โลกทัศน์แห่งความสุข(จบ)
โลกทัศน์แห่งความสุข(จบ) : คันฉ่องและโคมฉาย โดยว.วชิรเมธี
ขณะที่นักธุรกิจกำลังกอดภรรยาอย่างมีความสุขปานจะกลืนกินนั้นเอง เขามองผ่านไหล่ภรรยาสาวขึ้นไปบนบ้าน แม่ของภรรยากำลังเดินลงจากบันไดในชุดนอนลงมา เขาทำทีเป็นเพิ่งพบกับคุณแม่
“อ้าวคุณแม่ก็มาเหรอ มาเมื่อไหร่” ทำทีเป็นผละจากภรรยาไปกอดคุณแม่
“โอ้โห คุณแม่ ผมก็คิดถึงแม่เหลือเกิน”
แม่ก็ลูบหลังลูกเขย “แม่ก็คิดถึงลูก เป็นอย่างไรบ้างลูก ไปอเมริกากลับมา”
“โอ้แม่ทุกอย่างดีที่สุดเลย ราบรื่นทุกประการ” ในใจก็คิดแต่ว่า แหม เมื่อคืนเกือบยิงเปรี้ยงไปแล้วล่ะ คุณแม่หารู้ไม่ว่า แท้ที่จริงคนที่กำลังกอดกับตัวเองอยู่คือคนที่กำลังเอาปืนจ้องตัวเองอยู่ เมื่อคืนนี้
คาถาหน้าสามหลังสาม ทำให้นักธุรกิจคนนี้ประสบความสำเร็จทั้งทางโลกและทางธรรม ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
คำว่า หน้าสามหลังสาม หากถอดเป็นปริศนาธรรมก็คือ ท่านสอนว่า จะทำอะไรก็ตามจงคิดหน้าคิดหลัง ถ้าคิดหน้าคิดหลังแล้วโอกาสที่เราจะผิดพลาดก็น้อยลง คิดหน้าก็คือคิดว่าเรื่องนี้ควรทำไหม คิดหลังก็คือคิดว่าถ้าทำไปแล้วต้องมานั่งเสียใจไหม ถ้าคิดก่อนทำทุกครั้งเราจะไม่ผิดพลาดเลย จำง่ายๆ คิดหน้าคิดหลัง ก็คือคำว่า 'ยับยั้งชั่งใจ' นั่นเอง
ถ้าเรายับยั้งชั่งใจ ไม่ต้องมานั่งเสียใจกับสิ่งที่ทำ นี่คือ 'สุขศึกษา วิชาว่าด้วยความสุข'
ย้ำอีกครั้งหนึ่ง นิทานปรัชญาเรื่องที่หนึ่ง 'กระเป๋าแห่งความสุข' อย่าทำกระเป๋าแห่งความสุขหายเป็นอันขาด เพราะเหตุแห่งความสุขนั้นอยู่ในกระเป๋าแห่งความสุขครบถ้วนแล้ว กระเป๋าใบนั้นอยู่ที่เรา เราต้องดูแลกระเป๋าแห่งความสุขนี้ให้ดี อย่าให้ต้องเห็นคุณค่าของกระเป๋าแห่งความสุขนั้นต่อเมื่อกระเป๋านั้นหายไป แล้ว
เรื่องที่สอง 'คุกกี้แห่งความสุข' อย่าตัดสินคนอื่นในแง่ลบ จากการเห็นเพียงบางสิ่งบางอย่างของเขาแล้วสรุปเอาว่านั่นคือทั้งหมด สิ่งสำคัญไม่อาจเห็นด้วยตา คำสำคัญไม่อาจฟังด้วยหู ฉะนั้นอย่าด่วนตัดสินคุณค่าของใครในทางลบ ถ้าเรามองคนแต่ในแง่ลบ เราแทบจะไม่เหลือคนให้คบในโลกนี้ ถ้าเรามองแต่ในแง่ดี เราจะมากมายคนดีให้เลือกคบ
เรื่องที่สาม 'เลขสามตัว' เมื่อเราจะลงมือทำอะไรก็ตาม หากยับยั้งชั่งใจแล้ว เห็นว่าเป็นสิ่งไม่ดีก็ไม่ทำ หรือยับยั้งชั่งใจอย่างรอบคอบแล้วจึงลงมือทำ ผลของการกระทำนั้นจะนำมาซึ่งความสุขเสมอไป
อาตมภาพเชื่อเหลือเกินว่า 'สุขศึกษา วิชาแห่งความสุข' ทั้งสามเรื่องนี้ เมื่อเรานำไปคิดพิจารณาต่อ และนำไปปรับใช้กับชีวิต ก็จะมีประโยชน์สวัสดิผลมาก นำมาซึ่งความสุขแก่ชีวิตของเราแต่ละคนบ้างอย่างแน่นอน
(จบบริบูรณ์)
ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/detail/20130919/168547/โลกทัศน์แห่งความสุข(จบ).html#.UjqevVOja8o
ที่มา: http://www.komchadluek.net/detail/20130919/168547/โลกทัศน์แห่งความสุข(จบ).html#.UjqevVOja8o
วันที่โพสต์: 20/09/2556 เวลา 07:14:00
