คำคมจากธรรมะโมบาย โดย ว.วชิรเมธี (1)

แสดงความคิดเห็น

คำคมจากธรรมะโมบาย โดย ว.วชิรเมธี (1)

๑. หนึ่งครั้งที่แม่ตบลงไปบนหน้าลูก

อาจก่อให้เกิดความสั่นสะเทือนลึกลงไปสุดใจของลูก ทั้งชีวิต

หนึ่งอ้อมกอดที่แม่บรรจงหยิบยื่นให้ลูก อาจก่อให้เกิดความพันผูกข้ามกาลเวลา

ทุก ๆ ปฏิสัมพันธ์เป็นได้ทั้งบาดแผล และ ดอกไม้สำหรับลูก

๒. คนใกล้ชิดเป็นศัตรู แม้กำแพง ๗ ชั้น ก็ป้องกันไม่ได้

ศัตรูที่มาจากภายนอกต่อให้ยกมาถึง ๙ ทัพ เราก็มองเห็นและเตรียมตัวทัน

แต่ศัตรูที่มาจากคนในด้วยกัน คือศัตรูที่อันตรายที่สุด

เพราะเรามักมองไม่เห็น และไหวตัวไม่ทัน

๓. เวลาเรือเอียงเรามักจะมองเห็นและแก้ไขได้ทันท่วงที

แต่ความลำเอียงในใจคนมักถูกปกปิดอย่างมิดชิดและแสดงออกอย่างแยบยล

กว่าจะรู้ว่าคนที่เรารักมากด้วยความลำเอียง

บางครั้งมันก็สายเกินไป

๔. ไม่มีแรงใดเสมอด้วยแรงกรรม

แรงฟ้ามนุษย์แก้ได้ด้วยสายล่อฟ้า

แรงน้ำมนุษย์แก้ด้วยการเปลี่ยนเส้นทาง หรือสร้างกำแพงกั้นน้ำ

แรงพายุมนุษย์แก้ได้ด้วยการปลูกป่า

แต่แรงกรรมมีแต่ต้องก้มหน้ารับโดยส่วนเดียว

๕. อยู่คนเดียวจงระวังความคิด อยู่กับมิตรจงระวังวาจา

อยู่กับมารดาบิดาจงระวังการปฏิบัติตน

ถ้าคิดไม่ระวังจะกลายเป็นคิดฟุ้งซ่าน

ถ้าพูดไม่ระวังมิตรจะเข้าใจผิด

ถ้าปฏิบัติไม่ดีต่อมารดาบิดาจะเป็นการสร้างบาปให้ตนเอง

๖. ทำบาตรแตก ถ้วยแตก ชามแตก แก้วแตก ยังดีกว่าทำให้คนแตกกัน

เนื่องเพราะวัตถุที่แตกแล้วสามารถประสานให้ดีดังเดิม ได้อย่างง่ายดาย

แต่ถ้าคนแตกสามัคคีกันเป็นฝักฝ่ายแล้ว

บางทีทั้งชีวิตก็ไม่สามารถสนิทสนมกันได้อีก

๗. สิ่งที่เราให้คนอื่น แท้จริงแล้วคือของที่เราฝากให้แก่ตนเองในวันข้างหน้า

เช่น วันนี้เราด่าเขา วันข้างหน้าเราจะถูกเขาด่า

วันนี้เราโกงเขา วันข้างหน้าเราจะถูกเขาโกง

วันนี้เราเนรคุณเขา วันข้างหน้าเราจะถูกเขาเนรคุณ

๘. ความดีที่ทำไว้ในหมู่คนพาล ถึงมากมายมหาศาลก็สูญเปล่า

การทำสิ่งดี ๆ ให้แก่คนที่ไม่เห็นคุณค่า ก็ไม่ต่างอะไรกับการเทน้ำลงกองทราย

