ความรู้ดีรู้ชอบ
ความรู้ดีรู้ชอบ คือ รู้เห็นตามความจริงว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เป็นไปตามเหตุและผล สิ่งนี้ๆ มีอยู่ สิ่งนี้ๆ จึงเกิดขึ้น ถ้าสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ก็ไม่เกิดขึ้น ทำเหตุดีผลก็ดี ทำเหตุไม่ดี ผลก็ไม่ดี
ความรู้ดีรู้ชอบ เป็นคุณธรรมที่มนุษย์จำต้องประกอบไว้ให้มีทั้งในทางโลกและทางธรรม เป็นทางสำหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีความรู้ผิด
ความรู้ดีรู้ชอบ ในทางโลกเป็นปัจจัยสำคัญให้ปฏิบัติกิจ นั้นๆ ให้สำเร็จลงด้วยความเรียบร้อยสะดวกดี ได้ประโยชน์เต็มที่แก่ตนและคนอื่น ถ้าเรามีความเข้าใจไม่ถูกและไม่ดี ย่อมทำให้การงานเสียประโยชน์ บางคราวกลับเป็นโทษแก่ตนและคนอื่นด้วย
ส่วนรู้ดีรู้ชอบใน ทางธรรม ได้แก่ ความรู้จักอารมณ์ที่เกิดขึ้นและดับไปให้ถูกต้องตามความเป็นจริงของสภาพ เป็นการรู้เท่าทันอารมณ์ เช่น เวลาถูกความโกรธ ความริษยา พยาบาท เศร้าโศกเสียใจ หรืออกุศลธรรมอย่างใดอย่างหนึ่งครอบงำ ก็รู้จักและเข้าใจแจ่มแจ้งจนเป็นรู้ดีและรู้ชอบตามความเป็นจริง
ความรู้ดีรู้ชอบนั้น กล่าวโดยหลักสำคัญ ก็คือความรู้เท่าทันซึ่งกิเลสของตน กิเลสเกิดขึ้นก็รู้ว่ากิเลสเกิดแล้ว กิเลสดับไปก็เข้าใจว่า กิเลสดับ
ความรู้ดีรู้ชอบนั้น อำนวยผลสำคัญคือความรู้จักปล่อยหรือรู้จักวางต่อไป ใจที่ข้องอยู่ในอกุศลทุจริตนั้น จะมีความร้อนรนกระวนกระวาย ดิ้นรนกระสับกระส่ายไปตามกำลังของมัน เช่น ความคิดริษยาพยาบาท และความเคียดแค้นเกิดขึ้น ย่อมทำให้ใจร้อน ทำให้ใจขุ่นหมอง ไม่ปลอดโปร่ง
ถ้าเราปลดความคิดเช่นนั้นออกเสียได้ ย่อมไม่มีอะไรมาข้องใจ และใจก็ไม่ติดอยู่ในความเศร้าหมองเช่นนั้น คงเหลือแต่ความผ่องใส เป็นใจบริสุทธิ์สะอาด เหมือนคนฉลาดเก็บดอกไม้ ย่อมเลือกเก็บดอกไม้ที่ดี มีสีสวยงามและมีกลิ่นหอม สมควรแก่การเรียงร้อย ไม่เก็บดอกไม้ช้ำและเน่า แม้จะพลั้งเผลอไปโดยไม่รู้เท่า ภายหลังก็เลือกเอาดอกไม้อันไม่เป็นประโยชน์ทิ้งเสียจนหมด
การที่ใจปลดเปลื้องความเศร้าหมองออกไปได้หมดเช่นนี้ เรียกว่า วิมุตติ เป็นคุณธรรมสูงสุดในพระพุทธศาสนา ใจหลุดพ้นจากความเศร้าหมองได้นานเพียงใด ย่อมได้รับความสบายใจมากเพียงนั้น
ใจที่หลุดพ้นจากมลทินเพราะความรู้ดีรู้ชอบแล้วนั้น ย่อมทำให้ใจบริสุทธิ์สะอาดปราศจากความกระวน กระวายกระสับกระส่าย เสวยแต่ความสบายสงบระงับ จึงนับว่าได้บรรลุสันติ คือ ความสงบจากกิเลส ผู้ได้บรรลุสันติ เรียกว่า คนสงบ
บุคคลเช่นนี้ แม้ประสบเหตุการณ์อย่างไร ย่อมไม่ตื่นเต้นหวั่นไหว รู้จักระงับใจให้หยุดความตื่นเต้นเสียได้ สงบจิตมิให้ตกไปในความฟุ้งซ่าน เรียกได้ว่า เป็นผู้ประกอบด้วยความรู้ดีรู้ชอบ ประพฤติปฏิบัติตามธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้แล้ว
คอลัมน์ ธรรมะวันหยุด
บทความโดย พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ. 9) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร
ที่มา: http://www.itti-patihan.com/ความรู้ดีรู้ชอบ.html
วันที่โพสต์: 18/11/2556 เวลา 07:12:57