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
ธรรมชาติบนยอดเขา โลกทัศน์แห่งความสุข(จบ) : คันฉ่องและโคมฉาย โดยว.วชิรเมธี ขณะที่นักธุรกิจกำลังกอดภรรยาอย่างมีความสุขปานจะกลืนกินนั้นเอง เขามองผ่านไหล่ภรรยาสาวขึ้นไปบนบ้าน แม่ของภรรยากำลังเดินลงจากบันไดในชุดนอนลงมา เขาทำทีเป็นเพิ่งพบกับคุณแม่ “อ้าวคุณแม่ก็มาเหรอ มาเมื่อไหร่” ทำทีเป็นผละจากภรรยาไปกอดคุณแม่ “โอ้โห คุณแม่ ผมก็คิดถึงแม่เหลือเกิน” แม่ก็ลูบหลังลูกเขย “แม่ก็คิดถึงลูก เป็นอย่างไรบ้างลูก ไปอเมริกากลับมา” “โอ้แม่ทุกอย่างดีที่สุดเลย ราบรื่นทุกประการ” ในใจก็คิดแต่ว่า แหม เมื่อคืนเกือบยิงเปรี้ยงไปแล้วล่ะ คุณแม่หารู้ไม่ว่า แท้ที่จริงคนที่กำลังกอดกับตัวเองอยู่คือคนที่กำลังเอาปืนจ้องตัวเองอยู่ เมื่อคืนนี้ คาถาหน้าสามหลังสาม ทำให้นักธุรกิจคนนี้ประสบความสำเร็จทั้งทางโลกและทางธรรม ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข คำว่า หน้าสามหลังสาม หากถอดเป็นปริศนาธรรมก็คือ ท่านสอนว่า จะทำอะไรก็ตามจงคิดหน้าคิดหลัง ถ้าคิดหน้าคิดหลังแล้วโอกาสที่เราจะผิดพลาดก็น้อยลง คิดหน้าก็คือคิดว่าเรื่องนี้ควรทำไหม คิดหลังก็คือคิดว่าถ้าทำไปแล้วต้องมานั่งเสียใจไหม ถ้าคิดก่อนทำทุกครั้งเราจะไม่ผิดพลาดเลย จำง่ายๆ คิดหน้าคิดหลัง ก็คือคำว่า 'ยับยั้งชั่งใจ' นั่นเอง ถ้าเรายับยั้งชั่งใจ ไม่ต้องมานั่งเสียใจกับสิ่งที่ทำ นี่คือ 'สุขศึกษา วิชาว่าด้วยความสุข' ย้ำอีกครั้งหนึ่ง นิทานปรัชญาเรื่องที่หนึ่ง 'กระเป๋าแห่งความสุข' อย่าทำกระเป๋าแห่งความสุขหายเป็นอันขาด เพราะเหตุแห่งความสุขนั้นอยู่ในกระเป๋าแห่งความสุขครบถ้วนแล้ว กระเป๋าใบนั้นอยู่ที่เรา เราต้องดูแลกระเป๋าแห่งความสุขนี้ให้ดี อย่าให้ต้องเห็นคุณค่าของกระเป๋าแห่งความสุขนั้นต่อเมื่อกระเป๋านั้นหายไป แล้ว เรื่องที่สอง 'คุกกี้แห่งความสุข' อย่าตัดสินคนอื่นในแง่ลบ จากการเห็นเพียงบางสิ่งบางอย่างของเขาแล้วสรุปเอาว่านั่นคือทั้งหมด สิ่งสำคัญไม่อาจเห็นด้วยตา คำสำคัญไม่อาจฟังด้วยหู ฉะนั้นอย่าด่วนตัดสินคุณค่าของใครในทางลบ ถ้าเรามองคนแต่ในแง่ลบ เราแทบจะไม่เหลือคนให้คบในโลกนี้ ถ้าเรามองแต่ในแง่ดี เราจะมากมายคนดีให้เลือกคบ เรื่องที่สาม 'เลขสามตัว' เมื่อเราจะลงมือทำอะไรก็ตาม หากยับยั้งชั่งใจแล้ว เห็นว่าเป็นสิ่งไม่ดีก็ไม่ทำ หรือยับยั้งชั่งใจอย่างรอบคอบแล้วจึงลงมือทำ ผลของการกระทำนั้นจะนำมาซึ่งความสุขเสมอไป อาตมภาพเชื่อเหลือเกินว่า 'สุขศึกษา วิชาแห่งความสุข' ทั้งสามเรื่องนี้ เมื่อเรานำไปคิดพิจารณาต่อ และนำไปปรับใช้กับชีวิต ก็จะมีประโยชน์สวัสดิผลมาก นำมาซึ่งความสุขแก่ชีวิตของเราแต่ละคนบ้างอย่างแน่นอน (จบบริบูรณ์) ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/detail/20130919/168547/โลกทัศน์แห่งความสุข(จบ).html#.UjqevVOja8o
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)