ถึงเทอย่างไรก็ซึมหายหมด ดังนั้นจะทำดีกับใคร ควรใช้ปัญญาคิดให้รอบคอบ

๙. การมีความสุขที่ก่อความทุกข์ให้คนอื่นนั้น ไม่ใช่ความสุขที่แท้

มันเป็นได้แค่ความสุขจากการเกาขอบแผลที่กำลังคัน

ยิ่งเกาดูเหมือนยิ่งสุข แต่แท้ที่จริงมันคือความทุกข์ที่แฝงมาอย่างแนบเนียน

๑๐. ดูข่าวการเมือง ยิ่งดูยิ่งวุ่นวาย ยิ่งดูยิ่งฟุ้งซ่าน

แต่หากกลับมาดูใจของตนอย่างมีสติ

รู้เท่าทันทุกเรื่องที่คิด ทุกจิตที่ทำ ทุกคำที่พูด ทุกครั้งที่เคลื่อนไหว

ความทุกข์มากมายจะดับลง ดูจิตวันละนิดจิตแจ่มใส

๑๑. น้ำขุ่นที่ใส่สารส้มลงไป น้ำที่ขุ่นนั้นก็ใสได้เหมือนกัน

ใจขุ่นหากใส่สารแห่งความรู้สึกตัวลงไป

ไม่นานเท่าไรใจนั้นก็แจ่มกระจ่างเหมือนกัน

น้ำขุ่นแก้ได้ฉันใด ใจขุ่นก็แก้ได้ฉันนั้น

๑๒. คนที่ทำงานผิดพลาด แล้วป่าวประกาศว่าเป็นความผิดของคนอื่น

คือคนที่มีแต่จะผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ส่วนคนที่ทำงานผิดพลาด แล้วลุกขึ้นมายอมรับอย่างองอาจเปิดเผย

คือคนที่ไม่มีโอกาสผิดพลาดซ้ำอีกเลยในชีวิต

๑๓. ความไม่ประมาทเป็นทางแห่งความไม่ตาย

ความประมาทเป็นทางแห่งความตาย

ผู้ไม่ประมาทไม่มีวันตาย ผู้ประมาทไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายแล้ว

กวีบทนี้ทำให้พระเจ้าอโศกเปลี่ยนจากกษัตริย์ที่ดุร้ายมาเป็นชาวพุทธชั้นนำ

๑๔. คนไทยไปงานศพแทบทุกเย็น

โดยไม่เคยรู้สักนิดว่าวันหนึ่งตัวเราจะเป็นศพ

ดังนั้นเราควรฝึกไปงานศพตัวเองทุกวัน

ด้วยการบอกกับตัวเองว่า ความตายอยู่ใกล้แค่ปลายจมูก

๑๕. อยากโชคดี ไม่ใช่ไปหาวิธีลอดท้องช้าง

แต่อยากโชคดี เริ่มกันที่การมีสติปัญญาในการดำเนินชีวิตประจำวัน

ขอเพียงมีปัญญา โชคดีก็ไหลเข้ามาไม่ขาดสาย

แต่ถ้าไร้ปัญญา โชคร้ายจะไหลเข้ามาเหมือนห่าฝน

บทความจาก : http://www.oknation.net/blog/tocare/2009/06/12/entry-1

ขอบคุณ... https://writer.dek-d.com/sarracenia/story/viewlongc.php?id=564673&chapter=1

ที่มา: writer.dek-d.com
วันที่โพสต์: 28/11/2559 เวลา 10:15:04 ดูภาพสไลด์โชว์ คำคมจากธรรมะโมบาย โดย ว.วชิรเมธี (1)