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
ดอกบัวสีขาว ความรู้ดีรู้ชอบ คือ รู้เห็นตามความจริงว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เป็นไปตามเหตุและผล สิ่งนี้ๆ มีอยู่ สิ่งนี้ๆ จึงเกิดขึ้น ถ้าสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ก็ไม่เกิดขึ้น ทำเหตุดีผลก็ดี ทำเหตุไม่ดี ผลก็ไม่ดี ความรู้ดีรู้ชอบ เป็นคุณธรรมที่มนุษย์จำต้องประกอบไว้ให้มีทั้งในทางโลกและทางธรรม เป็นทางสำหรับหลีกเลี่ยงบุคคลผู้มีความรู้ผิด ความรู้ดีรู้ชอบ ในทางโลกเป็นปัจจัยสำคัญให้ปฏิบัติกิจ นั้นๆ ให้สำเร็จลงด้วยความเรียบร้อยสะดวกดี ได้ประโยชน์เต็มที่แก่ตนและคนอื่น ถ้าเรามีความเข้าใจไม่ถูกและไม่ดี ย่อมทำให้การงานเสียประโยชน์ บางคราวกลับเป็นโทษแก่ตนและคนอื่นด้วย ส่วนรู้ดีรู้ชอบใน ทางธรรม ได้แก่ ความรู้จักอารมณ์ที่เกิดขึ้นและดับไปให้ถูกต้องตามความเป็นจริงของสภาพ เป็นการรู้เท่าทันอารมณ์ เช่น เวลาถูกความโกรธ ความริษยา พยาบาท เศร้าโศกเสียใจ หรืออกุศลธรรมอย่างใดอย่างหนึ่งครอบงำ ก็รู้จักและเข้าใจแจ่มแจ้งจนเป็นรู้ดีและรู้ชอบตามความเป็นจริง ความรู้ดีรู้ชอบนั้น กล่าวโดยหลักสำคัญ ก็คือความรู้เท่าทันซึ่งกิเลสของตน กิเลสเกิดขึ้นก็รู้ว่ากิเลสเกิดแล้ว กิเลสดับไปก็เข้าใจว่า กิเลสดับ ความรู้ดีรู้ชอบนั้น อำนวยผลสำคัญคือความรู้จักปล่อยหรือรู้จักวางต่อไป ใจที่ข้องอยู่ในอกุศลทุจริตนั้น จะมีความร้อนรนกระวนกระวาย ดิ้นรนกระสับกระส่ายไปตามกำลังของมัน เช่น ความคิดริษยาพยาบาท และความเคียดแค้นเกิดขึ้น ย่อมทำให้ใจร้อน ทำให้ใจขุ่นหมอง ไม่ปลอดโปร่ง ถ้าเราปลดความคิดเช่นนั้นออกเสียได้ ย่อมไม่มีอะไรมาข้องใจ และใจก็ไม่ติดอยู่ในความเศร้าหมองเช่นนั้น คงเหลือแต่ความผ่องใส เป็นใจบริสุทธิ์สะอาด เหมือนคนฉลาดเก็บดอกไม้ ย่อมเลือกเก็บดอกไม้ที่ดี มีสีสวยงามและมีกลิ่นหอม สมควรแก่การเรียงร้อย ไม่เก็บดอกไม้ช้ำและเน่า แม้จะพลั้งเผลอไปโดยไม่รู้เท่า ภายหลังก็เลือกเอาดอกไม้อันไม่เป็นประโยชน์ทิ้งเสียจนหมด การที่ใจปลดเปลื้องความเศร้าหมองออกไปได้หมดเช่นนี้ เรียกว่า วิมุตติ เป็นคุณธรรมสูงสุดในพระพุทธศาสนา ใจหลุดพ้นจากความเศร้าหมองได้นานเพียงใด ย่อมได้รับความสบายใจมากเพียงนั้น ใจที่หลุดพ้นจากมลทินเพราะความรู้ดีรู้ชอบแล้วนั้น ย่อมทำให้ใจบริสุทธิ์สะอาดปราศจากความกระวน กระวายกระสับกระส่าย เสวยแต่ความสบายสงบระงับ จึงนับว่าได้บรรลุสันติ คือ ความสงบจากกิเลส ผู้ได้บรรลุสันติ เรียกว่า คนสงบ บุคคลเช่นนี้ แม้ประสบเหตุการณ์อย่างไร ย่อมไม่ตื่นเต้นหวั่นไหว รู้จักระงับใจให้หยุดความตื่นเต้นเสียได้ สงบจิตมิให้ตกไปในความฟุ้งซ่าน เรียกได้ว่า เป็นผู้ประกอบด้วยความรู้ดีรู้ชอบ ประพฤติปฏิบัติตามธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้แล้ว คอลัมน์ ธรรมะวันหยุด บทความโดย พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ. 9) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร ขอบคุณ… http://www.itti-patihan.com/ความรู้ดีรู้ชอบ.html
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)