newspaper/338740

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...