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

คำคมจากธรรมะโมบาย โดย ว.วชิรเมธี (1) ๑. หนึ่งครั้งที่แม่ตบลงไปบนหน้าลูก อาจก่อให้เกิดความสั่นสะเทือนลึกลงไปสุดใจของลูก ทั้งชีวิต หนึ่งอ้อมกอดที่แม่บรรจงหยิบยื่นให้ลูก อาจก่อให้เกิดความพันผูกข้ามกาลเวลา ทุก ๆ ปฏิสัมพันธ์เป็นได้ทั้งบาดแผล และ ดอกไม้สำหรับลูก ๒. คนใกล้ชิดเป็นศัตรู แม้กำแพง ๗ ชั้น ก็ป้องกันไม่ได้ ศัตรูที่มาจากภายนอกต่อให้ยกมาถึง ๙ ทัพ เราก็มองเห็นและเตรียมตัวทัน แต่ศัตรูที่มาจากคนในด้วยกัน คือศัตรูที่อันตรายที่สุด เพราะเรามักมองไม่เห็น และไหวตัวไม่ทัน ๓. เวลาเรือเอียงเรามักจะมองเห็นและแก้ไขได้ทันท่วงที แต่ความลำเอียงในใจคนมักถูกปกปิดอย่างมิดชิดและแสดงออกอย่างแยบยล กว่าจะรู้ว่าคนที่เรารักมากด้วยความลำเอียง บางครั้งมันก็สายเกินไป ๔. ไม่มีแรงใดเสมอด้วยแรงกรรม แรงฟ้ามนุษย์แก้ได้ด้วยสายล่อฟ้า แรงน้ำมนุษย์แก้ด้วยการเปลี่ยนเส้นทาง หรือสร้างกำแพงกั้นน้ำ แรงพายุมนุษย์แก้ได้ด้วยการปลูกป่า แต่แรงกรรมมีแต่ต้องก้มหน้ารับโดยส่วนเดียว ๕. อยู่คนเดียวจงระวังความคิด อยู่กับมิตรจงระวังวาจา อยู่กับมารดาบิดาจงระวังการปฏิบัติตน ถ้าคิดไม่ระวังจะกลายเป็นคิดฟุ้งซ่าน ถ้าพูดไม่ระวังมิตรจะเข้าใจผิด ถ้าปฏิบัติไม่ดีต่อมารดาบิดาจะเป็นการสร้างบาปให้ตนเอง ๖. ทำบาตรแตก ถ้วยแตก ชามแตก แก้วแตก ยังดีกว่าทำให้คนแตกกัน เนื่องเพราะวัตถุที่แตกแล้วสามารถประสานให้ดีดังเดิม ได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้าคนแตกสามัคคีกันเป็นฝักฝ่ายแล้ว บางทีทั้งชีวิตก็ไม่สามารถสนิทสนมกันได้อีก ๗. สิ่งที่เราให้คนอื่น แท้จริงแล้วคือของที่เราฝากให้แก่ตนเองในวันข้างหน้า เช่น วันนี้เราด่าเขา วันข้างหน้าเราจะถูกเขาด่า วันนี้เราโกงเขา วันข้างหน้าเราจะถูกเขาโกง วันนี้เราเนรคุณเขา วันข้างหน้าเราจะถูกเขาเนรคุณ ๘. ความดีที่ทำไว้ในหมู่คนพาล ถึงมากมายมหาศาลก็สูญเปล่า การทำสิ่งดี ๆ ให้แก่คนที่ไม่เห็นคุณค่า ก็ไม่ต่างอะไรกับการเทน้ำลงกองทราย ถึงเทอย่างไรก็ซึมหายหมด ดังนั้นจะทำดีกับใคร ควรใช้ปัญญาคิดให้รอบคอบ ๙. การมีความสุขที่ก่อความทุกข์ให้คนอื่นนั้น ไม่ใช่ความสุขที่แท้ มันเป็นได้แค่ความสุขจากการเกาขอบแผลที่กำลังคัน ยิ่งเกาดูเหมือนยิ่งสุข แต่แท้ที่จริงมันคือความทุกข์ที่แฝงมาอย่างแนบเนียน ๑๐. ดูข่าวการเมือง ยิ่งดูยิ่งวุ่นวาย ยิ่งดูยิ่งฟุ้งซ่าน แต่หากกลับมาดูใจของตนอย่างมีสติ รู้เท่าทันทุกเรื่องที่คิด ทุกจิตที่ทำ ทุกคำที่พูด ทุกครั้งที่เคลื่อนไหว ความทุกข์มากมายจะดับลง ดูจิตวันละนิดจิตแจ่มใส ๑๑. น้ำขุ่นที่ใส่สารส้มลงไป น้ำที่ขุ่นนั้นก็ใสได้เหมือนกัน ใจขุ่นหากใส่สารแห่งความรู้สึกตัวลงไป ไม่นานเท่าไรใจนั้นก็แจ่มกระจ่างเหมือนกัน น้ำขุ่นแก้ได้ฉันใด ใจขุ่นก็แก้ได้ฉันนั้น ๑๒. คนที่ทำงานผิดพลาด แล้วป่าวประกาศว่าเป็นความผิดของคนอื่น คือคนที่มีแต่จะผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ส่วนคนที่ทำงานผิดพลาด แล้วลุกขึ้นมายอมรับอย่างองอาจเปิดเผย คือคนที่ไม่มีโอกาสผิดพลาดซ้ำอีกเลยในชีวิต ๑๓. ความไม่ประมาทเป็นทางแห่งความไม่ตาย ความประมาทเป็นทางแห่งความตาย ผู้ไม่ประมาทไม่มีวันตาย ผู้ประมาทไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายแล้ว กวีบทนี้ทำให้พระเจ้าอโศกเปลี่ยนจากกษัตริย์ที่ดุร้ายมาเป็นชาวพุทธชั้นนำ ๑๔. คนไทยไปงานศพแทบทุกเย็น โดยไม่เคยรู้สักนิดว่าวันหนึ่งตัวเราจะเป็นศพ ดังนั้นเราควรฝึกไปงานศพตัวเองทุกวัน ด้วยการบอกกับตัวเองว่า ความตายอยู่ใกล้แค่ปลายจมูก ๑๕. อยากโชคดี ไม่ใช่ไปหาวิธีลอดท้องช้าง แต่อยากโชคดี เริ่มกันที่การมีสติปัญญาในการดำเนินชีวิตประจำวัน ขอเพียงมีปัญญา โชคดีก็ไหลเข้ามาไม่ขาดสาย แต่ถ้าไร้ปัญญา โชคร้ายจะไหลเข้ามาเหมือนห่าฝน บทความจาก : http://www.oknation.net/blog/tocare/2009/06/12/entry-1 ขอบคุณ... https://writer.dek-d.com/sarracenia/story/viewlongc.php?id=564673&chapter=1

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...